kaisel
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380 |  วันที่: 04/11/2006 @ 00:37:50 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต โบรกมองดาวเด่นหุ้นเล็ก mai ที่ยังน่าลงทุนอย่างต่อเนื่อง ตามปัจจัยพื้นฐานแผนดำเนินธุรกิจ โดยบล.พัฒนาสิน มอง ILINK เนื่องจากการสะสมมูลค่างานมือที่มีอยู่ ในมือคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท โยโครงการส่วนใหญ่ที่ได้รับคือการวางระบบด้านโทรคมนาคมในสนามบินสุวรรณภูมิ แนะ?ซื้อ? ราคาเป้าหมาย9.60 บาท ส่วนUMS แนวโน้มที่ลุกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานจะหันมาใช้ถ่านหินแทนน้ำเตาเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยดันให้ธุรกิจและรายได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แนะ?ซื้อ?ราคาเป้าหมาย 16.90 บาท ขณะที่RK บล.แอ็คคินซัน แนะจับตาและติดตามแผนธุรกิจในอนาคตภายหลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่
นายชัย ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธฺการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์พัฒนาสินจำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หุ้นเด่นในตลาด mai ที่ยังน่าลงทุนได้แก่ ILINK โดยมีงานในมือ ณ ปลายไตรมาส2/2549 อยู่ที่ 275 ล้านบาท ประกอบด้วยงานติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติก ให้กับการไฟฟ้านครหลวงเฟส2มูลค่า 97 ล้านบาท.งานที่ทำให้กับทีโอทีสำหรับCustomer Free Zone ของสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่า 83 ล้านบาท
งานติดตั้งสายไฟเบอร์ออฟติกและระบบไอพีเคเบิ้ลเพิ่มเติมให้กับกิจกรรมร่วมค้า ITO ในสนามบินสุวรรณภูมิที่เหลืออีก 25 ล้านบาท,งานติดตั้งระบบโทรศัพท์ให้กับทีโอทีในสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่า 78 ล้านบาท และงานอื่นๆรวมกัน 70 ล้านบาท และคาดว่างานในมือที่เหลือ 275 ล้านบาทมีแนวโน้มบันทึกเป็นรายได้ทั้งจำนวนภายครึ่งปีหลัง2549 ทั้งนี้ยังมีงานที่อยู่ระหว่างประมูลมูลค่า 1.4 พันล้านบาท จำนวน 3 โครงการ
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยวิจัยฯได้ปรับประมาณการผลกำไรสุทธิปี 2549 และปี 2550 เพิ่มขึ้นอีก 23%และ12% เนื่องจากผลกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรก 2549 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ปรับประมาณการผลกำไรสุทธิปี 2549 เพิ่มขึ้นจากเดิม 75 ล้านบาท เป็น 92 ล้านบาท
เนื่องจากงานในมือจะส่งผลให้รายได้งานประมูลขยายตัวในครึ่งปีหลัง2549 รวมถึงธุรกิจงานจัดจำหน่าย ซึ่งยังคงขยายตัวดีจากการปรับราคาขายตั้งแต่ไตรมาส2/2549 ในขณะที่ปรับประมาณการผลกำไรสุทธิปี 2550 เพิ่มอีก 12 % เนื่องจากคาดว่าILINK จะเป็นผู้ชนะงานประมูล 2 โครงการรวมกันมูลค่า 500 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้งานในมือปลายปี 2549 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 400-500 ล้านบาท และบันทึกเป็นรายได้ในปี 2550 โดยปรับมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 9.60 บาทจากเดิมอยู่ที่ 8.60 บาท
ขณะที่ปัจจัยทางเทคนิค ILINK มองแนวรับที่ 9 บาท และ 8.85 บาท ส่วนแนวต้าน 10 และ 10.30 บาท ราคาหุ้นILINK(2 พ.ย.49) ปิดที่ 9.30 บาท เปลี่ยนแปลง -0.05 บาทหรือ -0.53% มูลค่าการซื้อขาย 2.7 แสนบาท
UMS ช่องทางเติบโตยังมีอีกมาก
สำหรับหุ้นUMS นั้นนายชัย กล่าวว่า UMS จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของความต้องการน้ำมันเตาของภาคอุตสาหกรรม โยการขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มโรงงานที่มีการใช้น้ำมันเตาให้เปลี่ยนมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงทดแทน เนื่องจากปัจจุบันกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพียง 2% เท่านั้น ในขณะที่ประเทศต่างๆทั่วโลกมีสัดส่วนการใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมถึง 18%
