เปิดซื้อขายหุ้นรอบใหม่หลังหยุดพัก 30 นาที ดัชนีหุ้นร่วงทะลุ 100 จุด

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยยังคงลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่เปิดทำการซื้อขายรอบที่ 2 ของวันนี้ โดยเมื่อเวลา 12.02 น. ดัชนีหุ้นอยู่ที่ 643.29 จุด ลดลง 87.26 จุด

ขณะที่เมือ่เวลา 12.09 น. ดัชนีหุ้นอยู่ที่ 630.16 จุด ลดลง 100.39 จุด

ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับลงกว่า 10% เมื่อ 11.29 น. ทำให้ตลาดหยุดซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที จากระบบเซอร์กิต เบรคเกอร์ ซึ่งเมื่อ 11.29 น.ของวันนี้ดัชนีหุ้นไทยปรับลง 10.10% จากนั้นเมื่อ 11.30 น. ดัชนีลดลง 74.06 จุด หรือ 10.14% มาที่ 656.49 จุด และเปิดทำการรอบใหม่ที่ 11.59 น.

สำหรับระบบเซอร์กิต เบรคเกอร์ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น ในขยักแรกหากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงถึง 10% ของค่าดัชนีปิดในวันทำการก่อนหน้า ตลาดหลักทรัพย์จะพักการซื้อขาย ทั้งหมดเป็นเวลา 30 นาที

สำหรับขยักที่ 2 เมื่อ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงลดลงถึง 20% ของค่าดัชนีปิดในวันก่อนหน้านี้ หรือลดต่อจากการพักในครั้งแรกอีก 10%

ตลาดหลักทรัพย์ จะพักการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง และหลังจากการทำงานครั้งที่ 2 ของระบบ เซอร์กิตเบรกเกอร์แล้ว ตลาดหลักทรัพย์จะเปิดให้ทำการซื้อขายต่อไป จนถึงเวลาปิดทำการตามปกติโดยไม่มีการหยุดพักการซื้อขายอีก

หากระยะเวลาในรอบการซื้อขายที่ ระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ ทำงานนั้น เหลือไม่ถึง 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ก็ให้หยุดพักการซื้อขายเพียงระยะเวลาที่เหลือในรอบการซื้อขายนั้นแล้วเปิดให้ซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติในรอบการซื้อขายถัดไป

เจ พี มอร์แกน แนะนักลงทุนเทขายหุ้นรอความชัดเจนนโยบายธปท.

19 ธันวาคม 2549 11:17 น.
นายมาร์โค สุจริตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายหลักทรัพย์ บล.เจ พี มอร์แกน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเนื่องจากนักลงทุนตื่นตระหนกมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาเพื่อสกัดกั้นเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทได้แนะนำให้ลูกค้าหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดหุ้นเนื่องจากยังไม่ชัดเจนในนโยบายของธปท. นักลงทุนต่างประเทศบางรายยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน ซึ่ง ธปท.ควรที่จะทำความเข้าใจกับนักลงทุนด้วยไม่ใช่กับแบงก์พาณิชย์อย่างเดียวง

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวถือว่าเป็นการแทรกแซงตลาดหุ้นโดยตรง ซึ่งเป็นมาตรการที่คล้ายคลึงกับที่ใช้ประเทศมาเลเซีย และประเทศชิลี ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นดังกล่าว นักลงทุนต่างประเทศไม่เข้ามาลงทุน ซึ่งตลาดหุ้นมาเลเซียกว่าจะฟื้นตัวใช้เวลานานกว่า 10 ปีกว่าจะฟื้นตัว ขณะที่ตลาดหุ้นชิลียังไม่ฟื้นจนถึงปัจจุบัน

เขาคาดว่าตลาดหุ้นเปิดช่วงบ่าย มีโอกาสปรับตัวลดลงรุนแรงเนื่องจากตลาดหุ้นบางประเทศเริ่มเปิดทำการซื้อขาย ตลาดหุ้นอาจต้องใช้มาตรการเซอร์กิต เบรคเกอร์ สั่งหยุดซื้อขายหุ้นช่วงบ่ายชั่วคราว

