May 2, 2024   1:33:07 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ชะตากรรมมิ่งขวัญ ชะตากรรม อสมท
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 26/10/2006 @ 10:44:06
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วันที่ 26 ต.ค.นี้ คงจะรู้ชัดเจนเสียทีว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะหลุดออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นการถาวรหรือไม่ เพราะในวันนี้ ผู้ถือหุ้นจะมีการประชุมเพื่อทำการลงมติอย่างเป็นทางการ ถึงจดหมายลาออกของนายมิ่งขวัญที่ยื่นแสดงสปิริตพร้อมกับบรรดาคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อรับผิดชอบในฐานะรับใช้ระบอบทักษิณจนถึงวาระสุดท้าย ก่อนที่อดีตผู้นำจะถูกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการบริหารประเทศมา

ซึ่งในช่วงที่ยังไม่มีความชัดเจนแบบนี้ ได้ก่อให้เกิดกลุ่มก้อนความคิดแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายภายในองค์กร อสมท เองคือ กลุ่มที่สนับสนุนนายมิ่งขวัญและกลุ่มที่คัดค้าน โดยในขณะนี้ทั้งสองกลุ่มต่างใช้กลวิธีและกำลังภายในต่างๆ ในการสนับสนุนหรือสกัดกั้นด้วยสารพัดรูปแบบ แต่อย่างไรก็ดีสองฝ่ายคงจะต้องลุ้นตัวโก่งว่า มติผู้ถือหุ้นซึ่งถือเป็นเสียงสวรรค์จะดลบันดาลให้เหตุการณ์ออกมาในรูปใด

ทั้งนี้ หากจะให้ประเมินฝีมือและคุณูปการที่นายมิ่งขวัญทำให้กับ อสมท ถือว่ามากอักโข เมื่อเทียบกับอดีตผู้อำนวยการ อสมท คนก่อนๆ โดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์ใหม่ (Re-Branding) จากองค์กรที่เป็นแดนสนธยา หากินกับรายได้จากการปล่อยสัมปทาน ทั้งโทรทัศน์และวิทยุ กลายมาเป็นโมเดิร์นไนน์ฉบับมิ่งขวัญที่มีการปรับผังรายการเป็นว่าเล่น และเติมความสดใหม่ให้กับสถานีเสมอ รวมถึงปรับรูปแบบการบริหาร โดยดึงทรัพยากรที่มีอยู่มาบริหารจัดการ จนรายได้เพิ่มมหาศาล สังเกตได้จากการประกาศผลกำไรของบริษัทที่มีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉพาะแค่ 6 เดือนแรกของปี 49 อสมท มีกำไรแล้วถึง 710 ล้านบาท เทียบกับปี 48 ซึ่งมีกำไรเพียง 545 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นมาก

นี่ถือเป็นผลงานที่ประจักษ์แจ้งและเด่นชัดที่สุด ที่สามารถอธิบายความเชื่อมโยงระหว่างนายมิ่งขวัญกับองค์กร อสมท เป็นอย่างดี ทั้งนี้ยังไม่รวมกับวิสัยทัศน์ของนายมิ่งขวัญ สำหรับการเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ที่วาดฝันดัน อสมท เป็นอภิมหาอัครสื่อสารมวลชนที่ยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์นี้ โดยเฉพาะการผลักดันธุรกิจที่เรียกว่า Digital Marketing ที่นายมิ่งขวัญหมายมั่นปั้นมือให้ อสมท กลายเป็นศูนย์กลางในการกระจายสื่อทางด้านดิจิตอลแบบครบวงจร โดยเฉพาะดนตรี ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจดาวน์โหลดเพลง หรือการจัดทำสื่อรูปแบบต่างๆ สำหรับเครื่องมือดิจิตอล อย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ เห็นได้จากการที่ อสมท จับมือกับ 4 ค่ายยักษ์ใหญ่ เพลงสากลของโลก อย่างโซนี่บีเอ็มจี อีเอ็มไอ ยูนิเวอร์แซล มิวสิค และวอร์เนอร์มิวสิค และการเปิดตัวสถานีเพลงสากล 24 ชั่วโมง Met 107 FM ด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อดูภาพรวมแล้วว่า การผลักดัน อสมท ขึ้นมาในระดับสูงเหมือนในเวลานี้ล้วนเกิดมาจากฝีมือนายมิ่งขวัญแทบทั้งสิ้น ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพของนายมิ่งขวัญได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ อสมท ที่ยากจะแยกจากกันได้ ซึ่งตรงจุดนี้เชื่อว่าคงจะสร้างความลำบากใจให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 65.80% ที่จะต้องเป็นผู้ชี้ขาดการลาออกจากตำแหน่งของนายมิ่งขวัญในครั้งนี้ เพราะก็ทราบกันดีว่าชะตากรรมของนายมิ่งขวัญกับชะตากรรมของ อสมท อยู่บนด้ายเส้นเดียวกัน จะตัดส่วนไหนออกไป อีกส่วนก็จะต้องได้รับความเสียหายด้วย

พิสูจน์ได้จากช่วงเวลา 1 เดือนกับการลาออกแบบไม่เป็นทางการก็แสดงให้เห็นแล้ว ผู้ถือหุ้น อสมท เจ็บปวดขนาดไหน เพราะแค่ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้น อสมท เพียงอย่างเดียวก็หายไป 7,000 ล้านบาทแล้ว ยังไม่รวมกับผลกระทบด้านอื่นๆ ทั้งจากแผนธุรกิจและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและบุคคลภายนอก รวมไปถึงกระแสคลื่นใต้น้ำภายในองค์กรอีกด้วย

ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังจะใช้กรอบทางด้านไหนตัดสินใจ หากวัดกันในเชิงธุรกิจแล้ว ชื่อของนายมิ่งขวัญคงจะต้องมีอยู่ต่อไป แต่หากวัดกันในเชิงการเมืองแล้ว ชื่อนายมิ่งขวัญคงต้องกระเด็นในฐานะที่ถูกตราหน้าว่าเด็กรับใช้ของระบอบทักษิณ.


ไทยโพส

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com