May 7, 2024   10:04:50 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เร่งปฏิกิริยา..แผนปั้น "ทีพีไอ โพลีน"
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 11/11/2006 @ 13:24:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ถอดแผน ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ หลังเพิ่มทุน ทีพีไอ โพลีน ยังเหลือเงินสดในมืออีกกว่า หมื่นล้าน จับตาแผนคู่ขนาน..กดราคา IRPC เดินหน้าดันหุ้น TPIPL เร่งสะสมทุน..ทวงคืน ทีพีไอ



ปฏิบัติการทางสมบัติ..ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ คืน เริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

แม้ว่าฝ่ายปฏิวัติ ยึดอำนาจทีพีไอ จะพยายามสะกิดแผล ของ ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เลขาธิการพรรคประชาราช ในประเด็นไซฟ่อนเงินค่าเช่าตึกล่วงหน้า 90 ปี เป็นเงินกว่า 956 ล้านบาท

ตามมาด้วย ก.ล.ต. ลงดาบอาญาสิทธิ์ 5 พี่น้องตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ (ประชัย-ประทีป-ดร.ประมวล-ประหยัด-มาลินี) เป็นบุคคลต้องห้ามการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน

แต่ปฏิบัติการ ตัดหัวเสียบประจาน กลับไปเติมเชื้อไฟให้กับ ประชัย มีการเคลื่อนไหวด้วยสงครามกองโจร ในหลานรูปแบบ

ปฏิกิริยาล่าสุด คือ การย้ำบาดแผล บอร์ดทีพีไอ บ้างว่า มีพฤติกรรมไม่โปร่งใส โดยเฉพาะในประเด็นของ บริษัท ซินเนอจี โซลูชั่น จำกัด และโยงว่าบอร์ดชุดนี้ เป็นพวกฐานอำนาจเก่า ระบอบทักษิณ

ต้องไม่ลืมว่า ถึงแม้ ทีพีไอ จะเปลี่ยนชื่อเป็น บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) แล้วก็ตาม แต่จุดอ่อนของตัวกรรมการ (บอร์ด) บางคน ก็ยังเป็น จุดอ่อน ให้ มวยรุ่นเฮฟวีเวท อย่าง ประชัย เกาได้ถูกที่คัน ทุกครั้ง

ล่าสุดมีการหยั่งเชิงกระทรวงการคลัง ด้วยท่าทีขอซื้อหุ้นทีพีไอ คืนจากพันธมิตรกระทรวงการคลัง (ปตท.-ออมสิน-กบข.-วายุภักษ์) ในราคาต้นทุน 3.30 บาท

นั่นเท่ากับว่า ประชัย ต้องหาเงินมาซื้อหุ้นทีพีไอ คืน ประมาณ 1.2 หมื่นล้านหุ้น เท่ากับ 3.96 หมื่นล้านบาท

ทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่แล้วว่า แนวทางนี้ Impossible แน่ๆ

แต่ถ้ามองจิ๊กซอว์ของ ประชัย ให้ลึก วิธีการ โยนหินถามทาง ในลักษณะนี้ กลับไปเร่งปฏิกิริยา ให้เกิดเอฟเฟคท์กับหุ้น ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) อย่างตั้งใจ และได้ผล

ทำให้ใครๆ เข้าใจผิดได้ว่า ประชัย จ้องหาเงินจาก TPIPL เอาไปซื้อ ทีพีไอ คืน

ยิ่งเมื่อจับสัญญาณจาก ดร.ปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไออาร์พีซี ที่ประเมินฐานกำลังของกลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ ไว้ว่า ระหว่างช่วงเดือนธันวาคม 2548 ถึง เดือนตุลาคม 2549 (ประมาณ 11 เดือน) กลุ่มประชัยได้ขายหุ้น TPI ออกมารวมกัน ประมาณ 2,500-3,000 ล้านหุ้น และคาดว่ากลุ่มนี้เหลือหุ้น อยู่ไม่เกิน 260 ล้านหุ้น 1.33% ที่เหลือเพราะติดภาระค้ำประกัน

ซึ่งก็หมายถึงหุ้นที่เหลือในชื่อ ทยุติ ศรียุกต์สิริ จำนวน 138.34 ล้านหุ้น 0.71% กับหุ้นในพอร์ต บริษัท เลี่ยวไพรัตน์วิสาหกิจ จำกัด 121.47 ล้านหุ้น สัดส่วน 0.62%

เมื่อประเมินกำลังกระสุนของ กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ จากคำบอกเล่าของ ดร.ปิติ ช่วงระยะเวลานั้น (ธันวาคม 2548-ตุลาคม 2549) ราคาหุ้น TPI เคลื่อนไหวในกรอบ 6.50-8.50 บาท

ถ้าคำนวณที่ค่าเฉลี่ยกึ่งกลาง 7.5 บาท ผลลัพธ์ที่ได้ กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ น่าจะขายหุ้นได้เงิน ระหว่าง 18,750-22,500 ล้านบาท เป็นตัวเลข Cash Out ที่มหาศาลมาก และ เฟิร์มว่ารอบนี้ ประชัย มีเงินมากจริงๆ

ถามง่ายๆ ว่า ถ้า ประชัย ต้องการ ทีพีไอ คืน ทำไม!เขาต้องขายหุ้น TPI ออกไปจนเกือบเกลี้ยงพอร์ต (เหลือแค่ 260 ล้านหุ้น) ด้วย

คำตอบง่ายๆ อยู่ไปก็ ถูกขัง สู้เอาเงินไปรักษาฐานที่มั่นสุดท้ายใน ทีพีไอ โพลีน ก่อนกลับมาตีเอา ทีพีไอ คืน ในภายหลังไม่ดีกว่าหรือ

