May 5, 2024   5:49:16 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ !!!
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 08/11/2006 @ 12:53:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันอังคารที่ 7 พ.ย. ปิดที่ 738.90 จุด +4.00 จุด มูลค่าการซื้อขาย 21,446 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 1,504.85 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 293.95 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 1,798.80 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 743.31 จุด +8.41จุด และ Low ที่ดัชนี 738.74 จุด +3.84จุด ฟ้าใสยามเช้ามาเยือนเหมือนกันทุกตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วยเปิดมาที่ระดับดัชนี 740.20 จุด +5.30 จุด โดยมีแรงซื้อในหุ้นรับเหมาก่อสร้างและแบงค์ต่อจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ที่โดดเด่นอีกกลุ่มตีคู่มากับหุ้นธนาคารดูเหมือนจะเป็นหุ้นหลักทรัพย์ที่กระดี๊กระด๊ามากันเต็มหน้ากระดานด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมที่ปิดครึ่งวันเช้าไปกว่า 1 หมื่นล้านบาท เจ๋งเป้งเลยสภาพตลาดหุ้นไทยวานนี้วอลุ่มมาทั้งหุ้นขนาดเล็กจนถึงหุ้นขนาดใหญ่ ทีนี้ก็คงแล้วแต่บรรดาเซียนหุ้นทั้งหลายแล้วล่ะว่าจะเลือกเก็งกำไรในหุ้นเล็กหรือลงทุนในหุ้นใหญ่กัน แต่ที่แน่ ๆ นั้นช่วง 1 ? 2 week นี้หุ้นของบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ก็คงจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ Q3/49 ออกมา หุ้นบางตัวที่วิ่งขึ้นวานนี้อาจเริ่มวิ่งรับข่าวคาดการณ์กันแล้ว

CPF
ราคาเปิด 4.98 บาท ราคาปิด 4.94 บาท มูลค่าการซื้อขาย 41.23 ล้านบาท WTO เริ่มมีการไต่สวนกรณี AD กุ้งแล้ว แม้จะมีสัญญาณว่าไทยมีโอกาสชนะ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนจนกว่าจะมีคำตัดสินออกมาแล้ว หากผลออกมาเป็นเชิงบวกอย่างที่คาดไว้ จะเป็นผลดีอย่างมากต่ออุตสาหกรรมกุ้งในภาพรวม เพราะต้นทุนที่มีความซ้ำซ้อนจะลดลง ความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น แต่ด้วยระยะเวลาในการพิจารณาที่ค่อนข้างนานผลดีในระยะสั้นจึงไม่เกิดขึ้น คาดว่าผลประกอบการของ CPF ใน Q3/49 จะอ่อนตัวลงจาก Q3/48 และจาก Q2/49เนื่องจากธุรกิจไก่ประสพภาวะขาดทุนใน Q3/49 K.KRAZIPเชื่อว่าในระยะยาว ธุรกิจของ CPF จะกระจายตัวมากขึ้น โดยเน้นสินค้าประเภทValue-added products ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรของ CPF ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ ?ซื้อลงทุน? แนวรับที่ราคา 4.90 บาท แนวต้านที่ราคา 5.05 บาท ราคาเป้าหมายที่ 6 บาท

STA
ราคาเปิด 14.60 บาท ราคาปิด 14.80บาท มูลค่าการซื้อขาย 7.53 ล้านบาท คาดว่าผลประกอบการในQ3/49 ของ STA น่าจะดีขึ้นจากที่ขาดทุน 326 ล้านบาท ใน Q3/48 แต่ลดลงจากที่กำไร 299ล้านบาท ใน Q2/49จากราคายางที่อ่อนตัวลงและคาดว่าจะยังอ่อนตัวต่อเนื่องใน Q4/49 ซึ่งทำให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายยังไม่แน่ใจในทิศทางราคายาง และอาจชะลอการสั่งซื้อในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่สถานการณ์น่าจะเริ่มดีขึ้นในต้นปี2550 คาดว่ากำไรในทั้งปี 2549ของ STA น่าจะอยู่ที่ 498 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดทุน 173 ล้านบาทในปี 2548 แนวโน้มศักยภาพการเติบโตในปีหน้าจะเกิดจากธุรกิจผลิตถุงมือยางที่มีแนวโน้มดีขึ้นในปีหน้าจากราคาวัตถุดิบที่อ่อนตัว, จำนวนผู้ผลิตที่ลดลง และ demand ที่ยังเติบโต และโรงงานใหม่ในอินเดียที่จะเริ่มผลิตเต็มที่ในปีหน้า ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อลงทุน? มีแนวรับที่ราคา 14.50 บาท แนวต้านที่ราคา 15.20 บาท

