พ๊ง สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 410 | #1 วันที่: 20/12/2006 @ 08:11:48 : re: "Circuit Breaker" ครั้งแรกประวัติศาสตร์ตลาดหุ้ ธปท.ยืนยันไม่รับผิดชอบ
ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นได้ใช้มาตรการหยุดการซื้อขายชั่วคราว (Circuit Breaker)
ในระดับที่ 1 หลังจากที่ดัชนีได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงแล้ว นางอัจนา ไวความดี รองผู้ว่าการ สายเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.กล่าวถึงผลกระทบของตลาดหุ้นที่ได้รับจากมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทว่า ในขณะนี้ยังสั้นเกินไปที่จะพิจารณาทบทวนหรือเห็นผลอย่างชัดเจนของการนำมาตรการกันสำรองเงินทุนนำเข้าระยะสั้นที่ 30% ของวงเงินที่นำมาแลกเปลี่ยนเงินตรากับสถาบันการเงิน
การที่ ดร.ธาริษา เพิ่งแถลงไปเมื่อเย็นวานก่อน และมาตรการดังกล่าวเพิ่งมีผลไปไม่นานนั้น และยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่เข้าใจมาตรการดังกล่าวดีพอ จึงต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจเพิ่มเติม และทั้งนี้ยังไม่พบว่านักลงทุนต่างชาติที่นำเงินเข้ามาลงทุนก่อนหน้านี้เทขายบาทเพื่อแลกดอลลาร์ออกไปจากประเทศเกิดขึ้นอย่างผิดปกติหลังจากประกาศมาตรการดังกล่าว
ด้าน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ผลกระทบกับตลาดหลักทรัพย์ฯที่เกิดจากมาตรการของธปท. เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว โดยทางการจะประเมินผลกระทบทั้งหมดที่เกิดขึ้น
หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการในวันนี้ เนื่องจากต้องการให้ผลที่เกิดจากการใช้มาตรการดังกล่าวได้แสดงออกมาให้เต็มที่ก่อน อย่างไรก็ดี ในภาพรวมแล้วเห็นว่าทั้งค่าเงินบาทและตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าเชื่อถืออยู่
ดัชนีที่ปรับลดลงกว่า 100 จุด ได้มีการประเมินผลที่จะเกิดขึ้นไว้อยู่แล้ว ส่วนจะมีมาตรการดูแลอะไรหรือไม่นั้น รอให้ตลาดฯ ปิดก่อนจึงจะประเมินอีกครั้ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
กล่าว
การออกมาตรการของ ธปท.ก็เพื่อต้องการให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งก่อนหน้านี้เงินที่ไหลเข้าประเทศส่วนมากจะไปอยู่ที่ตลาดหุ้น แต่ในเดือนธ.ค.เงินที่ไหลเข้าประเทศส่วนใหญ่ ไปอยู่ที่ตลาดตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อหวังเก็งกำไรจากค่าเงินบาท หากธปท.ไม่นำมาตรการสกัดกั้นเงินทุนระยะสั้นออกมาใช้ ก็จะยิ่งทำให้ต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรกับเงินบาทมากขึ้น
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยยังไม่น่าเป็นห่วง แม้นักลงทุนต่างชาติจะเทขายหุ้นออกมา แต่ยังไม่มีการซื้อดอลลาร์เพื่อเอาเงินออกนอกประเทศ นอกจากนี้เชื่อว่ายังมีเงินลงทุนของผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ (non-resident) อีกกว่าแสนล้านบาทที่พร้อมกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นได้
ทั้งนี้ มีการประเมินเบื้องตนว่า การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงไปกว่า 100 จุด
ส่งผลให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 8.2 แสนล้านบาทแล้ว
ล้อมกรอบ 2 Circuit Breaker คืออะไร
Circuit Breaker เป็นคำสะแลง ที่หยิบยืมเอามาจากกระบวนการทำงานของเครื่องตัดกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะตัดไฟทิ้งทันทีที่มีกระแสไฟเกินระดับปกติ เพื่อป้องกันไฟไหม้บ้านหรืออาคารสถานที่ ในขณะที่ศัพท์ที่แท้จริงของคำนี้ มีอยู่หลายคำ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความหมายเดียวกัน คือ หมายถึงการหยุดพักการซื้อขายตลาดชั่วคราว เมื่อดัชนีราคาหุ้นร่วงลงเกินกว่าระดับปรับฐาน(หรือ market correction) โดยพิจารณาจากเหตุที่ทำให้หุ้นร่วงว่า เกิดจากสาเหตุปกติหรือไม่เป็นแกนสำคัญ
