จับตา โกลเบล็ก โฮลดิ้ง (GBX) ของ โอฬาร คูหาเปรมกิจ ซุ่มเงียบ..เร่งสร้างสตอรี่รอวันฟ้าเปิด ล่าสุดมีข่าวโชยเตรียมรุกธุรกิจพลังงานทางเลือกเพิ่มอีกแห่ง ผู้บริหารเผยโครงการนี้ใหญ่กว่าเดิม และกำลังจะได้มือดีเข้ามาบริหาร บล.โกลเบล็ก



ผมฟันธงได้เลย..เพราะจากการเปลี่ยนแปลง ปีหน้า (ปี 2550) ราคาหุ้น GBX มีโอกาสที่จะกลับมาสูงกว่านี้!!!

-------------------------------------------

ตามรอยเส้นทาง บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์ (GBX) ของ เสี่ยโอฬาร คูหาเปรมกิจ กับความพยายามจะปั้นหุ้น GBX ให้กลับมากระหึ่ม อีกครั้ง!

หลังจากเมื่อต้นปี กลุ่มคูหาเปรมกิจ ระดมทิ้งหุ้นรับกำไร กดให้ราคาหุ้นหล่นลงมาจาก 9 บาท พร้อมทั้งเกิด ศึกภายใน บล.โกลเบล็ก จึงทำให้ราคาหุ้น GBX เลย เสียศูนย์ นับตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา

กระทั้งคณะกรรมการ ก.ล.ต. ปลดล็อกให้บริษัทสามารถออกวอร์แรนท์ได้ แม้จะทำให้ตระกูลคูหาเปรมกิจ สามารถทวงความมั่งคั่งกลับคืนมาได้ในระดับหนึ่ง แต่ธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งเป็น Core Business ได้สูญเสีย มาร์เก็ตแชร์ มาตลอด

ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงจากการขายสาขา 11 แห่ง จากทั้งหมด 17 สาขา ให้กับ บล.ฟินันซ่า ในราคา 23 ล้านบาท พร้อมทั้งการลาออกของทีมมาร์เก็ตติ้ง จำนวนมาก

หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวอีกว่า กลุ่มคูหาเปรมกิจ มีการเจรจากันกับกลุ่ม บริษัท ฟาร์อีสท์ แอสเซทส์ คอร์ปอเรชั่น ของ ตระกูลชัยวิกรัย แต่ก็ต้องพลาดท่า เมื่อดีลที่เข้าไปร่วมเจรจาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้

ล่าสุด ณัฐวุฒิ เขมะโยธิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง ยอมรับกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรใหม่ เพื่อจะเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก โดยธุรกิจนี้นับว่าเป็นโครงการค่อนข้างใหญ่ มีมูลค่าเงินลงทุนค่อนข้างมาก แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้

ซึ่งธุรกิจที่ว่านี้จะเป็นโครงการที่ 2 ของบริษัท จากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งก่อตั้งบริษัทชื่อ เอเซีย อิควิตี้ เวนเจอร์ ถือหุ้น 99.99% เพื่อเข้าไปลงทุนใน บริษัท เอ็น จี วี คาร์เซ็นเตอร์ ประกอบธุรกิจค้าร่วมดำเนินกิจการรถโดยสารสาธารณะ โดยเข้าถือหุ้น 40% มูลค่า 4 แสนบาท ซื้อหุ้นจาก น.ส.วัชราพรรณ เตมียงค์

ทั้งนี้ บริษัท เอเซีย อิควิตี้ เวนเจอร์ ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจการเงิน โดยมีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท

บริษัท เอ็น จี วี คาร์เซ็นเตอร์ ถือเป็นโครงการเริ่มต้นของเรา มีมูลค่าไม่เยอะ แต่ธุรกิจใหม่ที่กำลังเจรจาอยู่จะมีมูลค่าใหญ่กว่ามาก

อย่างไรก็ตาม มือขวาเสี่ยโอฬาร ก็พูดเปิดทางเอาไว้ด้วยว่า อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรมาก ตราบใดที่ยังไม่มีการเซ็นสัญญากันเป็นเรื่องเป็นราว ดีลนี้ก็มีโอกาสล้มเหลวได้เช่นเดียวกัน

ผมถึงยังไม่อยากจะบอกอะไรตอนนี้ เพราะวันนี้เราจะไปหวังอะไรมากก็ไม่ได้ เพราะดีลนี้ก็มีโอกาสล่มได้ เหมือนกับดีลที่ทำกับฟาร์อีสท์ สุดท้ายก็ตกลงกันไม่ได้ นี่ไง!ที่ผมถึงยังไม่กล้าบอกรายละเอียด

จุดน่าสังเกตอยู่ที่ว่า วิธีการลงทุนของกลุ่มคูหาเปรมกิจ ณ ขณะนี้ แตกต่างจากเดิมพอสมควร เพราะไม่ได้โฟกัสตัวเองอยู่แต่เฉพาะธุรกิจหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว แต่ได้แสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น