DELTA
ราคาเปิด 18.70 บาท ราคาปิด 19.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 63.474 ล้านบาท คาดการณ์ความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใน 4Q06 จะยังขยายตัวต่อเนื่องจาก 3Q06 เพราะเป็นเทศกาลจับจ่ายใช้สอยทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าประเภทคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง และหากพิจารณาจากผลประกอบการในQ3/49 คาดว่า DELTA จะมีกำไรสุทธิเติบโตถึง 17% QoQ ที่ 699 ล้านบาท เป็นอัตราการเติบโตที่โดดเด่น ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิปี 2549 ของ DELTA คาดว่าจะอยู่ที่ 2,857 ล้านบาท คิดเป็นEPS ปี 2549 ที่ 2.3 บาท เมื่อเทียบกับราคา ณ ปัจจุบัน มี Leading PER เพียง 8.6 เท่า ประกอบกับ DELTA เป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง คาดว่างวดปี 2549 DELTA จะจ่ายที่ 1.43 บาท/หุ้นคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 7-8% K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร มองแนวรับ 19 บาท แนวต้าน19.80 บาท

BLS
ราคาเปิด 14.20 บาท ราคาปิด 14.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 95.53 ล้านบาท BLS มีกำไรกำไร 3Q49 ไม่ดีนัก ลดลง 35% QoQ และ 30% YoY 3Q49 ทั้งนี้เป็นผลมาจากมูลค่าการซื้อขายตลาดลดลง ประกอบกับส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงจาก 3.58% ใน 2Q49 เหลือเพียง 3.53% ใน 3Q49 ส่งผลให้รายได้ค่านายหน้าลดลง 8%QoQ และรายได้จากธุรกิจวานิชธนกิจมีการนำหุ้นเข้าตลาดเพียงตัวเดียวคือ DSGT ในไตรมาสนี้ซึ่งมีมูลค่าไม่มาก ทำให้รายได้ดังกล่าวลดลง 36% QoQ BLS ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดหลักทรัพย์เฉลี่ยทั้งปี 49 ที่ 3.6% ส่วนแบ่งตลาดอนุพันธุ์ที่ 10% แม้จะมีคู่แข่งขันเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดว่าตลาดอนุพันธุ์จะเป็นแหล่งที่จะเสริมรายได้ให้บริษัทอีกทางหนึ่ง และตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาด 4Q49 ที่ 4% โดยล่าสุดมีสถาบันมาซื้อขายผ่าน BLS เพิ่มขึ้น หากทำได้ตามเป้าที่ 4% จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 3.6% ได้ ขณะที่ตลาดอนุพันธุ์ก็เติบโตจาก 335 สัญญาต่อวันใน 2Q49 เพิ่มขึ้นเป็น 1,235 สัญญาต่อวันใน 3Q49 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และในอนาคตจะมีการเพิ่มสินค้าเข้ามาอีก นอกจากนี้ยังมองว่ามูลค่าการซื้อขายน่าจะคึกคักขึ้นในช่วงสิ้นปีจากกองทุน LTF และ RMF ที่มักจะเข้าตอนปลายปี น่าจะทำให้ BLS มีกำไรสุทธิทั้งปีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับ 13.80 บาท แนวต้าน 14.50 บาท[/color:2f049f6148">

ที่มา ทันหุ้น
.000009 .000009

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com