May 6, 2024   10:49:54 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิพากษ์หุ้นค่ะ ..........
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 30/10/2006 @ 11:20:23
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

?ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ส่งเสริมธุรกิจพาณิชย์นาวีค่อนข้างมาก และในการจัดตั้งบริษัทที่สิงคโปร์ เราได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลายจุด เนื่องจากประเทศสิงคโปร์ มีสัญญาซ้อนภาษีระหว่างประเทศ กระทั่งอินเดียและจีน ภาษีเราจะไม่ต้องเสียอีกแล้ว วัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์ เพื่อให้ธุรกิจเราลดต้นทุน?

ภาวะธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล(สินค้าแห้งเทกอง) หรือ ธุรกิจโลจิสติคส์ ถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบขนส่งทั้งทางบก อากาศและทางน้ำ หากแต่ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA มีจุดมุ่งหมายในการบริการแบบครบวงจร ดังนั้นตัวเลขเดินเรือและการเช่าเรือ จะสะท้อนรายได้ในรูปแบบใด รายการ?วิพากษ์หุ้น? หาตัวเลขการเช่าเรือจากม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ ร่วมบอกเล่าถึงแนวคิดและการเปิดบริษัทในสิงโปร์ มีวัตถุประสงค์หลักใด ส่วนธุรกิจในปีหน้าจะส่งให้รายได้และยอดเช่าเรือในการขนส่งสินค้าจะเติบโตได้ตรงตามที่คาดหวังไว้มากน้อยเพียงใด แนวทางธุรกิจ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการเดินเรือของ TTA

-การตัดสินใจซื้อเรือลำใหม่มีมูลค่าเท่าไร และจะรับรู้รายได้เมื่อใด
ม.ล.จันทรจุฑา เรือลำใหม่ที่ทาง TTA ตัดสินใจซื้อ ก่อนอื่นเรายังไม่ได้รับมอบ คือเรือจะส่งมอบระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม แต่ราคาที่ตกลงไว้คือ 37 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอยู่ประมาณ 1,380 ล้านบาท เรือลำนี้ขนาดบรรทุกอยู่ที่ประมาณ 47,000 เมตริกตัน และอายุการใช้งาน 4 ปี ในสภาพตลาดวันนี้เรือลำนี้คิดว่าถ้าปล่อยเช่าออกไป ระยะเวลา 1 ปี น่าจะทำรายได้ต่อวันเกิน 25,000 เหรียญต่อวัน ถ้าคิดจะปล่อยเช่าเกิน 2 ปี น่าจะเกินวันละ 20,000 เหรียญสหรัฐต่อวัน

-TTA ออกหุ้นกู้เกี่ยวกับจะนำเงินมาซื้อเรือหรือไม่
ม.ล.จันทรจุฑา คงไม่เกี่ยวกันโดยตรง หากแต่วัตถุประสงค์ก่อนอื่น บริษัทแค่ขออนุมัติจากผุ้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท แต่ไม่ได้หมายความว่าจะออกถึง 10,000 ล้านบาท จริงๆ วัตถุประสงค์หลักคือ การจ่ายหนี้ปัจจุบันคืนทั้งหมดที่มีต่อธนาคาร โดยบริษัทกู้เงินทั้งหมด ณ ปัจจุบันกับธนาคาร ในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ โดยแผนการเงินของบริษัทคือ จะออกหุ้นกู้ในเงินสกุลบาท และใช้ตราสารอนุพันธ์แปลงเป็นเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันหากออกหุ้นกู้ บวกดอกเบี้ย คิดว่าต้นทุนของเงินจะลดไปปีละ 1% ทันทีอย่างน้อย คือเป็นการลดต้นทุนของ TTA ความตั้งใจคือกะจะออกหุ้นกู้พอเพื่อจะล้างหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดกับกลุ่มเดินเรือของเรา ซึ่งในเบื้องต้นจะอยู่ประมาณ 7,000 ล้านบาท

-TTA ลงทุนจัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์ มีวัตถุประสงค์ใดและจะมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
ม.ล.จันทรจุฑา ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่ส่งเสริมธุรกิจพาณิชย์นาวีค่อนข้างมาก และในการจัดตั้งบริษัทที่สิงคโปร์ บริษัทจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหลายจุด อาทิ ในการขนถ่ายสินค้าออกจากจีน หรืออินเดีย TTA จะเสียภาษี แต่ถ้าเราผ่านบริษัทสิงคโปร์ใหม่ของเรา เนื่องจากประเทศสิงคโปร์ มีสัญญาซ้อนภาษีระหว่างประเทศ กระทั่งอินเดียวและจีน ภาษีเราจะไม่ต้องเสียอีกแล้ว วัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้งบริษัทในสิงคโปร์ เพื่อให้ธุรกิจเราลดต้นทุน ซึ่งมีผลพลอยได้ทางอื่นบ้างเล็กน้อย อย่างเช่น เรือลำล่าสุดที่จะซื้อ เรากะจะใช้บริษัทสิงคโปร์เป็นเจ้าของเรือ เพราะว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงกว่าสิ่งที่เราได้รับจาก BOI ณ เวลานี้

