Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 03/11/2006 @ 10:24:15 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต บล.กิมเอ็งแนะนำซื้อ MFECราคาเป้าหมาย 4.80 บาทบมจ. เอ็ม เอฟ อี ซี (MFEC) เราคาดหมายว่าจะประกาศผลประกอบการไตรมาสสามที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องจากไตรมาสอง โดยประเมินว่าจะมีกำไรเท่ากับ 30 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.14 บาท) ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น +58%yoy เนื่องจากได้แรงหนุนจากการส่งมอบงานในมือ ทำให้ยอดขายยังอยู่ในระดับสูงเท่ากับ 613 ล้านบาทเพิ่มขึ้น +1%qoq และ +28%yoy นอกจากนี้การปรับโครงสร้างบริษัทย่อยได้แก่ 4Bizinet,PromptNow, AIM และ MIS ก็ไม่ได้มาเป็นภาระต่อ MFEC ปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงถึง 1,200 ล้านบาท คาดจะช่วยหนุนให้ยอดขายในไตรมาสสี่จะยังอยู่ในเกณฑ์ดีคือ ประมาณ 600ล้านบาทรวมแล้วในปีนี้เราคาดหมายว่าจะมียอดขายเท่ากับ 2,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48%มีกำไรสุทธิประมาณ 91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% แต่ลดลงจากประมาณการเดิม 15% ส่วนแนวโน้มปีหน้าลูกค้าที่เป็นองค์กรและ SME เริ่มมีคำสั่งซื้อมากขึ้น ในขณะที่การปรับโครงสร้างบริษัทฯย่อยจะทำให้กลับมามีกำไรดีขึ้นมาก รวมแล้วในปีหน้าเราประเมินยอดขายเท่ากับ 2,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% และ มีกำไรประมาณ 128 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.56บาท) เพิ่มขึ้น 41% และปรับเพิ่มจากประมาณการเดิม
บล.ยูไนเต็ดแนะนำ ซื้อ CCETราคาเป้าหมาย 4.90 บาทผลประกอบการมีกำไรปกติดีกว่ากว่าคาดมาก 23% อยู่ที่ 785 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นผลจากช่วง High Season ของอุตสาหกรรม EMS โลกและการรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหญ่ทั้งในกลุ่มเดิม (Set Top Boxes, Multi-Function Printer) และกลุ่มใหม่(HDD) ขยายตัวค่อนข้างมาก ทำให้ยอดขายเติบโตกว่า 12%QoQ และ 41%YoY ขณะที่จากผลกระทบแง่บวกเรื่องการประหยัดต่อขนาด (Economics of Scales) และอำนาจในการต่อรองการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นก็ปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 5.6%จาก 4.7% ใน 2Q49 ประกอบกับสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงและการมีบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 27.5 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิ 3Q49 ของ CCETเติบโตอย่างมากกว่า 37%QoQ และ 88%YoY อยู่ที่ 812 ล้านบาท
บล.นครหลวงไทยแนะนำถือ CCETราคาเป้าหมาย 4.40 บาทกำไรสุทธิ Q3/49 ดีกว่าที่คาดถึง 31% : CCET แจ้งกำไรสุทธิ Q3/49 เท่ากับ 818 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.9% yoy และ 37.6% qoq และสูงกว่าที่ SCIBS Research และตลาดคาดการณ์ไว้ทั้งสิ้น สาเหตุหลักมาจาก อัตราส่วนกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin:GPM) ดีกว่าที่ SCIBS ประเมินไว้ที่ 0.7 bps เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการประหยัดจากขนาด (Economies of Scale) ขณะที่รายได้และค่าใช้จ่ายอื่นๆเป็นไปตามที่ SCIBS ประเมินไว้ เพราะใน Q3/49 เป็นอีกไตรมาสที่ CCET ผลิต PCBให้แก่ลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Hard Disk Drive เต็มไตรมาส ต่อเนื่องจาก Q2/49 ที่ผ่านมากอปรกับเป็นช่วง Hi-Season ของธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คาดผลประกอบการ Q4/49ลดลงจาก Q3/49 เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น: SCIBS ประเมินผลการดำเนินงานในQ4/49 คาดว่าจะมีรายได้ทั้งสิ้น 19,855 ล้านบาท ลดลง 8.5% qoq แต่เพิ่มขึ้น 25.2%yoy เนื่องจากใน Q4/48 CCET ยังผลิตให้กับฐานลูกค้ากลุ่มเดิม ขณะที่ Q4/49 นี้ CCETมีคำสั่งซื้อส่วนเพิ่มจากลูกค้าในกลุ่ม Hard Disk Drive (HDD) จึงทำให้ฐานแตกต่างกันแต่เนื่องด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอยู่ในขณะนี้ จะส่งผลให้ GPM ของ CCET ใน Q4/49 ลดลงจาก Q3/49และสะท้อนลงมายังกำไรสุทธิใน Q4/49 ที่ 732 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.5%yoy และลดลง 10.6% qoq
บล.โกลเบล็กแนะนำขาย TRAFราคาเป้าหมาย 0.56 บาทหลังการลดทุน ผู้ถือหุ้นเดิมจะมีจำนวนหุ้นที่ถือน้อยลง โดยจะเหลือ = หุ้นเดิม*0.08752แต่ราคาซื้อขายในตลาดจะสูงขึ้นราว 11.42 เท่าจากราคาปิดก่อนหน้า (1/0.08752)เพื่อให้มูลค่าหุ้นเท่าเดิม เช่นเดิมถือTRAF 1000 หุ้น หลังลดทุนจะเหลือหุ้นอยู่ (1000*0.08752 หุ้น) หรือ 87.52 หุ้น ส่วนราคาซื้อขายที่ควรจะเป็นหลังการลดทุนจะอยู่ที่ราว 5.71บาท หากราคาซื้อขายก่อนวันลดทุนอยู่ที่ 0.50 บาทต่อหุ้น เป็นต้น (หมายเหตุ ราคาหุ้นก่อนลดทุนอาจเป็นแค่ตัวอย่าง) การเพิ่มทุนไม่ทำให้เกิด Dilution Effect ต่อEPS แต่แม้จะล้างขาดทุนสะสมได้ ทิศทางยังไม่แน่นอนการเพิ่มทุนเป็นการให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิม ดังนั้นไม่ก่อให้เกิด Dilution Effect ต่อEPS ผู้ถือหุ้นเดิมหากใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างทางการเงินโดยล้างขาดทุนสะสมเป็นสิ่งที่ดีในแง่โครงสร้างทุนและทำให้บริษัทมีสิทธิจ่ายเงินปันผลได้หากมีกำไรเพียงพอ แต่สำหรับการลงทุนควรประเมินทิศทางธุรกิจในอนาคตประกอบกันด้วยโดยยังไม่มีทิศทางที่แน่นอนจากผู้บริหาร ปัจจุบันTRAFยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ แต่ล่าสุดผู้บริหารคาดว่าน่าจะสามารถกลับมากำไรได้ในปีหน้า
.000009
[/color:c721161c52">
|
