May 4, 2024   3:22:15 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จับทางหุ้นปี 50
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 06/11/2006 @ 11:14:36
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ภาพความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองเริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจและตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ ออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยนักลงทุนต่างรอปัจจัยบวกของตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3 ที่กำลังจะประกาศออกมาในเร็ววันนี้ หากแต่จะเป็นแนวทางเพื่อนำไปสู่การลงทุนในกลุ่มหรือหุ้นตัวใดบ้าง คุณรณกฤต สารินวงศ์ ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) และคุณภูวดล ลาภอุดมสุข ผอ.ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ร่วมวิเคราะห์แนวโน้มและความเป็นไปได้ของทิศทางหุ้นในปี 50 ว่าควรจะลงทุนในหุ้นกลุ่มใด โดยแจกแจงรายละเอียดถึงการหลีกเลี่ยงหุ้นที่มีความเสี่ยง ส่วนจะสะท้อนสิ่งใดบ้างให้รับรู้บ้าง อยู่ที่นักลงทุนจะใช้วิจารณญาณและความการจับทางหุ้นปี 50 ไว้เพื่อเป็นแนวทางการลงทุนต่อไป


-หุ้นเด่นปี 50 มีตัวใดบ้าง และกลุ่มใดที่โดดเด่นที่สุด
คุณรณกฤต ASL กำลังรวบรวมและปรับการวิเคราะห์ใหม่ จึงยังต้องรอบทวิเคราะห์อีกสักระยะหนึ่ง

-กลุ่มอสังหาตัวใดที่มีพื้นฐานดีน่าลงทุน
คุณรณกฤต ถ้าในปี 49 ตัวเด่นจะเป็น AP ราคาพื้นฐาน 5.20 และ SPALI ราคาพื้นฐาน 3.90 และปันผลดีทั้งคู่ ส่วนในปีหน้า จะเด่นที่สุดคือ LPN มองราคาพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 6.50 บาทเพราะจะเป็นปีที่รายได้พุ่งแรงมาก

-งานราชพฤกษ์จะส่งผลต่อหุ้นกลุ่มใดมากที่สุด
คุณรณกฤต หุ้น CMO ได้รับงานเปิดตัว และงานบางส่วนซึ่งจะได้ประโยชน์บ้าง จึงเป็นตัวเด่นจากงานนี้ อีกทั้ง CMO เองก็เป็นหุ้นพื้นฐานดีอยู่แล้ว โดยให้มูลค่าพื้นฐานที่ 3.20 บาท จึงแนะนำซื้อ

-ทิศทางดัชนีในสัปดาห์หน้าจะเป็นอย่างไร
คุณรณกฤต ดัชนีน่าจะมีการปรับฐานระหว่าง 715-720 จุด เนื่องจากมองว่าหุ้นในกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นมาสูงเกินไปในระยะสั้น ขณะที่กลุ่มพลังงานยังคงไม่ได้รับความสนใจ อีกทั้งตลาดมีการเก็งกำไรหุ้นเล็กมากเกินไป จึงทำให้มองว่าดัชนีอ่อนไหวง่าย หากหุ้นธนาคารมีการปรับฐานจะทำให้ดัชนีผันผวนได้ง่ายจึงต้องระมัดระวังและลดความเสี่ยง

--หลังปรับนโยบายใหม่ของอสมท. ในการปรับเปลี่ยนผังรายการ จะส่งผลกระทบต่อหุ้น MCOT ในระยะยาวหรือไม่ หากจะช้อนเก็บไว้ แนวรับอยู่ที่เท่าไร
คุณรณกฤต ตอนนี้นโยบายเป็นรูปเป็นร่างขึ้น แต่ยังคงต้องรอประเด็นอื่นๆ เช่นจะมีการปรับเปลี่ยนรายการอื่นออกอีกหรือไม่และ agency ใดจะมีการถอนตัว รวมทั้งไม่แน่ใจว่าจะมีการตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมบ้าง ซึ่งทำให้เป็นปัจจัยเสี่ยง ส่วนรายได้ในปี 49 ยังคงเดิม ที่ 3,800 ล้านบาทโดยมีกำไรสุทธิ 1350 ล้านบาท แต่เราต้องปรับ PE ลงเพราะ เดิมเราให้ premium ผู้บริหารชุดเก่าไว้เยอะ ตอนนี้ต้องปรับ PE ให้อยู่ประมาณ 10-12 เท่าจะได้ราคาหุ้นปีนี้อยู่ที่ 23-25 บาท
-นักลงทุนที่ชอบเล่นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้นๆ มีหุ้นตัวใดบ้างที่เข้าข่ายการลงทุนในลักษณะนี้
คุณรณกฤต มองหุ้นที่มีโอกาสปรับเปลี่ยนธุรกิจในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต แนะนำสะสม PAE เก็งกำไรแนวต้านประมาณ 2.50 NNCL เช่นกันเก็งกำไรผลประกอบการ และพิจารณาราคาที่เหมาะสมคือ 2.50 บาท