นี่คือกลยุทธ์..ย้ายเมืองหลวง รวบรวมกำลัง ถอย!เพื่อรอการรุกกลับ

เพราะฉะนั้น ในยุทธศาสตร์การรบของ ประชัย ทำยังไงก็ได้ (นับจากนี้) ต้องสยบราคาหุ้น IRPC ไม่ให้วิ่งไปไหนไกล..ระหว่างที่ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ถอนกำลังออกไปชั่วคราว

ตรงกันข้ามกับกลยุทธ์ของ ฝ่าย ปตท. ทำยังไงก็ได้ ราคาหุ้น IRPC จะวิ่งไปข้างหน้าให้ไกลที่สุด นั่นคือ เหตุผลที่ฝ่าย ปตท. เลือกที่จะยืนซดกับ ประชัย แบบหมัดแลกหมัด..พร้อมประกาศด้วยว่า IRPC จะจ่ายเงินปันผล (งวดปี 2549)

แต่หากเอกซเรย์ดูราคาหุ้น IRPC เปรียบเทียบกับ TPIPL ของ ประชัย เห็นได้ชัดว่า เมื่อมีแรงส่งมาถึงจุดหนึ่ง ราคา IRPC จะถูก มนต์สะกด ไม่ให้ไปไหนได้ไกล

คิดแบบกำปั้นทุบดินง่ายๆ ถ้า ประชัย อยากได้ ทีพีไอ คืนแค่ 35-40% เขาต้องซื้อหุ้นให้ได้ถึง 6,800-7,800 ล้านหุ้น คำนวณที่ราคาตลาด 7.20 บาท ต้องใช้เงินมากถึง 4.9-5.6 หมื่นล้านบาท

เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยให้หุ้น IRPC วิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ โอกาสทวงคืน ก็แทบจะไม่มีหวัง ตรงกันข้ามถ้าหันมาเล่นเกมใต้ดิน ปตท. จะเสียเปรียบเห็นๆ

เพราะ ทุกครั้งที่มี ข่าวลบ กลับจะเป็น ข่าวบวก ให้กับ กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ มากกว่า

ขณะเดียวกันเงื่อนไขเดียวที่เหลืออยู่ของ ประชัย จะทวงคืน ทีพีไอ ได้ก็ต่อเมื่อเขาต้องปั้นหุ้น TPIPL เพื่อสะสมขุมกำลัง รอวันเพลี่ยงพล้ำของ ปตท. ซึ่งถ้ามีการชกใต้เข็มขัดไปเรื่อยๆ ก็ใช่ว่าโอกาสจะไม่มี

ที่ผ่านมาต้องให้เครดิต ประชัย ว่า เขาผู้นี้เหนือชั้นมากๆ

เมื่อต้นปี 2549 ราคาหุ้น TPIPL อยู่ที่ 26 บาท ระหว่างที่ ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ทยอยปล่อยหุ้น TPI ราคาหุ้น TPIPL ก็ทรุดตัวลงมาอย่างเป็นปริศนา ก่อนจะมีคำเฉลยด้วยแผนเพิ่มทุน ราคาพาร์ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2549 จาก 807.50 ล้านหุ้น เป็น 2,019 ล้านหุ้น

น่าสังเกตว่าราคาหุ้น TPIPL ลงมาก้นอ่างที่ 10 บาท แช่อยู่นาน 4 เดือน (กรกฎาคม-ตุลาคม) และบางช่วงมีเสียวหลุด 10 บาท ทำให้ดูเหมือนหุ้นตัวนี้ไม่มีอนาคตแล้ว

แผนนี้ใช้ได้ผล เพราะผู้ถือหุ้นเดิม และเจ้าหนี้ส่วนใหญ่สละสิทธิ์การจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน TPIPL อย่างเช่น ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารทหารไทย, สำนักงานประกันสังคม หรือแม้แต้ ธนาคารทิสโก้ ก็ยังถอย

แต่ กลุ่มเลี่ยวไพรัตน์ กลับเปิดลิ้นชักขนเงินขายหุ้น TPI (คาดว่าได้ไประหว่าง 18,750-22,500 ล้านบาท) เอามาทุ่มซื้อหุ้น TPIPL จำนวน 862 ล้านหุ้น เกือบ 8,700 ล้านบาท

ในที่สุดแผนรักษาฐานที่มั่นสุดท้ายก็สำเร็จ สามารถยึดคืนกิจการ ทีพีไอ โพลีน กลับคืนมาจากเจ้าหนี้ ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นทั้งกลุ่ม 1,058 ล้านหุ้น 52.4% จากเดิมที่ทั้งกลุ่มถือเพียง 21.92%

พอยึดบ้านคืนมาได้ ราคาหุ้น TPIPL ก็พุ่งขึ้นราวกับมีใบสั่ง

นอกจากนี้ยังคาดว่า ประชัย น่าจะเหลือเงินสดอีก ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ที่สามารถนำมา ทุบ-เก็บ หุ้น IRPC ได้อย่างสบาย

เพราะฉะนั้นการที่หุ้น IRPC วิ่งไม่ขึ้น ก็พอจะเดาออกว่าเป็นเพราะอะไร? ยิ่งถ้าผลประกอบการยังพิสูจน์ตัวมันเองไม่ได้ โอกาสที่ราคาจะไปไกลๆ ก็ยากเต็มที

-----------------------------------------------
กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:d3aa57e230">

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 12/11/2006 @ 23:21:00 : re: เร่งปฏิกิริยา..แผนปั้น "ทีพีไอ โพลีน"
ช่วยดันด้วยคน


.000c .000c
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com