ตลาดขอร้องนักลงทุนดูมาตรการผ่อนคลายธปท.ช่วงบ่าย

19 ธันวาคม 2549 12:19 น.
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ให้นักลงทุนรอดูข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในช่วงบ่าย หลังการหารือกับโบรกเกอร์ และจะพิจาณณาออกมาตรการผ่อนคลายอย่างไรบ้าง

ในช่วงเช้าวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ ได้ส่งข้อมูลการซื้อขายหุ้นให้กับแบงก์ชาติแล้ว และตลาดหลักทรัพย์ขอให้แบงก์ชาติ ทำการทบทวนมาตรการดังกล่าว เนื่องจากมาตรการดังกล่าวกระทบต่อตลาดหุ้นโดยตรง และได้มีการแยกแยะเม็ดเงินลงทุนด้วยว่า เม็ดเงินใดเป็นการเข้ามาเก็งกำไร หรือลงทุนโดยตรง

เธอกล่าวย้ำด้วยว่า ในช่วงบ่ายหากหุ้นยังคงปรับตัวลดลงอีก 10% หรือปรับตัวลดลง 20% ตลาดหลักทรัพย์จะสั่งหยุดพักการซื้อขายรอบ 2 เป็นเวลาอีก 1 ชั่วโมง

หุ้นไทยภาคเช้าปิดที่ 644.66 จุด -85.89

การซื้อขายหลักทรัพย์ภาคเช้าวันอังคาร(19 ธ.ค.)ดัชนีปิดที่ระดับ644.66 จุดปรับลดลง-85.89 จุดเปลี่ยนแปลง

-11.76% มูลค่าการซื้อ-ขายทั้งสิ้น42,563.57 ล้านบาท//5อันดับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงคือSCB ปิดที่56.50 บาทลดลง-11.00 บาท,PTT ปิดที่206.00 บาทลดลง-18.00 บาท,KBANK ปิด58.50 บาทลดลง-12.00 บาท,BBL ปิดที่106.00 บาทลดลง-17.00 บาท,KTB ปิดที่11.00 บาทลดลง


-2.90 บาท


ดัชนีSET 100 ปิดตลาดภาคเที่ยงที่973.92 จุดปรับลดลง-142.79 จุดเปลี่ยนแปลง-12.79% มูลค่าซื้อขาย35,322.35 ล้านบาท


ดัชนีSET 50 ปิดตลาดภาคเที่ยงที่445.99 จุดปรับลดลง-66.01 จุดเปลี่ยนแปลง-12.89% มูลค่าซื้อขาย33,346.67 ล้านบาท


ดัชนีMAI ปิดตลาดภาคเที่ยงที่182.45 จุดปรับลดลง-16.33 จุดเปลี่ยนแปลง-8.22% มูลค่าซื้อขาย163.38 ล้านบาท

หุ้นปิดเช้าร่วง11.76% แห่เทขายทั่วกระดาน

หุ้นปิดตลาดช่วงเช้าดิ่งหนัก 11.76% นักลงทุนแห่เทขายหุ้นทั่วกระดาน คาดเปิดช่วงบ่ายมีโอกาสปรับขึ้น หากไม่เจอแรงเทขายหนัก

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดตลาดช่วงเช้าดิ่ง 85.89 จุด หรือ 11.76% ดัชนีมาอยู่ที่ 644.66 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 42,563.56 ล้านบาท โดยดัชนีปรับลงต่อเนื่องจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มหลักตั้งแต่เปิดตลาด จนกระทั่งเมื่อเวลา 11.29 น. ตลาดหลักทรัพย์ต้องสั่งพักการซื้อขาย เนื่องจากดัชนีร่วงกว่า 10%

โบรกเกอร์กล่าวว่านักลงทุนตื่นตระหนกมาตรการคุมเงินทุนระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และนักลงทุนต่างชาติวิตกกังวลจากมาตรการดังกล่าว จึงมีแรงเทขายหุ้นกลุ่มหลักๆ คือ ธนาคารพาณิชย์ และหุ้นบลูชิพตัวอื่นๆที่นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุน

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งวันแรก มีหลักทรัพย์ลบมากถึง 444 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง 10 หลักทรัพย์และปรับเพิ่มขึ้นเพียง 4 หลักทรัพย์

แรงเทขายมาจากนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก คาดว่าในช่วงบ่ายอาจมีแรงซื้อเข้ามา เพราะร่วงลงมามาก แต่อาจเกิดการตื่นตระหนกมากขึ้น เพราะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนที่หุ้นร่วงหนักขนาดนี้โบรกเกอร์กล่าว

ตั้งแต่มี คมช.กะรัฐบาลไม้แก่ ประเทศเจริญลงเจริญลง.................จะล่มจมแล้ว................ทั้งประเทศและประชาชน โดยเฉพาะ นลท.ในตลาดหุ้น

ผู้จัดการ ตลท.วอน ธปท.ทบทวนมาตรการสกัดเก็งกำไรบาท หลังส่งผลกระทบหนักต่อตลาดหุ้น ดัชนีช่วงเช้าดิ่งเหวไปกว่า 100 จุดแล้ว

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.เสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ทบทวนการนำมาตรการล่าสุดออกมาใช้เพื่อสกัดเงินทุนระยะสั้นที่เข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินบาท เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้น ซึ่ง ตลท.เห็นว่าการกำกับดูแลตลาดเงินควรแยกส่วนให้เกิดความชัดเจนเพื่อไม่ให้มีผลต่อตลาดทุน

นางภัทรียา กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้ผู้บริหาร ตลท.ได้ประเมินสถานการณ์ผลกระทบที่มีต่อตลาดหุ้น ร่วมกับธปท.และขอให้ทบทวนมาตรการดูแลค่าเงินบาทว่าควรจะพิจารณาจุดที่เกิดปัญหาและใช้มาตรการแก้ปัญหาเฉพาะจุด เพราะไม่ให้มีผลกระทบต่อส่วนรวม

สำหรับการปรับตัวลดลงอย่างมากของดัชนีตลาดหุ้นในช่วงเช้าวันนี้ เกิดจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมาตรการของ ธปท. ส่วนนักลงทุนไทยนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวแต่อย่างใด รวมทั้งไม่มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยด้วย

อย่างไรก็ตามเชื่อว่ามาตรการนี้จะกระทบกับดัชนีตลาดหุ้นในระยะสั้น เพราะตลาดยังมีความไม่เข้าใจมาตรการดังกล่าวใน 2 ประเด็น คือ กระบวนการนำเงินเข้า-ออกที่จะต้องกันสำรอง 30% ตามเกณฑ์ใหม่ของธปท. และระยะเวลาในการใช้มาตรการว่ายาวนานเพียงใด

นางภัทรียา กล่าวว่า บ่ายวันนี้ธปท.ได้เชิญตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์และนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เข้าไปรับฟังการชี้แจงมาตรการดังกล่าว เชื่อว่าเมื่อมีความเข้าใจที่ดีขึ้นแล้ว น่าจะทำให้การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงควรรอดูผลของการชี้แจงดังกล่าวก่อนจะตัดสินใจลงทุนต่อไป

ผลของมาตรการยอมรับว่ามีผลกระทบรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งต่อตลาดหลักทรัพย์ จนต้องนำมาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่มีมาตั้งแต่ปี 2542 มาใช้เป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาในช่วง 9/11 ดัชนีตลาดหุ้นเคยลดลงหนักก็แค่ 9.7% แล้วดีดกลับขึ้นมาจึงไม่ต้องมาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ วันนี้ตลาดหลักทรัพย์จึงให้หยุดการซื้อขายชั่วคราวเพื่อให้นักลงทุนได้มีเวลาวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจลงทุน นางภัทรียา กล่าวในการแถลงข่าว

นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมฯได้รับหนังสือจากธนาคารแห่งประเทศไทย ให้เข้าร่วมประชุมเวลา 13.30 น.เพื่อชี้แจงมาตรการดำรงสำรองเงินทุนนำเข้าระยะสั้น ส่วนในรายละเอียดยังไม่ทราบ

