May 6, 2024   3:34:22 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วิพากษ์หุ้นค่ะ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 27/10/2006 @ 11:17:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หากคุณมิ่งขวัญกลับมาได้จริง ราคาหุ้นน่าจะกลับไปยืนอยู่ที่เดิมได้ที่ระดับประมาณ 40 บาท แต่ถ้าไม่ได้กลับมาตรงนี้ มองว่าคงเป็นแรงกดดันจากผู้อำนวยการคนใหม่ เพราะว่าคงต้องถูกเปรียบเทียบกับคุณมิ่งขวัญว่าจะมีฝีมือขนาดใด ซึ่งคงต้องให้โอกาสคนใหม่ด้วยเหมือนกัน ?

หลังจากที่มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน)หรือ MCOT...ได้ลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันยังไม่มีใครมาดำรงตำแหน่งแทน ต่อเมื่อได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (26 ต.ค.) เพื่อสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท.โดยที่ประชุมได้เสนอผู้ที่เหมาะสมจำนวน 10 ราย เพื่อเข้าร่วมคัดเลือกผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้แทนคุณมิ่งขวัญ

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการสรรหาบุคคลให้ไปดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ว่า ให้คณะกรรมการบริหารหรือบอร์ดใหม่เป็นผู้รับผิดชอบ เพราะจะมีการเลือกบอร์ด อสมท ใหม่ในวันนี้ (26 ต.ค.) ก็เป็นหน้าที่ของบอร์ดใหม่ที่ดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย

ส่วนกรณีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตผู้อำนวยการ อสมท สามารถกลับมาสมัครใหม่ได้หรือไม่ นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ถ้าไม่ติดขัดข้อกฎหมายก็ทำได้ แต่ถ้าติดขัดข้อกฎหมายก็สมัครใหม่ไม่ได้ก็เท่านั้น คือดูที่กฎหมาย ซึ่งตนไม่รู้ว่ากฎหมายกำหนดว่าอย่างไร เราไม่ได้ปิดโอกาส ถ้าไม่ติดขัดข้อกฎหมาย ใครที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมายก็สามารถเข้าสู่การแข่งขันในกระบวนการสรรหาที่ถูกต้องได้

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ชี้แจงถึงการที่จะกลับมาทำงานต่อใน อสมท หรือไม่ เรื่องนี้ยังตอบไม่ได้ โดยต้องดูคุณสมบัติ ดูกฎเกณฑ์ กติกาต่าง ๆ และขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการขายหุ้น อสมท ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ และยืนยันการทำหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2545 หรือกว่า 4 ปี 1 เดือนเศษ และผลักดันให้ อสมท แปรรูป กระจายหุ้นจนสำเร็จ ซึ่งการบริหาร อสมท มีความยาก ในเรื่องการบริหารอย่างไรให้สมดุล ระหว่างประโยชน์ทางสังคมและรายได้ ซึ่งเป็นเรื่องของผู้บริหารใหม่ที่ต้องคำนึงถึงความสมดุลนี้
ดังนั้น รายการ?วิพากษ์หุ้น? พร้อมหาปัจจัยพื้นฐานจากคุณปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และคุณภูวดล ลาภอุดมสุข ผอ.ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน)ที่จะร่วมวิเคราะห์ทิศทางและความเป็นไปได้ของข่าวลือต่างๆ และอีกหลายมุมมองที่มีต่อตัวหุ้น MCOT



