May 2, 2024   12:08:01 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > พงษ์ชัย-FORTH ชีวิตรัญทดยิ่งกว่า ดาวพระศุกร์
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 24/10/2006 @ 16:30:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน



พงษ์ชัย อมตานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัทฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ FORTH ชีวิตวัยเด็กเรียกได้เต็มปากเต็มคำ ลำเค็ญและขมขื่น แต่ปัจจุบันกลับพลิกผันขึ้นเป็นเจ้าของกิจการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งติดตั้งสัญญาณไฟจราจร มิเตอร์ไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าภูมิภาค

พงษ์ชัยเล่าอดีตอย่างเจ็บช้ำว่า พ่อกับแม่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ อพยพมาไทยเสื่อผืนหมอนใบ เหมือนคนจีนทั่วไปที่ต้องดิ้นร้นตั้งรกราก พ่อมีอาชีพรับจ้าง จากนั้นมาขายของ ขณะที่แม่เป็นแม่บ้านรับปักเสื้อผ้าช่วยหาเงินบ้างเล็กน้อยๆ รายได้จึงไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้อง 13 ชีวิตมากนัก

พ่อมีภรรยา 2 คน มีลูก 10 คน ชีวิตวัยเด็กลำบากมาก เริ่มทำงานตั้งแต่ยังเด็ก รับจ้างตามสวน เก็บผลไม้ไปขาย ใครจ้างทำอะไรไปหมด เพราะอยากได้เงินมาช่วยครอบครัว

พอเริ่มเรียนหนังสือยิ่งต้องดิ้นรนอย่างหนักขึ้น เพราะแค่จะกินแต่ละวันยังยาก ช่วงนี้จึงต้องทำงานอย่างหนัก รับจ้างทุกอย่างที่ขวางหน้า เพื่อหาเงินเรียนเอง ไม่อยากรบกวนทางบ้าน ประกอบกับช่วงนี้แม่ย้ายออกจากบ้าน ทำให้ต้องอยู่กับแม่เลี้ยง ซึ่งก็เหมือนกับสังคมทั่วๆไปที่ต้องรัก และดูแลลูกตัวเองมากกว่าลูกเลี้ยง

โดนใช้งานหนัก โดนดุ โดนตีมีบ้างมันเป็นปกติระหว่างลูกเลี้ยงกับแม่เลี้ยง ให้กินข้าวเปล่าๆก็เคย แต่เราก็ยังต้องอยู่กับเขาไปไหนไม่ได้ แต่ตรงจุดนี้ทำให้เราฮึดสู้มากขึ้นเหมือนเป็นการอยากเอาชนะ อยากเรียนให้เก่ง โตขึ้นจะได้หาเงินได้มากๆ

แม่เป็นที่พึ่งได้แต่ไม่ใช่เรื่องเงินทอง เป็นเรื่องทางใจมากกว่า เพราะแม่ตอนอยู่ที่จีนค่อนข้างมีฐานะ จึงทำอะไรไม่ค่อยเป็นนัก อาชีพรับจ้างปักเสื้อผ้าจึงสร้างรายได้แค่พอกินเท่านั้น แต่แม่ถือเป็นแรงกระตุ้นตลอดเวลาให้รักการเรียน ผลักดันให้ไม่ท้อถอย เพราะอนาคตของเราขึ้นอยู่กับการศึกษา เชื่อว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นไม่ลำบาก และวิชาความรู้ถือว่าจะติดตัวเราไปจนตาย

คำพูดของแม่สร้างแรงจูงใจให้ รักการศึกษามากขึ้น จึงเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียนดีมาตลอด จนได้เข้าเรียนวิศวลาดกระบัง ช่วงนี้มีบ้างที่ต้องพึ่งบรรดาพี่ชาย ที่ออกจากโรงเรียนเพื่อหางานทำกันเป็นส่วนใหญ่

พี่ชายส่วนใหญ่ต้องออกจากโรงเรียน เพราะไม่มีเงินเรียน แต่ผมแม่ขอไว้ให้เรียนให้จบ ช่วงนี้จึงถือว่าต้องทำงานหนัก ทุกอย่างที่ขวางหน้าถ้าทำแล้วได้เงินเอาหมด ทั้งขายเรียงเบอร์ ขายหนังสือพิมพ์ และพี่ชายก็ให้ความช่วยเหลือด้วยอีกแรง ทำให้เรียนจบมาได้ และได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

แต่หลังเรียนจบก็ยังมีอุปสรรค เพราะทางสถาบันไม่ยอมออกหนังสือรับรองให้ เพราะยังค้างค่าเทอมอยู่จำนวนหนึ่ง จนแม่ต้องออกโรงพาไปขอยืมเงินญาติๆจำนวน 2 หมื่นบาทนำมาจ่ายค่าเทอม

พอจบมาก็เริ่มทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะเล็งเห็นอนาคตของธุรกิจเหล่านี้ จนมีทุนก่อนหนึ่งจึงเริ่มตั้งบริษัทฟอร์ท จากนั้นก็แตกแขนงออกไปเรื่อยๆ เริ่มจากผลิตไฟจราจรให้กับกรุงเทพมหานคร จากนั้นผลิตตู้ชุมสายโทรศัพท์ให้กับองค์กร ทั้งตู้สาขา จนมาถึงมิเตอร์ไฟฟ้าของการไฟฟ้าทั้งนครหลวง และภูมิภาค