- Trading Curb คือ คำเรียกทางวิชาการที่แท้จริง หมายถึงจุดที่กำหนดเอาไว้ว่า เมื่อหุ้นร่วงมาถึงระดับ(คิดตามสัดส่วนร้อยละ)ของราคาปิดครั้งสุดท้ายเมื่อใด ให้ถือว่า จุดนั้นคือจังหวะที่ต้องระงับการซื้อขายของตลาดชั่วคราว
- Trading Collar หมายถึง มาตรการใดๆก็ตามที่ตลาดออกมา เพื่อป้องกันการกระหน่ำขายไม่ยั้งของนักลงทุนต่อหุ้นทั้งตลาด โดยไม่มีสาเหตุชัดเจนจากปัจจัยภายในของหุ้นแต่ละบริษัทเอง รวมถึงการระงับซื้อขายทั้งตลาดด้วย
ทั้งสองกรณีนี้ จะต้องเกิดขึ้นเมื่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทั้งตลาด และดัชนีร่วงลงโดยไม่มีสาเหตุชัดเจนหรือผิดปกติของปัจจัยภายนอกเท่านั้น จะไม่สามารถนำมาใช้กับกรณีที่นักลงทุนพากันกระหน่ำเทขายหุ้นบลูชิพบางตัวเพื่อขาดความเชื่อมั่นต่อตัวผุ้บริหาร ต่อบริษัทหรือต่องบการเงินของบริษัท จนกระทั่งทำให้ดัชนีลดต่ำลงกว่าระดับที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งกรณีหลังนี้ เรียกว่าเป็นกรณีที่เรียกว่า การยอมจำนนของนักลงทุน หรือ Capitulation
คำนิยามของการยอมจำนนของนักลงทุน เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนต้องการทิ้งหุ้นบางตัวเพื่อเสื่อศรัทธาในปัจจัยภายในของบริษัท เพื่อหาการลงทุนใหม่ๆที่ปลอดภัยกว่า ถือเป็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนตามปกติ แม้ว่าจะส่งผลต่อดัชนีให้ร่วงลงอย่างรุนแรงก็ตามที โดยปกติแล้วปรากฏการณ์เช่นนี้ จะกระทบต่อตลาดเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น เพราะเมื่อนักลงทุนหายตระหนกแล้ว ก็จะกลับมาซื้อหุ้นตัวอื่นๆ เพื่อดันดัชนีหุ้นกลับไปใกล้เคียงกับจุดเดิม
นั่นก็หมายความว่า การที่ตลาดจะออกคำสั่งระงับการซื้อขายทั้งหมดชั่วคราวหรือ
Circuit Breakerได้ จะต้องมีเงื่อนไขที่ชัดเจน ไม่ใช่ใช้ได้ในกรณีหุ้นร่งแรงทุกกรณี แบบชนิดที่เป็นปรากฏการณ์ทั่วไป ดังที่มีศัพท์เรียกในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทว่า เป็นปรากฏ การณ์ วันสิ้นโลก หรือ end-of-the-day syndrome ซึ่งเกิดจากการตระหนกแบบกระต่ายตื่นตูมของนักลงทุนเอง อันเป็นธรรมชาติปกติของนักลงทุน
ตลาดที่ริเริ่มนำมาตรการCircuit Breaker มาใช้เป็นครั้งแรกในโลก ได้แก้ตลาดหุ้นนิวยอร์ก อันเป็นมาตรการที่เกิดขึ้นหลังจากกรณี Balck Monday 1987 ซึ่งสร้างความเสียหายมหาศาล มาตรการที่นำออกมาใช้ และเป็นมาตรฐานของโลกมาจนถึงปัจจุบันประกอบด้วยมาตรการ 2 แนวทางคือ
- Rule 80 A ใช้วิธีการคำนวณว่า ระดับของดัชนีที่จะเข้าเขตระงับการซื้อขายในแต่ละไตรมาส ควรอยู่ที่เท่าใด โดยมีคณะทำงานเป็นผู้กำหนด โดยระยะแรกใช้ดัชนีดาวโจนส์ เป็นฐานคำนวณ แต่ต่อมาเปลี่ยนเป็นการใช้ดัชนีรวมของตลาดที่เรียกว่า NYA index เป็นฐานคำนวณแทน กฎนี้ได้รับชื่อเสียงว่าช่วยป้องกันความผันผวนของตลาดได้ดี และไม่ได้กำหนดเงื่อนไขว่าสาเหตุอะไรบ้างที่ควรใช้ และไม่ควรได้
เท่ากับเปิดกว้างให้ใช้ดุลยพินิจเต็มที่
- Rule 80 B ใช้เฉพาะในกรณีตลาดผันผวนอย่างไม่มีพื้นฐานรองรับเท่านั้น ห้ามใช้กับเงื่อนไขภายในของตัวหุ้นเอง โดยกำหนดไว้ที่ระดับการร่วงลงของดัชนีดาวโจนส์ 10 +10 +10 หรือ 20+10+10 เป็นสำคัญ โดยกำหนดเงื่อนไขและเวลาเอาไว้ชัดเจนว่า ในกรณีร่วงลงมามากกว่า 10% และกรณีร่วงมากกว่า 20% ให้หยุดตลาดระงับการซื้อขายได้ โดยเงื่อนไขสำคัญคือ หากตลาดหุ้นร่วงใกล้กับเวลาปิดทำการตลาด จะไม่มีการห้ามซื้อขายเด็ดขาด
มีข้อสังเกตว่า กฎข้อ 80 B นี้ แม้จะเข้มงวดเอาไว้ แต่ก็มีการละเมิดอย่างน้อยหนึ่งครั้ง คือ ในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1997 เมื่อดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนัก 550 จุดหลัง 15.30 น. อันเป็นเวลาใกล้ปิดตลาด ตลาดก็สั่งระงับการซื้อขายไปจนปิดตลาดวันนั้นเลย ซึ่งเป็นกรณีไม่ปกติ แสดงให้เห็นว่า ที่สุดแล้ว เงื่อนไขที่ตั้งเอาไว้ บางครั้งก็ถูกยกเว้นได้เช่นกัน
เหตุผลที่ผู้บริหารของตลาดหุ้น นำมาใช้อ้างก็คือ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาด และปกป้องนักลงทุนรายย่อย อันเป็นเหตุผลสารพัดนึกปกติธรรมดา |