ทั้งนี้ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ราคาถ่านหินมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าราคาน้ำมันเตา จนส่งผลให้ต้นทุนเชื้อเพลิงจากถ่านหินต่ำกว่าต้นทุนเชื้อเพลิงจากน้ำมันเตาถึง 4 เท่า ปัจจัยดังกล่าวจึงน่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าที่ใช้น้ำมันเตาให้เปลี่ยนมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงได้ง่ายขึ้น โดยUMS จะเป็นตั้งแต่ผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงถ่านหินตลอดจนการให้และบริการหลังการขาย
ฝ่ายวิจัยคาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิUMSจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 24% และ 132% ต่อปีระหว่างปี 48-51 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มที่คาดว่าบริษัทจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดน้ำมันเตสมีมูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท ในปี 2548 และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะเป็นโอกาสทางการตลาดที่สำคัญสำหรับบริษัทในการสร้างความเติบโตให้กับรายได้และกำไรในอนาคต
คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั่นต้นไว้ที่ระดับ 27-30% ได้ในอีก3 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีจุดเด่นในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติตรงกับความต้องการของลูกค้าซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแล้วยังเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้การเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่เป็นไปได้ยากขึ้น
นอกจากนี้บริษยังมีโอกาสในการเติบโตในอนาคตจากการขายถ่านหินให้กับโรงไฟฟ้าใหม่ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก(SPP) รวมทั้งการขยายไปสู่ธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆ เช่นการร่วมลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการถ่านหินในอนาคต แนะนำ?ซื้อ? ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2550 อยู่ที่ 16.90 บาท
ลุ้นแผนRK หลังปรับโครงสร้าง
ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ็คคินซัน จำกัด (มหาชน) ASL กล่าวว่า หุ้นที่เด่นที่สุดในตลาด เอ็ม เอ ไอ ได้แก่ หุ้น RK ที่น่าสนใจ เนื่องจากอาจจะมีการปรับโครงสร้างของผู้ถือหุ้นและภายในเดือนนี้ที่ผู้บริหารของRK จะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจภายหลังที่มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยให้แนวรับไว้ที่ 3.10 บาท แนวต้าน 3.40 บาท
ราคาหุ้นRK(2 พ.ค.49 )เปิดที่ระดับ 2.98 บาทปรับขึ้นสูงสุด 3.16 บาทและปิดที่ 3.14 บาท เปลี่ยนแปลง 0.16 บาทหรือ 5.37% มูลค่าการซื้อ 109.52 ล้านบาท
ส่วนนายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ASP กล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจในตลาด mai คือ PPM ซึ่งมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเนื่งอจากที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง new hight แนวรับ 3.16 บาท ต้าน 3.26 บาท แนะ ?ซื้อเมื่ออ่อนตัว?
ส่วน PYLON ก็เชื่อว่าจะมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีการสนับสนุน ซึ่งจะส่งผลให้PYLON เข้าไปประมูลงานได้มากขึ้น แนะนำ ?ซื้อเมื่ออ่อนตัว?ให้แนว รับ 2.40 บาทแนว ต้าน 2.50 บาท
ราคาหุ้นPPM(20 พ.ย.49)ราคาเปิด 3.18 บาท ปิด 3.20 บาท เปลี่ยนแปลง 0.04 บาทหรือ 1.27% มูลค่าการซื้อขาย2.19ล้านบาท ส่วนPYLON เปิดที่ระดับ 2.38 บาทปิดที่ระดับ 2.40 บาท เปลี่ยนแปลง 0.04 บาทหรือ 1.69% มูลค่าการซื้อขาย 1.36 ล้านบาท
.00020
[/color:05245a6bcf">
|