-การเปลี่ยนแปลงของผู้บริหาร MCOT หากคุณมิ่งขวัญไม่ได้กลับมานั่งเป็นผอ.จะมีผลกระทบต่อราคาหุ้นอย่างไร
คุณภูวดล ถ้าคุณมิ่งขวัญได้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นไปถึง 32.50 บาท และเริ่มอ่อนลงมาอีกครั้งหลังจากที่ไม่มีรายชื่อ และโครงการต่างๆ ที่คุณมิ่งขวัญทำไว้แล้ว เป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ MCOT ให้มีความโดดเด่นมากขึ้น ดังนั้นหากได้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง คาดว่าราคาหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นไปที่เดิมได้ ประมาณ 38-40 บาท แต่ถ้าไม่ได้กลับมา ถามว่าจะแย่ลงไปกว่านี้หรือไม่ ผมเชื่อว่า MCOT ยังมีเวลาเตรียมตัวอย่างน้อย 3 เดือน ในช่วงปลายปี โดยจะปรับผังรายการ และดูช่องทางต่างๆ ว่ามีการปรับกลยุทธ์อย่างไร สามารถที่จะดำเนินหรือสานต่องานเก่าได้มากน้อยแค่ไหน

-มีมุมมองแตกต่างจากนี้หรือไม่
คุณปองรัตน์ ต้องบอกว่าราคาหุ้น MCOT ที่ปรับขึ้นมาได้ขณะนี้ คงต้องยอมรับว่ามาจากคุณมิ่งขวัญโดยตรง จากที่คุณมิ่งขวัญเสนอโปรเจคหรือโครงการต่างๆ ออกไป ส่วนมากสามารถที่จะทำให้โปรเจคนั้นเป็นจริง และทำให้ MCOT มีผลประกอบการดีขึ้นได้ตามโปรเจคนั้น ตรงนี้คงต้องยกความดีให้กับคุณมิ่งขวัญ ฉะนั้นในแง่ตรงนี้ หากคุณมิ่งขวัญกลับมาได้จริง ราคาหุ้นน่าจะกลับไปยืนอยู่ ที่เดิมได้ที่ระดับประมาณ 40 บาท แต่ถ้าไม่ได้กลับมาตรงนี้เรามองว่าคงเป็นแรงกดดันจากผู้อำนวยการคนใหม่ เพราะว่าคงต้องถูกเปรียบเทียบกับคุณมิ่งขวัญว่าจะมีฝีมือขนาดใด ซึ่งคงต้องให้โอกาสคนใหม่ด้วยเหมือนกัน หากดูในแง่คุณมิ่งขวัญไม่ได้กลับ ประเมินว่า อัตราการเติบโตของผลประกอบการของ MCOT น่าจะอยู่ในระดับปกติหรือในระดับเดียวกับอุตสาหกรรม ซึ่งนั่นหมายความว่า อัตราการเติบโตในปีหน้าก็น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงที่ 5-10% ฉะนั้นราคาที่เหมาะสมสำหรับ MCOT จะอยู่ระหว่าง 22-33 บาท โดยประเมินจาก P/E ประมาณ 10-15 เท่า ซึ่งนี่คือราคาสำหรับปีหน้าในกรณีที่มีกรรมการท่านใหม่เข้ามา แต่ส่วนนี้อยู่บนส่วนที่ว่ายังไม่เห็นผลงานคนใหม่ แต่ถ้าคนใหม่สามารถทำในสิ่งที่คุณมิ่งขวัญสามารถทำได้ เราเชื่อว่าตลาดให้พรีเมี่ยมแน่นอน

