May 5, 2024   1:41:26 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > คนไทยเฮได้ใช้น้ำมันถูกซะที
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 06/11/2006 @ 16:31:38
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เมตตายันไม่เพิ่มอัตราการเก็บเงินจากน้ำมันทุกชนิดเข้ากองทุนอีก ย้ำมีเงินไหลเข้ากองทุนแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท คาดใช้หนี้หมดภายใน 3 ปีครึ่ง ชี้ต่อจากนี้หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงอีกผู้ค้าปลีกสามารถลดราคาลงตามได้ทันที ด้านพรชัยโดดป้องปตท.ชี้จะไม่นำเงินปันผลเข้ามาโปะหนี้

นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.)เปิดเผยว่าจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.)มติให้เพิ่มเพดานการเก็บเงินจากน้ำมันทุกชนิดเป็น 4 บาทต่อลิตรเข้ากองทุนนั้นทำให้ขณะนี้เห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องปรับอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนแล้ว เนื่องจากขณะนี้มีเงินไหลเข้ากองทุนรวมทั้งหมดแล้ว ประมาณ3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถชำระหนี้กองทุนประมาณ 64,000 ล้านบาททั้งในส่วนของหนี้พันธบัตรและหนี้สถาบันการเงินให้หมดได้ภายในระยะเวลา 3 ปีครึ่งอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามต่อจากนี้หากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลง ผู้ค้าน้ำมันสามารถลดราคาขายปลีกน้ำมันลงตามได้ทันทีนายเมตตากล่าว

เนื่องจากขณะนี้เห็นว่าการเพิ่มอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนจากน้ำมันทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2549 เป็นต้นมา มีอัตราที่สูงแล้ว โดยในส่วนของน้ำมันเบนซิน 95 เก็บอยู่ที่ 3.46 บาทต่อลิตร จากเดิม 2.50 บาทต่อลิตรน้ำมันเบนซิน 91เก็บอยู่ที่ 3.26 บาทต่อลิตรจากเดิม 2.30 บาทต่อลิตรแก๊สโซฮอล์เก็บอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร จากเดิม 0.54บาทต่อลิตรและน้ำมันดีเซลเก็บอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตรจากเดิมอยู่ที่ 0.95 บาทต่อลิตร

นายเมตตา กล่าวว่า ในส่วนของเงินชำระหนี้ที่กองทุนได้ชดเชยก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)นั้น เนื่องจากขณะนี้มีเงินเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น ก็สามารถที่จะนำเงินดังกล่าว มาชำระหนี้ประมาณ 11,510 ล้านบาทแก่ผู้ค้าก๊าซได้มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นให้หนี้ดังกล่าวหมดโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานยังคงนโยบายที่จะลอยตัวก๊าซแอลพีจีอย่างแน่นอน แต่จะเป็นเมื่อไรนั้นต้องมีการหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง โดยอาจจะไม่มีการประกาศล่วงหน้าเนื่องจากเกรงว่าผู้ค้าจะฉวยโอกาสในช่วงระยะเวลาดังกล่าวกักตุนก๊าซไว้เก็งกำไร

สำหรับเจ้าของรถยนต์หรือรถแท็กซี่ที่ยังคงใช้แอลพีจีอยู่นั้น เป็นสิทธิของแต่ละบุคคลทางกระทรวงพลังงานไม่สามารถเข้าไปบังคับได้ ถ้าพวกเขาพอใจที่จะใช้ก๊าซที่มีราคาแพงกว่าก็เป็นสิทธิของเขา เราห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนนโยบายลอยตัวแอลพีจียังคงนโยบายเดิมอย่างแน่นอนแต่จะเป็นเมื่อไรนั้นคงไม่สามารถบอก เนื่องจากเกรงว่าหากบอกล่วงหน้าก่อนวันประกาศจริง จะส่งผลให้ผู้ค้าบางรายฉวยโอกาสกักตุนก๊าซดังกล่าวไว้เก็งกำไรได้นายเมตตากล่าว

ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า การเพิ่มอัตราการเก็บเงินจากน้ำมันทุกชนิดเข้ากองทุน ช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงนั้น เห็นว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม เนื่องจากที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน ได้ตรึงราคาน้ำมันเพื่อช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ดังนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการดังกล่าวเพื่อเป็นการลดหนี้ให้หมดโดยเร็ว

ทั้งนี้ส่วนของการแก้ปัญหาหนี้กองทุน เห็นว่าไม่ควรเอาเงินก้อนจากที่อื่นมาล้างหนี้เช่นการออกพันธบัตรหรือบอนด์อีกรอบ ซึ่งจะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระหนี้สินให้กับกองทุนมากขึ้นอย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานจะไม่สร้างหนี้เพิ่มเพราะขณะนี้หนี้ทั้งหมดอยู่เฉพาะในบอนด์เท่านั้น ขณะนี้เงินที่กองทุนเก็บเข้ามามีสถานะเป็นบวกอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปชำระหนี้ตอนไหนเท่านั้น หากสามารถชำระหนี้หมดโดยเร็วจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม ยืนยันว่าสามารถบริหารจัดการเรื่องเงินได้

ส่วนนโยบายเงินการนำเงินปันผลเพิ่มของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เข้ามาใช้หนี้ เห็นว่าในส่วนนี้อย่ายุ่งกับปตท.เงินก้อนไหนก็ควรใช้เงินก้อนนั้น เพราะที่ผ่านมาในส่วนเงินปันผลของปตท.เองส่วนหนึ่งก็คืนคลังอยู่แล้วปตท.เป็นบริษัทตามกฏหมายเท่านั้นแต่โครงสร้างยังเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ถือถือหุ้นอยู่ถึง 70% ของเงินปันผลทั้งหมด 100%ซึ่งเงินดังกล่าวคลังจะเก็บไป 70% น้ำมันไม่ได้เป็นธุรกิจที่ ปตท.กำไรแต่มาจากก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ในส่วนของน้ำมันปตท.เจ็บตัวด้วยซ้ำ หลายอย่างที่ ปตท. เข้ามาช่วยไว้ในตอนที่ราคาน้ำมันแพงมากๆนายพรชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กองทุนมีภาระหนี้รวมประมาณ 64,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดจากชดเชยราคาน้ำมันในอดีตที่หนี้ดังกล่าว ได้แบ่งออกเป็นหนี้พันธบัตรชดเชยน้ำมันอายุ1,2 และ 3 ปี วงเงินรวม 26,000 ล้านบาท และสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ 24,642 ล้านบาทซึ่งหนี้พันธบั

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com