May 5, 2024   5:35:48 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระแสเทคโอเวอร์มาแล้ว
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 10/11/2006 @ 00:42:49
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันแพง อัตราดอกเบี้ยทรงตัวระดับสูง ต้นทุนการดำเนินงานของบริษัทแต่ละแห่งปรับเพิ่มสูงขึ้น บริษัททั้งในตลาดหลักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์ ต่างงัดกลยุทธ์เด็ดเดินเกมส์ธุรกิจในรูปแบบใหม่หวังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อต่อยอดการเติบโตของกิจการ

กระแสเทคโอเวอร์ หรือควบรวมกิจการ กลับมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ฮอตฮิต หลายบริษัทในเกือบทุกแวดวงอุตสาหกรรมสนใจที่ใช้วิธีนี้ เพราะถือเป็นวิธีที่ง่าย เข้าข่ายปลาใหญ่กินปลาเล็กวัฎจักรปกติในแวดวงธุรกิจที่หากบริษัทรายใดมีเม็ดเงินหนาก็เลือกเขมือบบริษัทรายเล็กที่ธุรกิจแนวโน้มดีเข้ามาเป็นบริษัทในเครือเพื่อใช้เป็นแขนขาให้ตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้น

ขณะเดียวกัน บางบริษัทก็เลือกวิธีใส่เม็ดเงินทยอยลงทุนในบริษัทเล็กบริษัทน้อยกระจายทั้งที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักที่ตัวเองทำอยู่แต่เน้นลงทุนในธุรกิจที่กำลังขยายตัวไปได้สวยโดยไม่สนว่าได้นั่งบริหารหรือไม่แต่หวังนอนรอรับส่วนแบ่งปันผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

หากสังเกตให้ดีจะพบว่ากระแสข่าวทำนองนี้มีออกมาไม่ขาดสายล่าสุดยักษ์ใหญ่ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ อย่างบริษัท เคพีเอ็นออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) KPN ประกาศสายฟ้าแลบยอมขายธุรกิจที่ปลุกปั้นมากับมือให้กับ บริษัท อาปิโกไฮเทคจำกัด (มหาชน) AH ซึ่งมีชาวต่างชาติเป็นเจ้าของ และกระแสการรุกคืบลงทุนในธุรกิจอื่น..ก็เกิดขึ้นไม่เว้นแม้แต่กลุ่มโรงพยาบาลซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าสามารถเติบโตได้ด้วยตนเองไม่ต้องพึ่งปัจจัยบวกลบใดๆ เพราะมีบทบาทต่อความจำเป็นในชิวิตประจำวันห้วงเวลานี้โรงพยาบาลหลายแห่งเดินหน้าสยายปีกอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจอื่นๆมากมาย

eFinanceThai.com จึงได้สืบเสาะค้นหาอาณาจักรที่กลุ่มโรงพยาบาลได้เข้าไปลงทุนต่อยอดธุรกิจว่าจะมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะขาใหญ่ในแวดวงนี้อย่าง BGH-BH-KH-VIBHA-RAM

ผู้นำในการต่อแขนต่อขาธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาล ต้องยกให้กับ BGH หรือว่า บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) เพราะเป็นโรงพยาบาลที่มีเครือข่ายกว้างขวางยึดหัวหาดสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในประเทศได้เกือบหมด ภายใต้การบริหารโรงพยาบาลในเครือกว่า 20 แห่ง ทั้งโรงพยาบาลกรุงเทพ ระยอง สมุย ตราด พัทยา นครราชสีมา พระประแดง หาดใหญ่ ภูเก็ต รวมไปถึงโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ศรีนครินทร์ ศรีราชา และโรงพยาบาลเอกชน ขนาดกลางและเล็กอีกหลายแห่ง

นอกจากนี้ มีการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับโรงพยาบาล ทั้งในส่วนธุรกิจห้องทดลองทางการแพทย์ ธุรกิจห้องปฏิบัติการชีวโมเลกุล ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรักษาพยาบาล ธุรกิจภัตตาคารและประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยา รวมไปถึงธุรกิจดำเนินกิจกรรมการด้านการตลาดให้บริษัท ธุรกิจขนส่งทางอากาศ ธุรกิจบริการ แล้วก็ยังมีการลงทุนเพื่อถือครองที่ดินอีกด้วย

ล่าสุดเอง ได้เข้าไปลงทุนใน บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ PYT ผู้ประกอบการโรงพยาบาลพญาไท ด้วยการถือหุ้นสัดส่วน 15.76% พร้อมยังประกาศซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่น เท่านั้นยังไม่พอยังตั้งบริษัทย่อย?เอเชีย อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลธ์แคร์? เพื่อเดินหน้าลงทุนต่างประเทศเฉพาะ พร้อมเปิดเผยด้วยว่าสนใจลงทุนในโรงพยาบาลอื่นเพิ่มเติมโดยปีหน้ามีแผนเข้าลงทุนกับโรงพยาบาลเอกชนหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ และปากน้ำโพ ซึ่งสัดส่วนการถือหุ้นโรงพยาบาลแต่ละแห่งส่วนใหญ่ไม่ต่ำกว่า 50%