-สิทธิประโยชน์ของภาษีที่ได้รับ ประมาณตัวเลขเท่าไร
ม.ล.จันทรจุฑา ก่อนอื่นถ้าดูจากตัวเลขปีงบประมาณของบริษัท ภาษีที่บริษัทเสียทั้ง 2 ประเทศคือ อินเดีย และจีน ตกประมาณ 16 ล้านบาท ฉะนั้นการที่จัดตั้งบริษัทที่สิงคโปร์จะทำให้ TTA ลดส่วนหนึ่งไปได้ตรงนั้น คือมีข้อแลกด้วยการจ้างคนที่สิงคโปร์และมีออฟฟิศจริงๆ

-แผนการธุกริจของ TTA ในปี 2550 เป็นอย่างไร
ม.ล.จันทรจุฑา ต้องดูจังหวะ ก่อนอื่นขอพูดถึงอุตสาหกรรม ณ วันนี้ ซึ่งปีนี้สิ่งที่ชัดเจนคือ ความต้องการใช้เรือ โดยมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ซึ่งเติบโตเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์หลายสถาบันด้วย นี่คือสาเหตุที่ทำให้ค่าระวางเรือขึ้นตลอด ในปีนี้ปริมาณเรือ สินค้าแห้งเทกองที่เข้ามาใหม่ในตลาดขยายตัว 8% แต่ความต้องการใช้เรือสูงมากๆ สำหรับปีหน้าตัวเลขที่บริษัทมีอยู่ คาดว่าการขยายเรือสินค้าแห้งเทกองในปีหน้าจะลดแน่นอน และไม่น่าเกิน 5% ตามประมาณการน่าจะขยายตัว 4.5% ฉะนั้นหากสมมุติความต้องการใช้เรือลดลงไปบ้าง เศรษฐกิจอาจจะชะลอตัวลงไป ความต้องการลดลงไปบ้าง ถ้ามองอุตสาหกรรมในปีหน้า ผมมองเป็นปีที่ดี และคิดว่ายังไปได้ดีมากๆ อยู่ จึงทำให้เป็นสาเหตุให้ราคาเรือไม่ว่าในตลาดมือหนึ่งหรือมือสองจึงมีราคาแพงมาก สิ่งที่บริษัทมองหรือคิดไว้คือ TTA จะดูโอกาสเป็นรอบๆ ไป หากมีความเหมาะสม บริษัทก็จะเข้าไปลงทุน ถ้าไม่มีโอกาสที่จะซื้อเรือ ที่เหมาะสมกับกองเรือของเรา บริษัทก็จะอยู่เฉย ๆ

-การแข่งขันในปีหน้าจะเป็นอย่างไร
ม.ล.จันทรจุฑา บริษัทเดินเรือทั่วโลก แต่ละบริษัทไม่ได้ใหญ่มากเท่าไรเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยส่วนรวม จึงทำให้กลายเป็นว่าแต่ละบริษัทจะมีจุดแข็งของตัวเอง โดยจุดแข็งของ TTA จะไม่เหมือนกับบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจริงๆแล้ว บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นคู่แข่งของ TTA ฉะนั้นในเมืองไทยไม่ค่อยมีคู่แข่งในลักษณะนี้ ในแต่ธุรกิจอย่างสินค้าแห้งเทกองคุ่แข่งของเราคือ ยักษ์ใหญ่ในเอเชีย เช่น คอสโก ของจีน หรือ เกาหลี สำหรับธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำ คู่แข่งของเราเป็นบริษัทต่างประเทศเช่นกัน และส่วนเรือขุดเจาะปิโตรเลียมมีแต่บริษัทต่างชาติเท่านั้นที่ทำ

เคาะกระดานหุ้น
คุณวีระชัย ครองสามสี ผอ.อาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ จำกัด
คุณภูวดล ลาภอุดมสุข ผอ.ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)