-หากเจาะราคา MCOT มีมุมมองอย่างไร
คุณภูวดล ต้องเข้าใจโครงสร้างราคาของหุ้น MCOT ก่อนว่า รายได้ที่โดดเด่นมีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนรายได้จากภาครัฐคือ งบประมาณประชาสัมพันธ์ หากมองถึงช่วงถัดไป รายได้ส่วนนี้จะมีแนวโน้มลดลง เพราะเห็นอยู่แล้วว่านโยบายภาครัฐมีแนวโน้มที่จะประชาสัมพันธ์หน่วยงานราชการลดลง จากงบปีนี้ 8 เดือนแรก ประมาณ 3,300 ล้านบาท และทั้งปีอาจจะถึง 4,000 ล้านบาท แต่ปีหน้าอาจจะลดลงเหลือแค่ 2,000 ล้านบาท หากถามว่า MCOT จะได้รับผลกระทบหรือไม่ รายได้ 35% จากงบภาครัฐก็จะหายไปด้วย นั่นหมายความว่าประมาณการอาจจะลดลง แต่ถามว่าจะแย่ลงหรือไม่ ผมคิดว่าไม่แย่ เพราะโครงการที่คุณมิ่งขวัญทำไว้ และคณะกรรมการประสานงานต่อและดูแลโครงการให้ต่อเนื่องไป สามารถจะทำรายได้ คงไม่แย่จนพลิกขนาดนั้น คงจะมีเวลาอย่างน้อย 3 เดือนหลังจากนี้ ยังมีเวลาปรับตัว ผมคิดว่าอนาคตราคา MCOT น่าจะอ่อนตัวลงและมีแรงซื้อกลับขึ้นมาได้ คิดว่าคงไม่ใช่ร่วงไปทีเดียว ก่อนคุณมิ่งขวัญเข้ามาดูแล MCOT ชื่อของคุณมิ่งขวัญบางคนไม่รู้จัก ต้องใช้ผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ ดังนั้นเราอาจจะได้กรรมการผุ้จัดการคนใหม่ก็ได้ ที่สไตน์เหมือนกัน รุนแรงเหมือนกัน ราคาหุ้นอาจจะบวกกลับขึ้นไปได้เช่นกัน แต่คงต้องเป็นปีหน้าเพราะปีนี้น่าจะทรงๆ มากกว่า

-ปัจจัยพื้นฐานที่น่าจะสนับสนุน MCOT ได้ด้วยตนเอง โดยไม่นับรวมการคาดหวังในตัวบุคคล
คุณปองรัตน์ รายได้ของ MCOT คงเหมือนทีวีทั่วๆ ไป แต่ว่าเผอิญมีเรื่องของวิทยุเข้ามาด้วย ซึ่งตรงนี้บนความคาดการณ์ กรณีที่ไม่มีคุณมิ่งขวัญ ต้องบอกว่ารายได้จากทีวี มองว่าปีหน้าจะโตประมาณ 5% ส่วนวิทยุ 8% แต่ถ้าสมมุติคุณมิ่งขวัญยังอยู่ คาดว่ารายได้ทีวีจะโต 16% และวิทยุ 26% นี่คือสำหรับปีหน้า ตรงนี้จะทำให้ผลประกอบการต่างกันมาก จึงได้มองว่าตัวผู้นำขององค์กรมีความสำคัญต่อ MCOT มาก เพราะว่าหากคนใหม่มาและมาสไตล์คุณมิ่งขวัญ ตรงนั้นถือเป็นความโชคดีของ MCOT ที่ได้ CEO ใหม่ที่มีความสามารถเหมือนกับคนเดิม

-หากเปรียบเทียบในกลุ่มทีวีด้วยกันในไตรมาสสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
คุณภูวดล ผมคิดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้าย คนที่ได้เปรียบคือ BEC เพราะว่าผลกระทบจากการเมืองได้รับน้อยกว่า ผลกระทบจากงบประมาณรายจ่ายการโฆษณา BEC จะมีสัดส่วนน้อย ส่วนมากเป็นรายได้จากภาคเอกชน ซึ่งไม่ได้มีรายได้จากภาครัฐ ดังนั้น BEC จะโดดเด่นในช่วงปลายปีมากกว่า และการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนผังและเรทติ้งที่ดีขึ้น ทำให้ราคาหุ้นไม่ได้ปรับลดลงเหมือน MCOT แต่ BEC มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบตรงที่ราคาขึ้นมาสูงเกินไป แต่ MCOT ราคาตกมากเกินไป สำหรับผมคิดว่าอย่างไรก็ตาม กรรมการชุดใหม่และผอ.คนใหม่น่าจะฟื้นโครงการต่างๆ ได้ ผมคิดว่าหุ้น MCOT คงไม่ตกรุนแรง