การที่ตลาดหลักทรัพย์หยุดการซื้อขายหุ้นชั่วคราว ครึ่งชั่วโมง เป็นมาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ เพราะดัชนีตลาดปรับลงไปถึง 10% เป็นเรื่องปกติ ซึ่งต้องรอดูว่าผลกระทบจะเป็นอย่างไร

ธปท.เปิดฮอตไลน์ตอบข้อซักถามกรณีมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าบาท

ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดสายด่วน(ฮอตไลน์) เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถซักถามเกี่ยวกับมาตรการสกัดกั้นเงินทุนนำเข้าระยะสั้นเพื่อป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท ที่เบอร์โทร 0-2356-7345-47 และที่เบอร์โทร 0-2356-8630-33

วานนี้ ธปท.ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมโดยกำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตรา

ต่างประเทศไว้จำนวนร้อยละ 30 ของเงินตราต่างประเทศดังกล่าวเป็นเวลา 1 ปี ส่วนที่เหลือร้อยละ 70 ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้ ให้ยกเว้นเงินตราต่างประเทศที่รับซื้อ หรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทที่ได้รับจากค่าสินค้า บริการ หรือเงินที่บุคคลหรือนิติบุคคลไทยได้รับคืนจากการลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนเงินที่มีมูลค่าต่ำกว่า 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐลงไป ไม่ต้องกันเงินไว้ตามมาตรการนี้

โบรกเกอร์คาดต่างชาติกวาดกำไรรอบนี้ร่วม20%

นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.บีฟิท กล่าวว่า การเทขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในรอบนี้ เชื่อว่าจะมีกำไรจากการลงทุนไปไม่น้อยกว่า 20% เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้เริ่มเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ค่าเงินบาทอยู่ระดับ 42 บาท ขณะที่ปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 35 บาทต้นๆ หรือค่าเงินแข็งค่าขึ้นกว่า 15-20% ไม่นับกำไรที่ได้จากการลงทุนในตลาดหุ้น

โบรกเกอร์ประเมินดัชนีมีสิทธิหลุด600จุด

นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.บีฟิท กล่าวว่า ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นจากนี้ไปคงซึมตัวยาว โดยดัชนีมีโอกาสปรับลดลงต่ำกว่า 600 จุดได้ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า เพราะภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) นำมาตรการควบคุมการเก็งกำไรในค่าเงินระยะสั้นมาใช้ ทำให้นักลงทุนต่างประเทศที่เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นเกิดความกังวลและพากันเทขายหุ้นออกมา

ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าหลังจากนักลงทุนกลุ่มนี้ขายหุ้นออกไปแล้ว ก็คงไม่กลับเข้ามาลงทุนในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

หุ้นบ่ายรูด134จุด ดัชนีหลุด600

19 ธันวาคม 2549 15:14 น.

หุ้นหลุด600จุด จากแรงเทขาย ช่วงบ่ายร่วง 134 จุด หรือ 18.36% มูลค่าซื้อขายหนาแน่นกว่า 5 หมื่นล้าน

ดัชนีหุ้นในช่วงบ่ายร่วงต่อเนื่อง 134.16 จุด หรือ 18.36% เมื่อเวลา 15.10 น. ดัชนีหลุด 600 จุด มาอยู่ที่ 596.39 จุด มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 5.38 หมื่นล้านบาท

โบรกเกอร์ผิดหวัง ธปท.ไม่มีมาตรการช่วยหุ้นคาดดัชนีดิ่งต่อ

โบรกเกอร์ผิดหวังแบงก์ชาติไม่มีมาตรการช่วยลดผลกระทบตลาดหุ้น จากมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาท

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการสายหลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า วันนี้ตัวแทน บริษัทหลักทรัพย์ ได้เสนอ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้รับทราบว่ามาตรการสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาท ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากต่างประเทศมีกฎเกณฑ์การลงทุนที่ทำให้ไม่สอดคล้องกับมาตรการ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงกฎ ก็จะมีผลให้แรงเทขายออกมาอีกอย่างมาก เนื่องจากตลาดหุ้นไทย ไม่ได้เป็นตลาดหุ้นประเทศเดียวที่มีพื้นฐานดี ต่างประเทศก็พร้อมที่จะย้ายไปลงทุนประเทศอื่น โดยสัดส่วนต่างประเทศที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนถึง 30%

