ระบุปัจจัยเกื้อหนุนดอกเบี้ย-น้ำมัน-เงินเฟ้อลดดันกำไรบริษัทจดทะเบียนสิ้นปีเพิ่มเป็น 0.9% ปีหน้าโต 4.4%

สมาคมนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรบจ.โตเพิ่มเป็น 0.9% จากเดิมมองติดลบ 0.7% ส่วนปีหน้าโตอีก 4.4% พร้อมเพิ่มเป้าหมายดัชนีสิ้นปีเป็น 744 จุด จากเดิมคาดการณ์ 740 จุด ขณะที่ปี 2550 ดัชนีมีสิทธิแตะ 800 จุด เหตุเห็นทิศทางเศรษฐกิจสดใสจากดอกเบี้ย-น้ำมัน-เงินเฟ้อลดลง ระบุกฎอัยการศึกและกฎหมายการถือหุ้นต่างชาติยังเป็นปัจจัยลบ บั่นทอนความเชื่อมั่นต่างชาติ


นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยถึงผลสรุปจากการสำรวจข้อคิดเห็นนักวิเคราะห์เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา จากบริษัทหลักทรัพย์ 19 แห่ง พบว่า ส่วนมากประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 0.9% จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ -0.7% และในปีหน้าประเมินว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะมีการขยายตัวจากปีนี้ประมาณ 4.4% เนื่องจากเชื่อว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ภาวะเงินเฟ้อและความชัดเจนทางการเมือง จะคลี่คลายในทางที่ดี

นอกจากนี้ สมาคมนักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มประมาณการเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2549 ที่ 744 จุด จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 740 จุด ในวันที่ 4 กันยายน 2549 และคาดการณ์ต่อว่าในปีหน้า ดัชนีเฉลี่ยสิ้นปี น่าจะอยู่ที่ 799 จุด เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกด้านความมีเสถียรภาพทางการเมือง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวและอาจปรับตัวลดลง กระแสเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ และราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบต่อตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คือ ประเด็นทางการเมืองและนโยบายบางด้านของรัฐบาลที่ไม่ชัดเจน ซึ่งมีนักวิเคราะห์ในสัดส่วน 80% เห็นว่าเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วง โดยระบุชัดเจนถึงการใช้กฎอัยการศึกในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ และความไม่ชัดเจนของนโยบายรัฐบาลเรื่องกฎหมายการถือหุ้นของต่างชาติ รวมทั้งมาตรการด้านเศรษฐกิจและการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้ยังมีนักวิเคราะห์บางส่วนมองปัจจัยเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม

นายสมบัติ กล่าวต่อว่า สมาคมได้มีการสอบถามเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งนักวิเคราะห์ในสัดส่วน 60% เชื่อมั่นในระดับปานกลาง 35% เชื่อมั่นมาก และอีก 5% เชื่อมั่นน้อย และสำหรับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั่น นักวิเคราะห์มีมุมมองในแง่บวก โดย 70% เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น และอีก 30% คิดว่าจะทรงตัว

ความเห็นต่อนักลงทุนต่างประเทศนั้น 90% ของนักวิเคราะห์ที่ทำแบบสำรวจเชื่อว่านักลงทุนต่างประเทศจะยังซื้อสุทธิต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ 5% ที่เหลือไม่เห็นด้วย เนื่องจากยังเห็นว่าการเมืองไทยมีความเสี่ยงอยู่

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

.000002