May 8, 2024   1:08:31 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สงครามยังไม่จบ อย่าด่วนนับศพมาร์เก็ตติ้ง!
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 15/11/2006 @ 02:04:09
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

อย่ากลัว! มาร์เก็ตติ้งตายในสนามรบ หลัง ก.ล.ต. มีมติให้ใช้ค่าคอมม์ฯ ในระบบการซื้อขายผ่านเน็ตฯ อัตรา 0.15% ขณะที่คงค่าคอมม์ฯ ขั้นต่ำที่ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี โบรกเกอร์ชี้ กระทบแค่เล็กน้อย ทั้งยังช่วยเพิ่มลูกค้ารายย่อยให้มีจำนวนมากขึ้น แต่สิ่งที่ดีไปกว่านั้น คือ แก้ปัญหาการดึงตัวมนุษย์ทองคำได้ชะงัก

* 3 วันทำการ ดัชนีหุ้นหลักทรัพย์ลด 2.85%
ดัชนีหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์วานนี้ (14 พ.ย.) ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีมติให้ใช้อัตราค่าคอมมิสชั่นของการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต 0.15% ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2550 จากปัจจุบันมีอัตรา 0.20% ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 แต่ให้คงการใช้อัตราค่าคอมมิสชั่นขั้นต่ำ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี

โดยทันทีที่ ก.ล.ต. มีมตินี้ออกมา ได้มีแรงเทขายหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ตามมาด้วย ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ ที่เคยอยู่ระดับสูงสุดในวันดังกล่าวที่ 1,119.58 จุด ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวานนี้ดัชนีฯ ได้ปิดที่ระดับ 1,087.58 จุด ถือเป็นอัตราการลดลง 2.85%

* กระทบมาร์เก็ตติ้งเล็กน้อย
นายสุวิช รัตนยานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.บีฟิท (BSEC) เปิดเผยว่า การที่ สำนักงาน ก.ล.ต.กำหนดให้คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ต ให้คิดค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 60 ของอัตราปกติหรือคิดในอัตรา 0.15% นั้น อาจส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติ้ง) บ้าง แต่คงไม่มากนัก โดยอาจทำให้ลูกค้ารายย่อยหันไปเทรดผ่านอินเตอร์เน็ตแทน เพราะเสียค่าคอมมิสชั่นถูกกว่า ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการความรวดเร็วและเล่นแบบเดย์เทรดน่าจะยังคงเทรดกับมาร์เก็ตติ้งเช่นเดิม

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก เพราะหากคำนวณอัตราค่าคอมมิสชั่นเทรดผ่านอินเตอร์เน็ตที่ระดับ 0.15% กับอัตราค่าคอมมิสชั่นที่เทรดผ่านมาร์เก็ตติ้งภายหลังจากหัก Incentive ที่ระดับ 0.18% จะพบว่า รายได้ที่โบรกเกอร์ได้รับไม่แตกต่างกันมากนัก นอกจากนี้ ยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้บริษัทเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีผลโดยตรงกับมาร์เก็ตติ้ง เพราะผมมองว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการช่วยเพิ่มฐานนักลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมาลูกค้ารายย่อยอาจไม่ได้รับความสะดวกในการเทรดผ่านมาร์เก็ตติ้งมากนัก แต่พอค่าคอมมิสชั่นการเทรดผ่านเน็ตถูกลง ลูกค้าน่าจะหันมาใช้บริการเพิ่ม และทำให้โบรกเกอร์ต้องพัฒนาระบบให้สามารถแข่งขันกันได้ นายสุวิช กล่าว

* ลดปัญหาดึงตัวมาร์เก็ตติ้ง
นอกจากนี้ น่าจะลดปัญหาการย้ายงานของมาร์เก็ตติ้งด้วย เพราะถ้าค่าคอมมิสชั่นในการเทรดผ่านเน็ตฯ ถูกลง โบรกเกอร์ก็ไม่ต้องแข่งขันกันแย่งตัวมาร์เก็ตติ้งเพื่อสร้างวอลุ่ม แต่อาจจะหันมาพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตให้มีความรวดเร็วและสะดวกสบายในการให้บริการแก่ลูกค้า

ทั้งนี้ ในส่วนของ BSEC คงไม่ได้รับผลกระทบในการลดค่าคอมม์ในการเทรดผ่านอินเตอร์เน็ต เพราะบริษัทฯ มีแผนที่จะพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตให้มีความรวดเร็วอยู่แล้ว โดยปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์อินเทอร์เน็ต เทรดดิ้งของ BSEC อยู่ที่ 20% ของวอลุ่มในการเทรดผ่านเน็ตฯ โดยรวม ซึ่งคาดว่าจะติดอันดับ 1 ใน 5 และมีแนวโน้มว่าปี 50 มาร์เก็ตแชร์ในการเทรดผ่านอินเทอร์เน็ตน่าจะเพิ่มมากขึ้น เพราะบริษัทฯ มีการพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง

* กดดันโบรกเกอร์ต้องปรับตัว
นายสาธิต วรรณศิลปิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย (SCIBS) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการคิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ต ให้คิดค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 60 ของอัตราปกติหรือคิดในอัตรา 0.15% นั้นจะเริ่มเมื่อไหร่ หากทาง ก.ล.ต.ให้เริ่มใช้มกราคม 2550 อาจส่งผลให้โบรกเกอร์ทุกแห่งต้องปรับแผนในการดำเนินธุรกิจ