-ภาวรวมตลาดหุ้นเป็นอย่างไร
คุณวีระชัย ตลาดปรับฐาน รวมๆ แล้วตลาดปรับขึ้นมาแถวๆ 738-740 จุด น่าจะมีการทำกำไรระยะสั้น ประกอบกับทุกคนเริ่มกังวลกับทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะดาวโจนส์ที่ปรับตัวขึ้นมาสู่ภาวะ OVERBOUGH โดยมีแนวต้านอยู่ประมาณ 12,200 ถ้าดูฟรุตซี่ของอังกฤษ เริ่มปรับฐานเช่นกัน ถ้าดูในแง่ของตลาดเอเชีย ตลาดสำคัญที่เป็นเกณฑ์อ้างอิงคือตลาดนิกเกอิ เริ่มปรับฐาน ส่วนฮ่องกงที่ปรับขึ้นมาส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของ ICBC ที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรก จึงทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศมีโอกาสที่จะปรับฐานในสัปดาห์หน้า ถ้าปรับฐานคงจะมีผลกระทบต่อการลงทุนของตลาดหุ้นไทย
คุณภูวดล ผมคิดว่าเป็นการทำกำไร ในตลาดขาขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทางเอเซียพลัสแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้น และซื้อหุ้นมาตลอด 3 สัปดาห์ และช่วงปลายสัปดาห์นี้ได้มีการบอกว่าจะมีการปรับฐาน แต่เป็นการปรับฐานเพื่อให้หุ้นแต่ละกลุ่มขยับตัวได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน แต่หุ้นธนาคารจะถูกเทขาย ฉะนั้น ไม่น่ากลัวและไม่แปลกที่ตลาดจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ กระแสการเมืองเริ่มกลับมาอีกครั้ง ทำให้ตลาดขาดแรงซื้อช่วงสั้นๆ คือ ขายทำกำไรก่อน แต่ดูจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ผมคิดว่าน่าจะเติบโตต่อได้ ฉะนั้นการปรับฐานจะเป็นการปรับฐานช่วงสั้น คิดว่าคงจะปรับประมาณ 720-725 จุด ส่วนแนวต้าน 735 จะเป็นแนวต้านที่จะต้องทดสอบหลายครั้ง เพราะว่าตลาดขึ้นมา 2 สัปดาห์นักลงทุนไทยยังไม่ซื้อ พอเข้าสัปดาห์ที่ 3 ต่างชาติเริ่มซื้อน้อยลง ตรงนี้ต้องระวัง เพราะนักลงทุนไทยซื้อกลับ ต่างชาติจะเป็นจิตวิทยาว่าตลาดจะอ่อนตัว ฉะนั้นภาพมองว่าตลาดเป็น Sideway ลงลึกซื้อได้

-หุ้นเด็ดสำหรับสัปดาห์หน้ามีตัวใดบ้าง
คุณวีระชัย เป็นหุ้นที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ เป็นหุ้นเข้าใหม่ ผมแนะนำ หุ้น mai คือ ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม คือ TIES โดยประเมินผลประกอบการไตรมาส 3 น่าจะออกมาดีขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันมีงานอยู่ในมือ 1.2 พันล้านบาท และจะรับรู้ในครึ่งปีหลัง 600 ล้านบาท และต้นปีหน้าอีก 600 ล้านบาท ตรงนี้หากดู P/E ที่ค่อนข้างต่ำที่ 6 เท่า เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่ 8 เท่า ในแง่ของทางเทคนิค ราคาน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ถึงระดับ 3 บาท ผมมองว่าถือไว้น่าจะเห็นระดับ 3 บาทแน่นอน ส่วนตัวที่ 2 เป็นกลุ่มรับเหมาเช่นกัน คือ พรีบิลท์ (PREB) ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน คือมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 3.07 บาท ปัจจุบันบริษัทกำลังจะเซ็นสัญญา โครงการเพิ่มอีก ผมคิดว่าบริษัทจะหันมาจับธุรกิจตึกสูง และสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ผมเชื่อว่าหากถือไว้ระยะ 1-2 เดือน น่าจะเห็นระดับที่ราคา 3 บาท คิดว่าไม่น่าผิดหวัง

คุณภูวดล ผมแนะนำหุ้น วิภาวดี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลเข้าหน้าหนาว และสนามบินสุวรรณภูมิเปิดรับนักท่องเที่ยวใหม่ ดังนั้น วิภาวดีน่าจะเติบโตตามกลุ่มโรงพยาบาล จะมีการขยายส่วนรับลูกค้ามากขึ้น และจัดตั้งศูนย์โรคเฉพาะทางเช่นโรคหัวใจ ดังนั้นการที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นในปีนี้และปีหน้าต่อเนื่อง ทางเอเซียพลัสมอง ราคา 2.90 บาท ซึ่งปีหน้าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ถึง 4 บาท ฉะนั้นถ้าซื้อวันนี้ วิภาวดีน่าซื้อ ผมแนะนำซื้อ 2.64 บาท แนวต้าน 2.90 แต่ถ้าถึงต้นปี โอกาสเห็น 3 บาทกว่ามีสูง อีกตัวคือ ซีเอ็มออร์กาไนเซอร์ (CMO) โดยบริษัทนี้เป็นผู้จัดงานวันพืชสวนโลก ยอดซื้อบัตรขายได้อย่างมาก ตัวนี้จะทำรายได้อย่างมหาศาลให้กับ CMO ซึ่งปลายปีเป็นฤดูกาลของการจัดงาน ดังนั้น กระแสเงินสดจะดีมากในช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ดังนั้นซื้อเก็บไว้ได้ ที่แนวรับ 2.40 บาท แนวต้าน 2.60 บาท


[/color:d21b8780db">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com