May 4, 2024   2:45:34 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์ลงทุนหุ้นพักฐาน
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 03/11/2006 @ 15:00:55
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนพฤศจิกายน ให้สโลแกน?ต้นร้าย ปลายมีเฮ? หลังหมดฤดูประกาศผลประกอบในไตรมาส 3/2549 ฉุดแรงซื้อแผ่ว แรงขายทำกำไรกระหน่ำ ประเมินแล้วใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ส่องภาพบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นครึ่งเดือนแรกเป็นช่วงของการพักฐาน ฟอร์มตัวรอการฟื้นตัวรอบใหม่ในช่วงครึ่งหลังเดือนพฤศจิกายน เจาะกลยุทธ์ลงทุนเด็ดสุดเดือนนี้ ให้ขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และพลังงานที่สะสมมาในเดือนตุลาคมที่รอจังหวะตลาดร่วงในช่วงกลางเดือน สะสมหุ้นอนาคตดี นำด้วย BBL ที่ราคายังต่ำพื้นฐาน หากราคาร่วงรีบฉวยเข้าพอร์ต ตามด้วย SEAFCO ผลงานไตรมาส 3/2549 ขยายตัวก้าวกระโดด ส่วนเด่นสุดในกลุ่มยานยนต์หลังรวมธุรกิจกับKPN ต้อง AH และ AP

ที่กำไรไตรมาส 3 เดือดพล่าน จากรายการพิเศษขายหน่วยลงทุนในกองทุน และ SNC ที่จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในไตรมาส 4 นี้

รายงานบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ แอ็ดคินซัน จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้ตลาดหุ้นในเดือนพฤศจิกายน 2549 ระบุว่า หลังจากที่มีการเก็งกำไรผลประกอบการได้เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา และเริ่มมีแรงขายทำกำไรออกมาในช่วงปลายเดือน ดังนั้นคาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้

อีกทั้งผลประกอบการผลประกอบการไตรมาส 3/2549ยังเป็นช่วงของการชะลอตัวโดยภาพรวม ดังนั้นฝ่ายวิจัยคาดว่าตลาดหุ้นจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในครึ่งเดือนหลังเป็นต้นไป ซึ่งเป็นจังหวะในการเก็บหุ้นเมื่อตลาดหุ้นตกต่ำที่สุด ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงสัปดาห์ที่สองของเดือน

สำหรับตลาดหุ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ความคึกคักจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากราคาหุ้นรับรู้ข่าวไปมากพอแล้ว นอกจากนี้ยังเข้าใกล้ช่วงปลายปีที่มักจะมีแรงซื้อหุ้นกลับมา ส่วนหนึ่งอาจเริ่มมองข้ามไปถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2549 ที่กำลังจะสิ้นสุด

ทั้งนี้การแกว่งตัวของราคาหุ้นไปมาตลอดเดือนน่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา แต่ด้วยปัจจัยเด่นๆที่ยังไม่แรงพอจะไม่ทำให้สามารถกลับขึ้นไปทำนิวไฮของเดือนก่อนได้

อย่างไรก็ตามทิศทางของตลาดหุ้นไทย ยังขึ้นอยู่กับตัวแปรอีกหลายตัวที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ไกลนัก ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน การเมืองของไทย และตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ที่จะเป็นปัจจัยชี้นำตลาดหุ้นอื่นๆ เกือบทั่วโลกอยู่เป็นประจำ

ครึ่งเดือนแรกพักฐาน
นอกจากนี้มองว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น 4.1% แต่ตลาดหุ้นสำคัญในเอเชียรวมถึงตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวขึ้นมาในทิศทางเดียวกัน จึงอาจเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในบางช่วง แม้แนวโน้มเศรษฐกิจจะยังคงดีอยู่ ซึ่งเรียกว่าเป็นการปรับฐานจากการซื้อที่มากเกินไป โดยการปรับฐานดังกล่าวอาจจะกินเวลา 1-2 สัปดาห์แรกของเดือนเท่านั้น

สำหรับการแข็งค่าของเงินบาทในรอบ 7 ปี ซึ่งเป็นการแข็งค่าขึ้นตามค่าในภูมิภาคและการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์พี)ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่ 5.00% แสดงให้เห็นว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่ง การส่งออก 9 เดือนขยายตัว 16.4% มีเงินทุนไหลเข้ามาในรูปการลงทุนทั้งโดยตรงและการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึงเห็นได้จากปริมาณการซื้อสุทธิในช่วงวันที่ 1-26 ต.ค.ที่สูงถึง 16,407 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 13, 202 ล้านบาท

บาทแข็งปัจจัยลบ
อย่างไรก็ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจส่งผลกระทบต่อความสามรถของผู้ส่งออก และเป็นอุปสรรค์ในการรักษาเสถียรภาพด้านดุลการค้า ซึ่งหากเกิดขึ้นยาวนานจะกลายเป็นประเด็นต้องกังวล โดยธปท.ได้ออกมาเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการเก็งกำไรค่าเงินของกองทุนต่างประเทศเพราะหากมีการไหลออกอย่างรวดเร็วจะทำให้กระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ดังนั้นการแข็งค่าของเงินบาทครั้งนี้จึงเป็นปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก

สำหรับวิกฤติการณ์นิวเคลียร์ในเกาหลีและอิหร่านนั้น เป็นอีกปัจจัยที่ต้องระวัง เพราะหลังสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรและประเทศมหาอำนาจแสดงความไม่พอใจ อาจเป็นปัจจัยให้เกิดการจุดชนวนอีกครั้ง อีกทั้งปัจจุบันกระแสข่าวการก่อการร้ายยังคงมีอยู่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่กระทบต่อตลาดหุ้นเป็นระยะๆ

นอกจากนี้การตรึงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐไว้ที่ 5.25% ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะมีการตรึงไปจนถึงมิถุนายน 2550 ซึ่งทำให้ความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยลดลง และเป็นปัจจัยบวกระยะยาว โดยล่าสุดตัวเลขการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสหรัฐไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 1.6% จาก 2.6% ในไตรมาสที่ 2 ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

Q4ความมั่นใจกลับคืน
ทั้งนี้ในส่วนของเศรษฐกิจไทยปี 2549 ภาครัฐประเมินว่าจะขยายตัวได้ 4.6% จึงน่าจะทำให้ความมั่นใจนักลงทุนในช่วงไตรมาสที่ 4/2549 กลับคืนมา อีกทั้งรมว.กระทรวงการคลังได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2550 ว่าจะขยายตัว 4.8% ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศยังแข็งแกร่งต่อไป ซึ่งจะทำให้เกิดความมั่นใจในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในระยะยาว

ส่วนปัจจัยอื่นๆที่น่าจับตาต่อ คือ ประเด็นด้านการเมืองเรื่องคลื่นใต้น้ำ และความวิตกกังวลหาก ?ทักษิณ?เดินทางกลับมาประเทศไทย และเกิดกระแสต่อต้านรวมถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองต่างๆ ปัจจัยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก รวมทั้งหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มอื่นๆที่ยังคงรอความคืบหน้าของ คตส. และปปช. ต่อการสะสางรัฐบาลชุดเก่า ทางด้านป.ป.ช.จะแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินข
[/color:9f034204af">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com