Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 06/11/2006 @ 12:43:44 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต SET Index
วันศุกร์ที่ 3 พ.ย. ปิดที่ 732.30 จุด +3.27 จุด มูลค่าการซื้อขาย 15,206ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิที่ 8.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 583.17 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 574.19 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 732.70 จุด +3.67จุด และ Low ที่ดัชนี 728.06จุด -0.97 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้นมีเซลงไปหน่อยจากแรงขายหุ้นพลังงานหลังเปิดตลาดช่วงเช้า แต่ไม่นานก็กลับขึ้นเป็นบวกได้ ถึงแม้ว่าหุ้นน้ำมันจะถ่วงดัชนีจากที่ราคาน้ำมันดิบยังอ่อนตัวลงหลังไนจีเรียเปิดการผลิตน้ำมันในส่วนที่เคยปิดไปในช่วงก่อนหน้าบวกกับได้รับแรงกดดันจากตัวเลข Stock น้ำมันในคลังอยู่ที่ระดับสูงในสหรัฐ แต่ก็ได้แรงซื้อมากจากหุ้นรับเหมาก่อสร้างและหุ้นแบงค์โดยเฉพาะแบงค์กรุงศรีทั้งแม่และวอแรนท์มีวอลุ่มเข้ามาอย่างหนาตาและทำ High ใหม่ไปเรียบร้อยโรงเรียนเบงค์ในรอบ 7 ปีหลังปรากฎข่าวผู้ถือหุ้นใหญ่ไล่ซื้อวอแรนท์ก่อนแปลงเป็นหุ้นสามัญสิ้นปีนี้ (จะช่วยเพิ่มขนาดทุนจดทะเบียนไว้รองรับ GE ที่จะเข้ามาถือหุ้นเพื่อไม่ให้เกินกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติ) รวมถึงหุ้นหลักทรัพย์ตัวอื่น ๆ ก็เทรดกันคึกคักทีเดียวในช่วงท้าย ๆ ตลาด มากันถ้วนหน้าอย่างนี้ส่งซิกต์อะไรรึเปล่าน๊า ว่าแล้วปีนี้ใครไม่มีคู่ไปลอยกระทงบ้าง.....?
BLS
ราคาเปิด 12.90 บาท ราคาปิด 13.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 19.15 ล้านบาท BLS ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/49 มีกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท ลดลง 35%QoQ ต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดค่านายหน้าและมูลค่าการซื้อขายที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมก็ลดลงด้วย ถึงแม้ว่าในไตรมาส 3/49 BLS มีงาน IPO ที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงกว่าไตรมาสก่อน แต่รายได้ค่าธรรมเนียมกลับลดลง นอกจากนี้ BLS ยังมีผลขาดทุนจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากค่าธรรมเนียมจากการทำธุรกิจตราสารอนุพันธ์ มูลค่าการซื้อขายในไตรมาส 4/49 มีการชะลอลง แต่ส่วนแบ่งตลาดของ BLS เพิ่มขึ้นเป็น 3.57% และตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในปี 2550 ให้ได้ 4% โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ Introducing Agent Schemeกับ BBL ที่คาดว่าจะเริ่มปลายปี 2549 หรือต้นปี 2550 โดยอาจเริ่มต้นตั้งสาขากับสาขาของ BBL และจะเข้าถึงลูกค้าของ BBL ให้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ฐานลูกค้าของ BLS เพิ่มมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อส่วนแบ่งตลาด นอกจากนี้ยังมีธุรกิจตราสารอนุพันธ์ต่อไป โดยจะพยายามรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ให้ได้ที่ 10% ซึ่งจะทำให้ในปีหน้านั้น รายได้ของ BLS น่าจะมีการกระจายตัวที่ดีมากขึ้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ โดยมีแนวรับที่ 13.20 บาท แนวต้านที่ 13.80 บาท
AH
ราคาเปิด 19.30 บาท ราคาปิด 18.90บาท มูลค่าการซื้อขาย 29.78ล้านบาท คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติใน Q3/49 จะอยู่ที่ 100 ล้านบาท ลดลง 46% YoY และเพิ่ม 16% QoQ เป็นผลมาจากรายได้ที่ลดลง เพราะปัญหาน้ำท่วมในต่างจังหวัด ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบยาวมาถึงผลประกอบการใน Q4/49 ด้วย ส่วนฐานลูกค้าที่กระจายตัวมากขึ้น, คำสั่งซื้อใหม่ และไม่ต้องให้ส่วนลดจำนวนมากแก่ Isuzu เหมือนที่เกิดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ K.KRAZIPเชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจของ AH จะดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมี upside จากการซื้อกิจการของ KPN จะทำให้ AH ได้เข้าเป็นเจ้าของใน KPN เต็มตัวแล้ว ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับที่ราคา 18.60 บาท แนวต้านที่ราคา 20.50 บาท
TTA
ราคาเปิด -ปิด 28 บาท มูลค่าการซื้อขาย 192.71 ล้านบาท ผู้บริหารของTTAเปิดเผยว่าได้แจ้งข้อมูลเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เรื่องการลงทุนในบริษัท จีเอซี โทรีเซน โลจิสติคส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TTA จะสร้างคลังสินค้าโดยมีพื้นที่การใช้งานขนาด 10,000 ตารางเมตร บนเนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ ในที่ดิน ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร อำเภอบางปะกง จังหวัดชลบุรี มูลค่าที่ดินรวมทั้งสิ้น 63.5 ล้านบาท ราคาดังกล่าว รวมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่ดินและสาธารณูปโภคส่วนกลางไว้แล้ว การสร้างคลังสินค้าดังกล่าวจะส่งผลดีในการลดต้นทุนลงได้ K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับที่ราคา 27 บาท แนวต้านที่ราคา 28.50 บาท
PDI
ราคาเปิด 41 บาท ราคาปิด 43 บาท มูลค่าการซื้อขาย 76.367 ล้านบาท จากการได้รับอนุญาตจากรัฐบาลประเทศลาวให้เข้าสำรวจแร่สังกะสีในพื้นที่ 800 ตารางกิโลเมตรในเมืองกาสี แขวงเวียงจันทน์ ด้วยการใช้งบประมาณสำรวจ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 75 ล้านบาท ซึ่งถือว่าการได้เข้าสำรวจพื้นที่ดังกล่าวในประเทศลาวเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากหากสำรวจพบก็จะได้แหล่งแร่แห่งใหม่ก็จะมีผลดีเอื้อต่อธุรกิตในอนาคตให้เติบโตขึ้น ในส่วนของการสำรวจภายในประเทศเอง PDI ก็ค้นหาแหล่งแร่ไปเรื่อยๆ แต่ยังไม่พบมาก แต่จุดที่น่าสนใจคงเป็นการปรับประมาณการผลประกอบการที่ PDI จะได้รับประโยชน์จากราคาสังกะสีโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 พันเหรียญ/ตัน เพิ่มขึ้นมาเป็น 3.9-4 พันเหรียญ/ตัน K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ42.75 บาท แนวต้าน 45 บาท
ที่มา ทันหุ้น[/color:6bd93a5dcb">
|