ส่วน BH หรือว่า บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) ก็ไม่น้อยหน้าเข้าลงทุนสยายปีกไว้หลายธุรกิจเช่นกัน โดยนอกจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่มีสาขาหลายแห่งยังครอบคลุมไปถึงการดูแลสุขภาพด้านอื่นรวมถึงลงทุนในต่างประเทศด้วยการตั้งบริษัท ?บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล? ขึ้นมา พร้อมด้วยลงทุนในโฮลดิ้งคอมพานีในบริษัท เนปจูน สตรอยก้า โฮลดิ้ง อิงค์ฯและยังลงทุนในธุรกิจรับบริการซักรีดด้วย

KH หรือว่า บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด ผู้ประกอบการโรงพยาบาลเครือเกษมราษฎร์ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด เป็นอันดับ 3 ในกลุ่ม รองจาก BGH และ BH ก็มีแผนลงทุนในโรงพยาบาลอื่นเพื่อสร้างความแข็งแกร่งเช่นกัน

โดยผู้บริหาร KH ออกมาระบุว่าสนใจเทค โอเวอร์โรงพยาบาลอีก 3 แห่งในอนาคต หวังใช้เป็นโรงพยาบาลเครือข่ายลงทุน จากปัจจุบันที่ลงทุนในบริษัทโรงพยาบาลรัตนาธิเบศร์ บริษัทโรงพยาบาล สระบุรี เวชกิจ และบริษัทโรงพยาบาลศรีบุรินทร์ การแพทย์ โดยเปิดเผยด้วยว่าหากเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลอื่นเพิ่มก็ทำให้รายได้เติบโตเร็วขึ้น โดยจะมีรายได้ถึง 1 หมื่นล้านบาทภายใน 5 ปี จากรายได้ปกติเติบโตปีละ 15% ซึ่งอีก 5 ข้างหน้าจะมีรายได้เพียง 7 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ามีรายได้ 3 พันล้านบาท

ด้าน บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA แม้เป็นโรงพยาบาลขนาดไม่ใหญ่ แต่นอกจากลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล อย่าง บริษัท โรงพยาบาลวิภาราม และบริษัท พัฒนาการเวชกิจแล้ว ยังแตกไลน์ไปเลือกลงทุนในธุรกิจซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงจำนำ เช่า ให้เช่าสังหาริมทรัพย์ ในบริษัท เบญจทรัพย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

ปิดท้ายกันด้วย RAM หรือ บริษัทโรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) ที่มีการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะต่างจังหวัด
ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลชัยภูมิราม โรงพยาบาลวิภาราม โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม โรงพยาบาลเมืองเลยราม ยังมีลงทุนในโรงพยาบาลสินแพทย์ โรงพยาบาลปิยะศิริ โรงพยาบาลเสรรีรักษ์และลงทุนในธุรกิจตัวแทนขายและซ่อมเครื่องมือแพทย์ในบริษัทรังสิภัณฑ์ด้วย

ย้อนมาดูฟากราคาหุ้นกันบ้างดีกว่า ที่แม้ไม่ค่อย Perform กราฟราคาปรับลดลงสวนทางแนวโน้มธุรกิจมาตลอด แต่เหล่าบรรดาเซียนหุ้นหลายค่ายต่างเห็นพ้องยกนิ้วให้ธุรกิจกลุ่มโรงพยาบาลเป็นดาวเด่น เพราะไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ไม่ได้รับผลกระทบ และยังเดินหน้าสร้างผลประกอบการให้ขยายตัวต่อไปได้ โดยปัจจุบันที่โรงพยาบาล ไม่ใช่เป็นเพียงแค่โรงพยาบาลอย่างเดียว แต่ยังเปิดศูนย์สุขภาพหรือศูนย์ความงามเอาใจลูกค้า รวมถึงรุกเข้าซื้อหุ้นในต่างๆธุรกิจต่อยอดแขนขาก็ทำให้ธุรกิจกลุ่มนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ฉะนั้น?จากนี้ต่อไปต้องจับตากระแสควบรวมกิจการในกลุ่มโรงพยาบาล และแนวโน้มต่อยอดแขนขาว่าเป็นอย่างไร เพราะถือเป็นทางลัดในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนคืนกลับมาได้รวดเร็ว และคงต้องมาลุ้นกันให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้สยายปีกติดลมบนเหมือนเครือข่ายโรงพยาบาลที่นับวันมีแต่เพิ่มขึ้นทวีคูณ?


eFinanceThai.com

.00020 [/color:301ffa8485">[/size:301ffa8485">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com