-มองดัชนีปี 2550 ตลาดหุ้นจะมีทิศทางอย่างไร
คุณภูวดล ตลาดหุ้นไทยปีหน้าไม่เดินหน้าไปได้มากหนัก เนื่องจากติดปัญหาด้านการเมืองที่อยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังไม่เข้มข้นมานักเนื่องจากเป็นรัฐบาลอายุ ไม่เกิน 1 ปี 5 เดือน ทำให้นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนไทย ชะลอการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาคเอกชนออกไปก่อน จึงคาดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2549 ได้ในราว 4.00-5.00% จึงคิดว่าทิศทางตลาดหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ภายใต้ P/E ไม่เกิน 11 เท่า หรือที่ระดับ 796 จุด

-ปีหน้าหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง หุ้นกลุ่มใดที่จะได้ประโยชน์
คุณภูวดล ในช่วงปลายปีเราเริ่มเห็น หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และ วัสดุก่อสร้าง ที่ได้ประโยชน์ จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็เริ่มชะลอตัวลงจากเดิมมาอยู่ที่ระดับ 3% ทำให้เชื่อว่าความสามารถในการเพิ่มบริโภคภาคประชาชนเพิ่มขึ้น จากความต้องการที่อยู่อาศัย และการเปิดเส้นทางคมนาคมด้วย รถไฟฟ้า แนะนำซื้อหุ้น CK และ SEAFCOที่ได้ประโยชน์จากงานรับเหมาเส้นทางรถไฟฟ้าและปลอดภัยจากการเมือง ขณะที่หุ้นที่เป็นผู้นำด้านที่อยู่อาศัย อย่าง SPALI SIRI PS จะประโยชน์จากกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น

-หากเศรษฐกิจเติมโต 4-5 % หุ้นที่น่าลงทุนมากที่สุด
คุณภูวดล ผมมอง คือหุ้นกลุ่ม ธนาคาร เนื่องจากจะสามารถขยายสินเชือ่ได้ตามเป้า และมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดังนั้นหากเศรษกิจของไทยเติบโตมาก การขยายสินเชื่อของกลุ่มธนาคารจะมีคุณภาพและเติบโตเป็นผลกำไร กลับมายังธนาคารมากด้วยเช่นกัน หุ้นธนาคารที่มีควมแข็งแกร่งทางการเงิน และมีขีดความสามารถในการแข่งขันได้แก่ KBANK และ BAY ขณะที่ TMB ยังล่าหลังที่สุดในกลุ่มธนาคาร

-หลังปรับนโยบายใหม่ของ MCOT จะส่งผลอย่งต่ออนาคตของ MCOT และราคาหุ้นทีปรับตัวลดลงมาสะท้อนถึงคุณค่าในต้นปีหน้าแล้วหรือยัง
คุณภูวดล MCOT ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าคณะผู้บริหารใหม่จะยังไม่มีการปรับผังรายการใดที่เป็นการปรับแผนธุรกิจอย่างสุดขั้วเพราะต้องยอมรับว่า MCOT เป็นองค์กรสื่อสารมวลชน นอกจากจะต้องมีความเป็นกลางแล้วยังต้องหาผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นรายได้ทางธุรกิจจึงเป็นตัวชี้วัดความอยู่รอดของ MCOT ในอนาคต ซึ่งมองว่าหาก MCOT รักษาแหล่งรายได้ไว้ได้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงจะเป็นจังหวะของขาลงหลังจากที่ราคาหุ้นขึ้นมานาน ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการซื้อในราคาถูกควรรอให้ซื้อหลังมีการจ่ายปันผลแล้ว ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นได้ยากจึงจะเป็นเวลาของการเก็บของดีราคาถูกมองทางเทคนิคคือ 23.00-25.00 บาท

-กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่โดดเด่นที่สุดในปี 2550
คุณภูวดล คือหุ้นที่มีรายได้แข็งแกร่ง และกระแสเงินสดดี มีงานในมือมากๆ ต้อง SEFACO โดย ASP มองปัจจัยพื้นฐานไว้อย่างต่ำที่ราคา 6.15 บาท และหากผลประกอบการยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะต้องมีการปรับประมาณการราคาหุ้นที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากความเป็นผู้นำด้านตลาดด้านฐานรากของอาคารสูง ที่นับวันจะมีแต่เติบโต

-ทิศทาง TFEX จะเป็นอย่างไรในปี 2550
คุณภูวดล สิ่งที่จะเกิดขึ้นที่ชัดเจนคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของ ปริมาณซื้อขายที่เติบโตขึ้นทุกวัน เนื่องเพราะนักลงทุนสถาบัน รวมมถึงนักลงทุนระยะกลางเริ่มมองเห็นถึงประโยชน์ของการป้องกันการความเสี่ยง และการแสวงหากำไรจากตลาด TFEX เนื่องจากเพราะหากนักลงทุนสถาบันใดที่ไม่ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากตลาด TFEX จะมีผลประกอบการด้อยกว่านักลงทุนสถาบันที่ใช้ประโยชน์จากการป้องกันควมเสี่ยง และเชื่อว่าในปีหน้า กองทุนรวมความเป็นไปได้ที่จะออกกองทุนที่ลงทุนในตลาด TFEXเป็นการช่วยเพิ่มสถาพคล่องให้แก่ตลาด และทำให้การซื้อขายในสัญญาล่วงหน้า มีประสิทธิภาพมากขึ้น

-หุ้นลงทุนระยะสั้น มีหุ้นใดที่น่าสนใจ
คุณภูวดล คงต้องหาหุ้นที่ให้ผลตอบได้ดีทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง รวมถึงความเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องพอสมควร ดังนั้นควรเลือกหุ้นกลุ่มสาธูปโภคอย่างเชิ่น CK ,SEAFCO ,AOT รวมถึงหุ้นที่มีการเติบโตของรายได้อย่างเด่นชัน ได้แก่หุ้นกลุ่มโรงแรม ERAWAN MINT CENTEL โรงพยาบาล VIBHA

-มองหุ้นสัปดาห์หน้าเป็นอย่างไร
คุณภูวดล มองว่าตลาดหุ้นสามารถยืนเหนือระดับ 730 จุดได้ ขณะที่ปริมาณซื้อขายประจำวันอยู่ในช่วงเฉลี่ย 1.3 ? 1.5 ล้านบาทต่อวัน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็งตัวในช่วง 36.80-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้แนวต้านสัปดาห์หน้าอยู่ที่ 740 จุด เน้นซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัยพ์ ที่ราคาปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดรวม

-หุ้นกลุ่มบันเทิงที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ในกลุ่มเดียวกันคือ
คุณภูวดล คิดว่า WORK เพราะให้ผลตอบแทน 6.01% ขณะที่ BEC จะโดดเด่นในด้านที่ได้ประโยชน์จากความอ่อนแอ่ของคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน เนื่องจาก ITV มีปัญหาในเรื่องสัปทานกับภาครัฐ ขณะที่ MCOT อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร

-หุ้นกลุ่มโรงแรงที่โดดเด่นที่สุดจากงานสวนราชพฤกษ์
คุณภูวดล เป็นที่รู้กันดีว่างานพืชสวนโลกจะมีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศมากจากการเปิดสนามบินสุวรรณาภูมิอย่างเต็มรูปแบบในปลายปีนี้ ทำให้หุ้น CENTEL ได้ประโยชน์เนื่องจากมีโรงแรงในแหล่งท่องเทียวสำคัญหลายแห่ง รวมถึงในเขตจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 500 ห้อง(ถือหุ้น50%) ขณะที่ MINT มีโรงแรงที่จังหวัดเชียงราย วิลล่าจำนวน 15 หลัง (ถือหุ้น 100%) สรุปว่าชอบปริมาณมากกระแสเงินดีต้องเลือก CENTEL หากต้องการคุณภาพราคาขึ้นได้สูงต้องเลือก MINT

[/color:f931ef3a5b">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com