May 8, 2024   3:54:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เจาะพอร์ตหุ้นพื้นฐานเด่น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 13/11/2006 @ 13:16:10
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตลาดหุ้นรอบนี้ส่งสัญญาณพักฐาน รอจังหวะทะยานขึ้นรอบใหม่ในกรอบ 730-745 จุด ชี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายที่บจ.ประกาศงบไตรมาส3/2549 โบรกมองเล่นหุ้นพื้นฐานดี ผลประกอบการโตปลอดภัยสุด คัดหุ้นเด่น ERAWAN-BEC-SF ฟันธงสัญญาณแกร่งดีกว่าตลาด โดยเฉพาะERAWANได้แรงหนุนจากรัฐบาลและท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัว ส่วนกลุ่มแบงก์ BBL-KBANKน่าช้อนเก็บเชื่อเงินบาทแข็งค่าดูดเงินทุนไหลเข้ากลุ่มแบงก์ต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นกลุ่มอสังหาฯยกนิ้วLPN-SPALI-PS-PRINแจ๋วสุด

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2549 หุ้นERAWAN ปิดที่ 4.36 บาท ลดลง 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 4.60 ล้านบาท ,BECปิดที่ 19.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท มูลค่าซื้อขาย 130.66 ล้านบาท, SF ปิดที่ 9.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 27.71 ล้านบาท ,BBLปิดที่ 123.00 บาท ลดลง 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 352.76 ล้านบาท ,KBANK ปิดที่ 72.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 383.32 ล้านบาท, LPNปิดที่ 5.55 บาท ลดลง 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 36.36 ล้านบาท ,SPALIปิดที่ 3.80 บาท ลดลง 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 80.50 ล้านบาท,PSปิดที่ 6.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 34.89 ล้านบาท และPRINปิดที่ 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.54 ล้านบาท

ภายในสัปดาห์นี้บริษัทจดทะเบียนต่างๆยังคงทยอยประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส3/2549ต่อเนื่องเพราะจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายที่จะจะครบกำหนดแจ้งผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง รวมทั้งติดตามเรื่องของค่าเงินบาทและราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัวต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์คาดว่าจะเป็นการพักฐาน เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีปรับขึ้นหลังรับรู้ปัจจัยบวกไปพอสมควร จึงมองว่าสัปดาห์นี้น่าจะเป็นการสร้างฐานเพื่อปรับขึ้นใหม่ แต่จะไม่อ่อนตัวเกิน 730 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 745 จุด

เก็บหุ้นผลประกอบการดี
สำหรับหุ้นที่ให้น้ำหนักการลงทุนในสัปดาห์นี้ ยังคงเป็นหุ้นที่มีผลประกอบการดี ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงแรม เช่น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ERAWAN เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวและนโยบายรัฐบาลยังคงสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว และเป็นหุ้นที่มีสัญญาณแข็งแกร่งกว่าตลาด โดยประเมินราคาเหมาะสม 5.10 บาท

นอกจากนี้ยังมี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) BEC และบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) SF ซึ่งราคาหุ้นมีสัญญาณปรับดีขึ้นมากกว่าตลาดเช่นกัน โดยประเมินราคาเหมาะสม BEC ที่ 22.50 บาท และSF ที่ราคาเหมาะสม 10.00 บาท ส่วนกลุ่มอื่นๆมองว่าจะเป็นการปรับตัวพักฐาน

อย่างไรก็ตาม ในจังหวะที่ราคาหุ้นมีการพักฐานมองว่ากลุ่มที่น่าสนใจเข้าไปซื้อ ได้แก่ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากเป็นหุ้นพื้นฐานดี และมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นเมื่อมีเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามา โดยหุ้นที่น่าสนใจเช่น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) BBL ที่ราคาเหมาะสม 135.00 บาท และธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK ที่ราคาเหมาะสม 84.00 บาท

แบงก์-อสังหาน่าสน
ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีความน่าสนใจเข้าซื้อช่วงที่มีการพักฐาน ซึ่งฝ่ายวิจัยแนะนำหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ราคาหุ้นได้ปรับขึ้นไปสูงแล้ว โดยหุ้นที่น่าสนใจบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) LPN ให้ราคาเหมาะสม 5.70 บาท, บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) SPALI มองราคาเหมาะสม 4.10 บาท ,บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) PS ที่ราคาเหมาะสม 7.80 บาท และบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) PRIN ที่ราคาเหมาะสม 3.75 บาท โดยราคาเหมาะสม PRIN อาจมีการปรับขึ้นได้อีก เพราะราคาปัจจุบันสูงกว่าราคาเหมาะสมที่ประเมินไว้ แต่ยังซื้อขายได้

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นจะเคลื่อนไหวในกรอบ 730-740 จุด โดยประเด็นเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ คาดว่ากำไรจะปรับลดลงและส่งผลต่อตลาดหุ้น นอกจากนี้ในด้านค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าอยู่จะดึงเงินทุนไหลเข้ามายังกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะธนาคารขนาดใหญ่ เช่น BBL KBANK นอกจากนี้ยังมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)BAY ซึ่งยังมีความน่าสนใจ

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ปรับขึ้นไปแล้ว แต่มองว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังมีความน่าสนใจ สามารถ?ซื้อเมื่ออ่อนตัว? โดย หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) CK และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) STEC เพราะมีปัจจัยบวกเรื่องการสานต่อโครงการรถไฟฟ้า 5 สายของรัฐบาล

บาทแข็งแตะ36.60-36.70
นักค้าเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์นี้(13-17 พ.ย.)ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนตัว หลังจากที่ประเทศจีนประกาศจะลดสัดส่วนเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงจากจำนวน 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้มีแรงเทขายดอลลาร์ต่อเนื่อง และหันไปถือครองเงินสกุลยูโรแทน ส่งผลให้ค่าเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าตาม โดยเฉพาะค่าเงินเยน

ทั้งนี้มองว่าสัปดาห์นี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.60 -36.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากแตะ 36.60 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ จะแข็งค่าต่อเนื่องแตะที่ 36.50 บาท แต่ในทางตรงข้ามหากผ่านที่ 36.70 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ จะไปที่ 36.80 บาท ส่วนวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ค่าเงินบาท เปิดตลาดที่ 36.66-36.68 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ และแข็งค่าขึ้นมาปิดตลาดที่ 36.61-36.62 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ


.00020 .00020



[/color:aaf77f5c9e">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com