-ระหว่างทีวีกับวิทยุ มอง MCOT การเติบโตจะเป็นอย่างไร
คุณภูวดล ที่คุณปองรัตน์บอกว่ารายได้ของปีหน้า ผมมองว่าความเสี่ยงของ MCOT คือ วิทยุมากกว่า เพราะว่ารายการวิทยุหลายรายการขาดทุนทั้ง RS และ GRAMMY เนื่องจากว่าการแข่งขันมีความรุนแรง หากถามผมว่าความเสี่ยงของ MCOT อยู่ที่ใด ผมกลับมองว่าจากนี้ 3 เดือนขึ้นไป คือ ไตรมาส 1 ความเสี่ยงคือ รายการวิทยุ ถ้าหากอยู่ได้หรือไม่ได้ ตัวนี้จะเป็นตัวฉุดมากกว่า เหตุที่ MCOT มีกำไรจากวิทยุ เพราะ ว่าไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานี ฉะนั้นต้องมองศักยภาพการแข่งขันที่แท้จริง

-หากให้วิเคราะห์การแข่งขันระหว่าง MCOT BEC ITV ทิศทางจะเป็นอย่างไร
คุณปองรัตน์ ถ้าดูตรงนี้ดูเหมือนว่า BEC จะได้เปรียบ แต่ว่าราคาหุ้นสะท้อนเรื่องเหล่านี้ไปหมดแล้ว ส่วน ITV คงไม่ได้ต้องพูดถึงเพราะคงต้องไปจัดการกับปัญหาของตนเองก่อน ส่วน MCOT มองว่า ข้อได้เปรียบของ MCOT คือ การขาย โปรดักส์เวลาขายทีวีก็สามารถควบกับวิทยุได้ คือ น้อยช่องที่จะได้เห็นลักษณะนี้ เพราะฉะนั้นจะเป็นข้อได้เปรียบว่าเวลาใครที่อยากจะซื้อชั่วโมงโฆษณาหรือทำอะไร ต้องซื้อตรงนี้และคุ้มกว่า ดังนั้นจึงมองว่าทั้ง 2 ตัว ถึงแม้จะเห็นการเติบโตที่น้อยลงในกรณีที่ได้ผอ.คนใหม่มา แต่มองว่ายังไปต่อได้ คือ กำไรถ้ากรณีไม่มีคุณมิ่งขวัญจะเป็นอัตราปกติ คือโตได้แต่ไม่มีอะไรตื่นเต้นให้กับนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนยังไม่คุ้นกับอัตราการเติบโตแค่ 5% ทุกคนยังคุ้นกับคำว่า 10% ขึ้นไปอยู่ ตรงนี้จึงเป็นช่วงที่นักลงทุนต้องปรับตัว และบริษัทก็คงต้องปรับตัวในช่วงสั้นๆ