มือบริหาร บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง อธิบายว่า การหันไปลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานทางเลือก เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่บริษัทจะต้องไป ถึงแม้จะไม่ใช่การลงทุนในสินทรัพย์สภาพคล่อง (หุ้น และตราสารทางการเงิน) แต่การลงทุนในลักษณะนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเรามากนัก ซึ่งก็ตรงกับวัตถุประสงค์แรกของการก่อตั้งบริษัทอยู่แล้วว่าเราจะเป็น โฮลดิ้ง คัมปะนี

ตอนนี้เรามีเงินลงทุนอยู่ ประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน (ตลาดหุ้น) แต่ครั้งนี้จะกระจายไปลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นธุรกิจที่กำลังได้รับความสนใจ คุณลองไปดูได้บริษัทอื่นๆ เขาก็ทำกัน

ณัฐวุฒิ บอกว่า เท่าที่ดูเทรนด์ของธุรกิจพลังงานทางเลือก ถือว่ายังมีอนาคตไกล และจะช่วยลดความเสี่ยงในยามที่วอลุ่มตลาดหลักทรัพย์น้อยลง โดยเฉพาะเวลานี้นักลงทุนรายย่อยซึ่งถือเป็นลูกค้าหลัก ก็มีปริมาณการซื้อขายที่ลดลงมาก

วิธีที่บริษัทพยายามทำอยู่ ก็คือ เดินไปตามกระแสตลาดด้วยการดึงลูกค้าสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ให้เข้ามาเทรดกับบล.โกลเบล็ก มากขึ้น นับตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้ก็จะเริ่มมีวอลุ่มจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เข้ามา

วอลุ่มเป้าหมายจากกลุ่มลูกค้าสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ ผมคงยังบอกไม่ได้ เพราะไม่อยากกดดันการทำงานของผู้บริหาร บล.โกลเบล็ก ขณะที่คุณโอฬาร ก็ได้ร่วมหาลูกค้ามาลงทุนด้วย เราต้องช่วยๆ กัน

ขณะที่ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิด โอฬาร คูหาเปรมกิจ เปิดเผยกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ช่วงนี้นอกจากเราจะเจรจาหาพันธมิตรร่วมลงทุนแล้ว ทางคุณโอฬาร ยังได้เตรียมสรรหา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) มาดูแลในส่วนของ บล.โกลเบล็ก อีกด้วย โดยบุคคลที่จะเข้ามาถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มวอลุ่มให้กับบล.โกลเบล็ก ได้มาก

ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเรามี 2 เครื่องยนต์ เราจะเดินเกมรุกทั้งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ และการลงทุนไปพร้อมๆ กัน..มันก็ดีซิ! แหล่งข่าว กล่าว

แต่เมื่อสอบถามจาก ณัฐวุฒิ มือขวาเสี่ยโอฬาร ถึงเรื่องดังกล่าว ได้รับคำตอบว่า เรื่องคน (ซีอีโอ)ที่จะเข้ามาดูแล บล.โกลเบล็ก ผมจะไม่ยุ่งตรงนี้ อันนี้เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนใครจะมายังไง..ผมไม่ขอตอบ

เมื่อถึงเวลานี้ เสี่ยโอฬาร ยังคิดจะขายหุ้น GBX ทิ้งอยู่อีกหรือไม่? ณัฐวุฒิ ตอบทันควันว่า ไม่ครับ..ผมฟันธงได้เลย เพราะจากการเปลี่ยนแปลง ปีหน้าเรา (ราคาหุ้น) มีโอกาสที่จะกลับมาสูงกว่านี้

น่าสนใจตรงที่ว่าท่ามกลางสภาพธุรกิจหลักทรัพย์ที่ซบเซา การลงทุนผ่าน บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ ซึ่งมักจะเป็น นอมินี (ต่างชาติตัวปลอม) ได้เข้ามาเก็บหุ้น GBX เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด

จากรายงานล่าสุด เมื่อ 29 กันยายน 2549 ไทยเอ็นวีดีอาร์ มีสัดส่วนการถือครองหุ้น GBX ถึง 140.74 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 13.22% และถือครอง GBX-W1 จำนวน 45.26 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 12.75%

ซึ่งถือว่าสูง และมีสัดส่วนการถือครองหุ้น GBX สูงกว่ารายงานวันที่ 2 สิงหาคม 2549 ที่ ไทยเอ็นวีดีอาร์ ถือหุ้น GBX 101.33 ล้านหุ้น หรือ 9.51%

จับตาหุ้น โกลเบล็ก โฮลดิ้ง (GBX) พ่วงด้วย GBX-W1 ของ เสี่ยโอฬาร ไว้ให้ดีๆ..อีกไม่ช้าอาจจะมี ทีเด็ด ให้เห็น

**************************************
กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:a216a78c81">