นายสมบัติ นราวุฒิชัย นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ผลกระทบต่อมาตรการของ ธทป.ก็อาจกระทบต่อนักลงทุนระยะยาวด้วย เพราะการลงทุนต่างประเทศบางแห่งมีข้อผูกมัด ถ้าขายหุ้นออกไปแล้วจะพักเงินระยะยาวในประเทศนานๆ ไม่ได้ ทำให้ต้องนำเงินออก และเมื่อนำเงินกลับเข้าลงทุนจะต้องสำรอง 30% ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศต้องคิดหนัก หากนำเงินออกก่อน 1 ปี จะต้องถูกหักทันที 10% ขณะที่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 10% เศษเท่านั้น ทำให้เขาจะพิอจารณาหนักในการที่จะนำเงินกลับมาลงทุน

เขากล่าวว่า แบงก์ชาติได้ให้ โบรกเกอร์ รวบรวมปัญหาและคำถามไปเสนอให้กับแบงก์ชาติ ซึ่ง แบงก์ชาติ ก็ไม่มีมาตรการผ่อนปรน เพียงแต่รับฟังปัญหาเท่านั้น มาตรการนี้ได้ผลเรื่องการดูแลเงินบาท คาดว่านักเก็งกำไรคงจะเข็ดไปอีกนาน แต่ก็มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างรุนแรง

นายระพี สุจริตกุล ประธานกรรมการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่าบ่ายนี้แรงขายก็ยังไม่หยุด ธปท.พยามที่จะระวังเรื่องการส่งออกและการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนถึง 70% ของจีดีพี แต่ก็มีผลกระทบต่อตลาดทุนแรงมาก ก็จะต้องรอดูว่าผลกระทบจะมีมากน้อยขนาดไหนในระยะยาว ก็ต้องรอประเมินกัน

วันนี้วัตถุประสงค์ต่างกัน ธปท.ต้องการชี้แจงเรื่องขั้นตอนว่า แบงก์จะทำอย่างไร แต่โบรกเกอร์ต้องการฟังนโยบายว่าจะทำอะไรต่อไปไม่ใช่แค่ฟังเรื่องขั้นตอน ดังนั้นถ้าไม่มีปัจจัยอะไรมาสนับสนุนตลาดหุ้นก็คงจะซึมยาว

ธปท.เล็งออกมาตรการอุ้มตลาดหุ้น

นางนิตยา พิบูลย์รัตนกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า หลังหารือร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ถึงมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาทของธปท.กล่าวว่า ธปท.ยังคงต้องใช้มาตรการดังกล่าว แต่จะเร่งหามาตรการที่จะช่วยผ่อนคลายโดยเร็ว ซึ่งมาตรการผ่อนคลายดังกล่าวจะช่วยลดปัญหาและอุปสรรค์ของบริษัทหลักทรัพย์

อาจจะพิจารณาในการขยายวงเงินบัญชีผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ หรือนอนเรสซิเดนท์ ซึ่งปัจจุบันจำกัดไว้ที่ระดับ 300 ล้านบาท ซึ่งในประเด็นดังกล่าวในที่ประชุมบอกว่าวงเงินน้อยเกินไปนางนิตยา กล่าว

เธอยังกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้จะหาแหล่งพักเงินหลายแหล่งมากขึ้น

ธปท.ยอมรับว่า เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรง ซึ่งต้องพิจารณาช่วยเหลือต่อไป แต่ยืนยันว่ายังไม่ยกเลิกมาตรการนี้แน่นอน ส่วนกรณีที่ไม่เลือกมาตรการลดดอกเบี้ย แม้จะช่วยแก้ปัญหาการเก็งกำไรค่าเงินบาทจริง แต่ช่วยเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางนิตยา กล่าว