แต่กว่าจะได้งานเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องงาย เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ผลิตในไทยทำให้ถูกมองว่าคุณภาพด้อยกว่าของนอก ช่วงแรกอุปกรณ์ของบริษัทจึงถูกเลือกเพื่อไปใช้ในต่างจังหวัดเสียเป็นส่วนใหญ่ตู้ชุมสายโทรศัพท์ไปเจาะตลาดต่างจังหวัดอยู่ 2 ปี จากนั้นเริ่มขยับมาติดตั้งให้บ้านเอื้ออาทรแต่ถ้าเป็นโครงการใหญ่ๆ จะไม่สนใจอุปกรณ์ของเราเพราะมองว่าคุณภาพสู้ของนอกไม่ได้
ผมถูกมองเป็นบุคคลชั้น 2 มาตลอด รวมทั้งสินค้าที่ผลิตด้วย จึงต้องฝ่าฟันอย่างหนักมาเกือบ 22 ปีกว่าสินค้าจะเป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับ พวกโครงการหมู่บ้านใหญ่ๆเริ่มหันมาใช้สินค้าเรามากขึ้น เพราะราคาถูกและคุณภาพไม่ได้ด้อยกว่าของนอก แถมในหมู่บ้านเหล่านั้นตู้ชุมสายโทรศัพท์ติดแล้วไม่คุ้ม เพราะคนรวยนิยมใช้มือถือจึงได้ค่าค่าบริการรายเดือนเท่านั้น

บริษัทฟอร์ทถูกก่อตั้งเมื่อปี 2527 ถึงแม้จะมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่ช่วงแรกก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหวือหวาอะไร ภรรยาซึ่งทำงานอยู่การบินไทยยังต้องโหนรถเมล์ไปทำงานจนกระทั่งมีลูกคนที่สอง แต่พอกิจการเริ่มดีขึ้น เป็นที่ยอมรับ ส่งผลให้ชีวิตเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับทุกวันนี้จึงถือว่าเราประสบความสำเร็จ จะเรียกว่าเกินกว่าที่เคยคาดหวังไว้ก็ได้

มีสิ่งหนึ่งที่น่าเสียดายคือแม่และพ่อไม่ได้อยู่ดู และได้เห็นความสำเร็จของเรา เพราะท่านเสียไปนานแล้ว แต่เรายังมีคนที่ต้องตอบแทนบุญคุณคือพี่ชายที่ทำงานส่งให้เราเรียน ดังนั้นตอนนี้จึงรับอุปการะลูกๆของพี่ชายทั้งหมด ดูแลและส่งเสียให้เรียนเหมือนลูกของตัวเองทุกอย่าง ขณะที่ญาติที่เคยให้ยืมเงินทุกวันนี้ยังส่งเสียเงินให้ทุกเดือน เพราะถือว่ามีพระคุณกับเราไม่มีพวกเขาเราอาจไม่มีวันนี้

ผมส่งลูกตัวเอง 3 คน และลูกพี่ชายอีก 3 คนไปเรียนที่อังกฤษ ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายสูงมากปีละเกือบ 10 ล้านบาท แต่เราอยากให้เขาสบาย เพราะพอมานั่งนึกถึงความลำบากของเราแล้ว ไม่อยากให้เขาเป็นอย่างเรา และอนาคตเชื่อว่าจะมีคนสานต่อกิจการที่ลงแรงไปมาก เพราะลูกๆให้ความสนใจเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์คล้ายๆเรา โดยที่ไม่ต้องไปบังคับอย่างนี้ต้องบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ถึงแม้ลูกๆจะไปเรียนเมืองนอก แต่ไม่ได้ทำให้ห่างกันมาก เพราะเขาจะพากันกลับมาหาพ่อแม่ทุก 2 เดือน เดินทางกันเองโดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งหรือเป็นธุระให้ กลับมาทีกิจการที่มักทำร่วมกันก็เน้นที่กีฬาเสียเป็นส่วนใหญ่ ตีกอล์ฟ ขับรถ ขับเรือ ถือว่าดีที่ทั้งครอบครัวชอบเหมือนๆกันรวมไปถึงภรรยาด้วย








[/color:441cc4d3ad">

 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#1 วันที่: 25/10/2006 @ 11:05:43 : re: พงษ์ชัย-FORTH ชีวิตรัญทดยิ่งกว่า ดาวพระศุกร์
.0007 ขอบคุณค่ะ มีต่อไม๊คะ .0007

[/color:06b45a4f41">[/size:06b45a4f41">
 กลับขึ้นบน
อลันจัง
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 73
#2 วันที่: 25/10/2006 @ 11:38:52 : re: พงษ์ชัย-FORTH ชีวิตรัญทดยิ่งกว่า ดาวพระศุกร์
.000005 ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ยัง ล้มอยู่ ต่อไป เพราะความลำบากเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
เพราะฉะนั้น เมื่อใด ที่เราพบความลำบาก เราต้องสู้ต่อไป เรามาถูกทางแล้วหนทางข้างหน้า ต้องมีความสำเร็จรอเราอยู่ .000005
 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#3 วันที่: 25/10/2006 @ 23:40:59 : re: พงษ์ชัย-FORTH ชีวิตรัญทดยิ่งกว่า ดาวพระศุกร์
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ... .0005 .0005 .0005

เท่าที่เคยสังเกตุเห็นตัวอย่างมา ผู้ที่ฉลาดทางสมอง หรือสติปัญญา ใครๆ ก็มักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันมากมายนัก
แต่สำหรับผู้ที่มีความฉลาดโดยแท้จริงแล้ว ก็มักจะมาควบคู่กับความกตัญญู รู้คุณ ( เช่นคุณ พงษ์ชัย )
ความฉลาดเช่นนี้ นับเป็นสิ่งดี และประเสริฐ ที่แม้ผู้เป็นลูกหลาน หรือแม้แต่บุคคลอื่นๆ ควรยึดเอาเป็นเยี่ยงอย่างเป็นที่สุดค่ะ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com