-หากนักลงทุนมองหุ้น MCOT อยู่ มีวิธีใดที่จะตัดสินใจอย่างไร
คุณปองรัตน์ บนคำแนะนำทางพื้นฐานปัจจุบัน แนะนำขายหุ้น MCOT เพราะยอมรับว่าข่าวคุณมิ่งขวัญเป็นอะไรที่กระทบต่อราคาหุ้นมาก แต่ว่าถามว่ามีโอกาสกลับมาซื้อหรือไม่ ตรงนี้มี เพราะช่วงนี้ถึงแม้ว่าจะแนะนำขาย แต่คงต้องรอดูว่าผอ.คนใหม่ที่จะเข้ามา อาจจะเป็นคุณมิ่งขวัญหรือใครก็ตาม จะมีความสามารถที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้หรือเปล่า ถ้าทำได้ แน่นอน กลับมาซื้ออีกครั้ง
คุณภูวดล วิธีเลือกหุ้น 2 ตัวนี้ ไม่ยาก คนที่ ชอบความมั่นคงและแน่นอน เลือก BEC เพราะความผันผวนน้อย ความเติบโตในอุตสาหกรรมโฆษณายังโตได้เรื่อยๆ ปีหน้าอาจจะ 5-7% ฉะนั้น BEC รอดแน่ๆ ส่วนคนที่ชอบหุ้นที่หวือหวา มีความเสี่ยง ผมคิดว่า MCOT ราคาจากนี้ ถือว่าไม่เสี่ยงเกินไป เพราะเชื่อว่าโครงการที่สร้างรายได้ไว้คงไม่เอาออก อย่าง งานประชาสัมพันธ์ และ AF หรืองานประชาสัมพันธ์ของภาครัฐถึงแม้จะน้อยลง แต่เป็นรายได้หลัก คิดว่า MCOT ยังน่าสนใจอยู่ คงต้องใช้เทคนิคเข้ามาช่วยเล็กน้อย หากหลุด 30 บาท แนวรับอยู่ 28 แต่คิดว่าแนวรับที่เหมาะสมน่าจะ 30 แนวต้านคงประมาณใกล้ๆ 32.5-33 บาท และค่อยรอลุ้นข่าวดีว่าผอ.คนใหม่เป็นใคร ซึ่งจะพา MCOT ไปได้หรือเปล่า

เคาะกระดานหุ้น
คุณรณกฤต สารินวงศ์ ผอ.ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน)
คุณเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บล.ที.เอส.อี.ซี. จำกัด

-ภาพรวมที่ตลาดหลักทรัพย์ติดลบ ตรงนี้มีความคิดเห็นอย่างไร
คุณรณกฤต ปัจจัยต่างๆ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเชิงลบ โดยข่าวดีที่สหรัฐลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้ดัชนีสามารถขึ้นไปทำ New High ที่ 738 จุด แต่การปรับตัวลง เป็นภาวะซื้อเกิน ซึ่งหมายถึง มีการซื้อเกินมาตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ โดยหุ้นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ที่ขึ้นมาต่อเนื่อง หุ้นเก็งกำไร ก็อยู่ในภาวะซื้อเกิน โดยทำให้นักลงทุนรายย่อย เริ่มลดความเสี่ยงอย่างชัดเจน จึงขายออกมา ฉะนั้นการที่หุ้นปรับตัวมองว่าอาจจะพักฐาน และอาจจะเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้หุ้นตั้งหลักได้
คุณเจริญ อาจจะมองใกล้เคียงกัน ผมมองว่าตลาดช่วงนี้ขึ้นมาใกล้ 740 จุด และแน่นอนเป็นในเชิงจิตวิทยา มองในแง่นี้ผมถือว่าดี ทำให้บรรยากาศของการซื้อหุ้นมีต่อ คิดว่าเป็นการลงมาเพื่อขึ้นต่อ เพียงแต่ว่าอยากให้นักลงทุนมองตลาดด้วยความระมัดระวัง หากจะซื้อหุ้น ณ วันนี้ ต้องดูด้วยว่าซื้อหุ้นด้วยการลงทุนหรือซื้อหุ้นเพื่อการเก็งกำไร

-แนะนำหุ้นเด่นตัวใดบ้าง
คุณรณกฤต ผมแนะนำ SEAFCO ซึ่งราคาปรับตัวสุงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะสังเกตว่าผลประกอบการไตรมาส 3 จะทุบสถิติแล้ว โดยจะโตประมาณ 115% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผมประเมินมูลค่าใหม่โดยให้ PE 10 เท่า ผมมองปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างจะรองรับจากราคาหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวได้สูง ส่วนอีกตัวคือ ไลมอนแลนด์ ถ้ามองระยะกลาง โอกาสที่ราคาหุ้น กำลังจะเคลื่อนตัวและมีเป้าหมายประมาณ 2 บาท ในปลายปี ซึ่งมีความเป็นไปได้



[/color:df8d6b7ec6">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com