เนื่องจากอัตราค่าคอมมิสชั่นในการเทรดผ่านอินเทอร์เน็ตและมาร์เก็ตติ้งมีความแตกต่างกันมาก อาจทำให้วอลุ่มในการเทรดผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยโบรกเกอร์ใหญ่น่าจะได้รับผลกระทบ
จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากที่สุด

นอกจากนี้ มาร์เก็ตติ้งก็จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แน่นอน เพราะ Incentive ที่มาร์เก็ตติ้งได้รับจะลดลง และอาจส่งผลต่อจำนวนมาร์เก็ตติ้งในธุรกิจหลักทรัพย์ให้มีจำนวนลดลงด้วย

อย่างไรก็ดี ในส่วนของ SCIBS คงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่อาจต้องปรับแผนในการดำเนินธุรกิจเล็กน้อย[/color:32ecda97a1">

 กลับขึ้นบน
samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
#1 วันที่: 15/11/2006 @ 02:06:01 : re: สงครามยังไม่จบ อย่าด่วนนับศพมาร์เก็ตติ้ง!
* หวั่นทำรายได้โบรกฯ หด
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การคงค่าคอมมิสชั่นขั้นต่ำที่ 0.25% ในขณะที่ได้มีการปรับลดค่าคอมมิสชั่นของอินเตอร์เน็ทเทรดดิ้งไม่เกิน 60% ของ 0.25% หรือลดลงเหลือ 0.15% นั้น คงจะส่งผลกระทบให้รายได้โบรกเกอร์ลดลง เพราะนักลงทุนจะหันมาซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดฯ ลดลง และหันไปใช้ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ทเทรดดิ้งมากขึ้น

อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มภาระให้กับโบรกเกอร์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ต่ำกว่า 2% เนื่องจากต้องหาลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น เพราะเมื่อลูกค้าหันมาซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ทเทรดดิ้งมากขึ้น จะทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมในการซื้อขายผ่านมาร์เก็ตติ้งลดลง และอาจส่งผลให้จำนวนมาร์เก็ตติ้งลดลงตามด้วย

* โกลเบล็ก เชื่อเทรดผ่านเน็ตฯ รุ่ง
นายศราวุธ บุษยรัตน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า โกลเบล็ก สนใจเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ต เทรดดิ้ง เช่นเดียวกัน

โดยคาดว่าการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ตน่าจะได้รับความสนใจใช้บริการจากนักลงทุนมากขึ้นหลังจาก ก.ล.ต.มีนโยบายปรับลดค่าคอมม์ฯ โดยนโยบายดังกล่าว คาดว่าจะทำให้ตลาดการซื้อขายหุ้นผ่านอินเทอร์เน็ตใหญ่ขึ้น ขณะที่ โกลเบล็ก เองก็มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่แล้ว โดยมีจอคอมพิวเตอร์ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้ 300-400 จอ

ล่าสุด โกลเบล็ก มีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 1.8-2.0% ภายในปี 2550 โดยเน้นการขยายฐานลูกค้าสถาบันและลูกค้าต่างประเทศ โดยในส่วนของลูกค้ารายย่อยจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 80% ลูกค้าสถาบัน 15% และลูกค้าต่างประเทศ 5%

พร้อมกันนี้ ยังได้เจรจากับโบรกเกอร์ต่างประเทศบางราย ในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจร่วมกัน รวมทั้งมีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงในการทำธุรกิจของบริษัทฯ

ด้านนางสาวเพียงดาว วัฒนายากร กรรมการผู้จัดการรับผิดชอบสายงานด้านวิชาการและบริหารความเสี่ยง บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ โกลเบล็ก อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากทางการในการทำธุรกิจตลาดอนุพันธ์และให้ยืมและยืมหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุญาต และประกอบธุรกิจได้ในปีหน้า ซึ่งบริษัทมองว่าธุรกิจดังกล่าวยังมีโอกาสที่จะเข้าไปแข่งขันได้ และยังได้ยื่นขออนุญาตบริหารกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นตลาดที่ยังน่าจะมีการเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การขยายงานธุรกิจใหม่ก็ยังเป็นการกระจายรายได้ของบริษัทให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมากกว่า 90% มาจากนายหน้าค้าหลักทรัพย์

* พรุ่งนี้ ตลท.หารือการใช้ค่าคอมม์ฯ
นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะเรียกประชุมสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกก่อนที่จะแก้ไขข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับการเก็บค่าคอมมิสชั่น ภายหลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. มีมติให้คงอัตราค่าคอมมิสชั่นขั้นต่ำ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี

รวมทั้งให้คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ต ให้คิดค่าธรรมเนียมไม่เกินร้อยละ 60 ของอัตราปกติหรือ 0.15% นับตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.50 รวมทั้งให้เปิดเสรีค่าคอมมิสชั่นและใบอนุญาตในการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในปี 2555

**************
ตารางสรุปการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต Q3-ต.ค.49
ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค.
1.จำนวน บล.ที่มีการซื้อขาย 33 33 33 33
หลักทรัพย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
2.จำนวนลูกค้าที่เปิด 102,406 104,701 105,967 107,545
บัญชีทั้งหมด (ราย)
3.จำนวนลูกค้าที่มีการ 17,077 18,497 20,122 19,026
ซื้อขาย (ราย)
4.การซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ
อินเทอร์เน็ต
- มูลค่าซื้อขาย 38,109.65 38,317.35 40,100.31 37,856.93
(ลบ.)
- ร้อยละต่อมูลค่าการ 7.68 7.62 6.50 6.91
ซื้อขายรวมในตลาดหลักทรัพย์[/color:2de448cdeb">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com