May 5, 2024   3:15:14 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เคาะ.. เคาะหุ้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 10/11/2006 @ 11:41:46
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มการลงทุนระยะสั้นดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์เริ่มเดินทางสู่เส้นทาง สองแพร่ง ระหว่างการฟื้นตัวขึ้นต่อกับการปรับฐานราคา ซึ่งแนวโน้มของการปรับฐานราคามีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้น และคาดว่านักลงทุนส่วนหนึ่งคงเตรียมตัวพร้อมสำหรับการปรับตัวหากหุ้นเลือกทาง ล่องใต้ แทนขึ้นเหนือเป็นการชั่วคราว โดยกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีระยะสั้นอยู่ในกรอบ 718 -755

สัจธรรมที่เห็นได้ชัดระหว่างตลาดหุ้นกับการฝากเงินหรือการลงทุนแบบอื่น ๆ คือ ตลาดหุ้นค่อนข้างให้ความอิสระกับนักลงทุนในการพลิกแพลงกลยุทธ์การลงทุน โดยนักลงทุนสามารถซื้อมาขายไปเพื่อทำกำไร หรือลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ ขณะที่ตลาดเงิน หรือตลาดตราสารหนี้มักจะมีเงื่อนเวลาเป็นจุดบังคับในเรื่องผลตอบแทน ส่วนอสังหาริมทรัพย์หรือการลงทุนด้านการค้านั้น จะมีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย และการใช้เงินทุนเพื่อตุนสินค้า และใช้ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมากมายในการลงทุน

แต่สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ หรือแต่ละปี นั้นตลาดหุ้นสร้างโอกาสและจังหวะในการลงทุนเสมอ ๆ โดยในภาวะที่ตลาดหุ้นไม่ดี นักลงทุนก็สามารถลดการถือครองหุ้นเพื่อเอาเงินไปหาผลตอบแทนรูปอื่น เพื่อ คั่นเวลา และเมื่อบรรยากาศหรือทิศทางเริ่มฟื้นตัวขึ้นก็กลับมาลงทุนใหม่ได้
และค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกสำหรับสินค้าประเภทหุ้น เพราะเวลาหุ้นตกนั้น ส่วนใหญ่นักลงทุนมักแย่งกันขาย
เพราะมองว่าหากไม่ขายนั้นมูลค่าเงินที่ถือหุ้นจะเริ่มด้อยลง ๆ จนกว่าราคาหุ้นจะเริ่มนิ่งและเริ่มเปลี่ยนสี
จากแดงเป็นเขียวนักลงทุนจะกลับมาแย่งซื้อกันอีกครั้ง เพราะมองว่ามูลค่าเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้น

โดยปกติแล้วตลาดหุ้นนั้นมักจะมีการเคลื่อนไหวเป็นรอบ ๆ โดยหากภาวะตลาดเป็นแนวโน้มขึ้นนั้น ราคาหุ้นมักจะรักษาแนวรับบริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วัน แล้วกลับมาวนรอบใหม่ โดยการปรับตัวกินเวลาไม่นานนัก
แต่ในแง่ความรู้สึกนักจะให้ความรู้สึกค่อนข้าง หวาดเสียว แต่หากนักลงทุนไม่เร่งรีบนักและวัดผลเป็นรายวัน
เมื่อราคาหุ้นเริ่มเสถียรบริเวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 -25 วันก็จะฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ และทำราคาสูงกว่าเก่าด้วยซ้ำ เว้นแต่มองตลาดผิด เจอตลาดขาท้าย ๆ การถือหุ้นนานแปรสภาพเป็นอันตรายในการลงทุน และมักจะจบลงด้วยท่า กระโดดตึกหนี เพราะราคาหุ้นลงจนทนไม่ไหวต้องบอก ศ.ศาลากันทั้ง ๆ ที่ความตั้งใจว่าจะถือหุ้นต่อ

ข้อสังเกตสำหรับการจบรอบของตลาดในวงจรระยะสั้นหากนักลงทุนที่ติดตามพฤติกรรมหุ้นพอจะสังเกตได้คือ 1.ราคาหุ้นไม่มีการสร้างจุดสูงใหม่ และปริมาณการซื้อขายหุ้นมากผิดปกติแต่ราคาหุ้นลงมาปิดต่ำ 2.
หากติดตามในแง่เครื่องมือวิเคราะห์ เช่น Candle Stick Bar chart นั้นมักจะพบลงด้วยท่า Evening Star Doji ซึ่งรูปแบบคือ ราคาปิดกับราคาเปิดของหุ้นตัวนั้นเท่ากัน แต่ถ้าหากระหว่างวันทำการซื้อขาย ราคาหุ้นขึ้นไปสูงและมาปิดที่ราคาเปิดซึ่งมีช่วงห่างกันมาก ๆ นั้นส่วนมากจะเป็นสัญญาณเชิงลบซึ่งต้องรอการยืนยันในวันถัดไป
หากหุ้นปิดต่ำลงอีก และไม่สามารถกลับขึ้นยืนเหนือราคาปิดวันแรกได้ใน 3 วันทำการแสดงว่า เริ่มผิดทางและอาจจะต้องแปลงสัญชาติเป็นชาวเขาชาวดอยชั่วคราว หากตลาดยังคงแนวโน้มขึ้น แต่หากตลาดเปลี่ยนแปลงแนวโน้มนั้น อาจจะต้องเป็นชาวดอยแบบถาวรได้โดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราคาปิดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 10 วันหลังจากตลาดเดินรูปแบบ Double Tops หลังจากขึ้นมากนานกว่า 7
วันทำการขึ้นไป

อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดหุ้นนั้น ในยามหุ้นตกไม่ได้หมายความว่า หุ้นทั้ง 400 หลักทรัพย์ตกเหมือนกันหมด แต่จะมีการไล่ระดับของหุ้น เช่น เมื่อหุ้นกลุ่มนำตลาดหรือ Blue Chip ปรับตัวหุ้นเกรดรอง ๆ ลงมาที่ Under
perform market อาจจะกลับเข้ามามีบทบาทและกลายเป็นตัวเลือกสำหรับนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่เงินเริ่มว่างเพราะขายหุ้นตัวเก่าออก และมองหาหุ้นเป้าหมายตัวใหม่สำหรับการลงทุนหรือการเก็งกำไร แต่หากสภาพตลาดไม่ดีจริงบ่อยครั้งที่หุ้นตัวใหม่ก็เจอหางเลขได้เช่นกันครับ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้นนั้นคาดว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลดน้ำหนักการลงทุนและหันมาลงทุนในหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคาหุ้นยัง Under perform ตลาดเพื่อเป็นการพักเงินระยะสั้น โดยหลักทรัพย์ที่น่าติดตามสำหรับการลงทุน เช่น PTTCH PTTEP TOP RRC IRPC TRUE SATTEL TTA RCL ส่วนหุ้นเกรด 80 -120 ตัวร้อยที่แนวโน้มระยะสั้นมีโอกาสเข้ามาเป็นตัวเลือกในช่วง พักยก ที่น่าติดตามเช่น GSTEEL SSI NSM TFD BALND N-PARK NWR TMB เป็นต้น


.00020
[/color:1f21498d31">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com