??????? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 288 | วันที่: 04/11/2006 @ 14:11:15 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นเล็กน้อย แต่ปริมาณการส่งออกขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อย่างไรก็ตามมูลค่าการส่งออกยังขยายตัวดีต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,402 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอน ขาดดุล 227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามรายได้ด้านการท่องเที่ยวที่ชะลอลงจากเดือนก่อน เพราะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิด ที่หาดใหญ่ และการปฏิรูปการปกครอง ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งจากตัวเลขดุลการค้าและดุลบริการดังกล่าว จึงส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1,175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการเกินดุลสูงสุด 1 ปี 9 เดือน นับจากเดือน ธ.ค. 47 ที่เคยเกินดุล 1,371 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อรวม 9 เดือน
หรือ ม.ค.-ก.ย.49 เกินดุลไป 2,799 ล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว[/color:5a2791b0c8">
ในส่วนของการผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานช่วงเดียวกันของปีก่อนสูง ประกอบกับความต้องการซื้อชะลอตัว และบางภาคอุตสาหกรรมหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน เช่น ปิโตรเคมี และกระดาษ ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่ชะลอตัว ได้แก่ สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องหนัง เพราะประสบปัญหาการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และความต้องการซื้อชะลอตัว ส่วนหมวดอาหาร และเครื่องดื่มยังขยายตัวได้ดี ทางด้านผลผลิตภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้น ทำให้รายได้เกษตรกรดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แม้ราคาพืชผลชะลอตัวลง
[/color:5a2791b0c8">
นางสุชาดา กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งหลังของปีนี้จะเกิดความสมดุลมากขึ้นระหว่าง ความต้องการในประเทศและต่างประเทศ จึงช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปต่อได้ หลังจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมาความต้องการในประเทศชะลอตัว ขณะที่การส่งออกเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยที่น่ากังวลอยู่ ได้แก่ ราคาน้ำมันในตลาดโลก แม้
ช่วงที่ผ่านมาราคาจะปรับลดลงมาก แต่ก็มีโอกาสปรับขึ้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน หากกลุ่มประเทศโอเปกลดกำลังการผลิต หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ดังนั้นประเทศไทยจึงยังจำเป็นต้องลดการพึ่งพิงน้ำมัน และผลักดันนโยบายการใช้พลังงานทดแทนต่อไป[/color:5a2791b0c8">
นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังโดยรวมในเดือน ก.ย. และไตรมาสที่ 3 ของปี 49 ยังได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวในระดับสูง แม้ว่าการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวในอัตราชะลอ
เล็กน้อย ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกยังอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยเครื่องชี้ภาคการคลังในเดือน ก.ย. พบว่าการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวสูงขึ้นมาก สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทภาคการคลังที่ช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยเฉพาะรายจ่ายงบประมาณในเดือน ก.ย. มีจำนวน 1.54 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23.2% และรายได้จัดเก็บสุทธิของรัฐบาลมีจำนวน 78,100 ล้านบาท ขยายตัว 9.5% [/color:5a2791b0c8">
นอกจากนี้ภาคการคลังยังเป็นตัวสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน ไตรมาส 3 ให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ช่วงที่การบริโภคและการลงทุนเอกชนลดลง โดยภาครัฐบาลมีรายจ่ายภาครัฐ 3.6 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 13.4% ขณะที่ตัวเลขการส่งเสริมการลงทุนของเอกชนยังขยาย
ตัวติดลบ 28.4% เช่นเดียวกับภาคบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอ โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากการใช้จ่ายในประเทศลดลง 3.8% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 74.6 ลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่อยู่ระดับ 75.2.
[/color:5a2791b0c8">
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
|