Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 24/10/2006 @ 10:55:27 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต บล.บัวหลวงแนะนำถือ LHราคาเป้าหมาย 8.00 บาทอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงสุด ราคาน้ำมันที่คงที่ และสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายจะช่วยผลักดันความมั่นใจของผู้บริโภคให้ปรับตัวสูงขึ้นต่อไป บริษัทคาดว่าความเชื่อมั่นที่เข้มแข็งขึ้น จะสะท้อนให้เห็นผลด้านยอดขายที่ดีขึ้นภายใน 1-2 ไตรมาสข้างหน้าอุปทานลดลงแสดงถึงโอกาสที่ยอดขายจะเพิ่มขึ้น: อุปทานบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ (หลัง)ในช่วง 9 เดือนแรกปรับตัวลดลง 8% จากปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้น บ้านเดี่ยวราคาสูงกว่า 3ล้านบาท (ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของ LH) ปรับตัวลดลง 27% และบ้านเดี่ยวราคา 5 ล้านบาทหรือสูงกว่า ก็ปรับตัวลดลง 40% LH เชื่อว่าแนวโน้มในปัจจุบันเป็นตัวชี้วัดที่ดีสำหรับผลตอบแทนของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจดทะเบียนในตลาดฯมีสัดส่วนประมาณ 50%ของโครงการบ้านใหม่ที่ออกสู่ตลาดในปี 2549 (เทียบกับ 30% ในปี2547) การขยายตัวที่จำกัดของผู้ประกอบการรายย่อยและบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดฯ (ซึ่งติดปัญหาเกี่ยวกับการขายโครงการในปัจจุบันหรือไม่สามารถหาเงินทุนสำหรับขยายโครงการได้) ยังคงมีผลจำกัดอุปทานใหม่ๆที่จะเข้าสู่ตลาดอย่างน้อยอีก 6-12 เดือนข้างหน้า โดยการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 12-18 เดือนสำหรับการเตรียมโครงการผู้บริหารกล่าวว่าจะค่อยๆปรับราคาเพิ่มขึ้นหลังจากที่ยอดขายดีขึ้นอย่างมั่นคงเป็นเวลา 2-3เดือน ซึ่งหากมีการฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ เราคาดว่าส่วนต่างกำไรของ LH จะปรับตัวสูงขึ้นภายในประมาณกลางปี 2550แนวโน้มส่วนต่างกำไร: ผู้บริหารยืนยันความคิดเห็นของเราที่ว่าส่วนต่างกำไรจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ 35-36% (ซึ่งเท่ากับส่วนต่างกำไรเฉลี่ยในอดีต) หากตลาดมีการฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้
บล.เคจีไอแนะนำขายKKราคาเป้าหมาย 29.50 บาทKK รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/49 ที่ 425ล้านบาท ลดลง 30% YoY และ 29%QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 10% และต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ 17% แต่สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิออกมาน้อยกว่าที่เราคาดไว้ก็เนื่องมาจาก การบันทึกขาดทุนจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์และการด้อยค่าของเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้อง ซึ่งถ้าตัดรายการเหล่านั้นออก จะทำให้กำไรจากรายการหลักของ KK มากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 18% ซึ่งเนื่องมาจาก 1) ต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ และ 2) อัตราดอกเบี้ยที่ได้จากธุรกิจการบริหารเงินลงทุนในสิทธิเรียกร้องดีกว่าที่เราคาดไว้ค่อนข้างมาก ในไตรมาสนี้สินเชื่อเช่าซื้อของ KKเติบโตจากไตรมาสก่อน 4% และโตจากปีก่อน 23% ซึ่งคิดเป็นสินเชื่อเช่าซื้อส่วนเพิ่มที่ 1พันล้านบาท และนอกจากนี้ การเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อจากปีก่อนหน้ายังแสดงให้เห็นแนวโน้มการปรับตัวลดลงของการเติบโตของสินเชื่ออย่างชัดเจนเนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา KKมักจะรายงานการเติบโตของสินเชื่อเช่าซื้อจากปีก่อนหน้าประมาณ 30% และสำหรับสินเชื่อเพื่อผุ้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีการเติบโตเลยในช่วงที่ผ่านมา
บล.เกียรตินาคินแนะนำซื้อ BLSราคาเป้าหมาย17.85 บาทเราคาดผลประกอบการไตรมาส 3/49 ของ BLS มีกำไรสุทธิ 36 ล้านบาท ลดลง 6.6%QoQ เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าที่ปรับตัวลดลงจากส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงจาก 3.58% ลงเหลือ 3.53% และมูลค่าการซื้อขายที่ลดลงจาก 1.6 หมื่นล้านบาท/วัน ลงเหลือ 1.3หมื่นล้านบาท/วัน แต่เราคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจะเพิ่มขึ้น 15%QoQ เนื่องจากงาน IPOที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงกว่าไตรมาสก่อน และคาดว่าในไตรมาส 3/49 BLS จะมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์จากที่ไตรมาสก่อนมีผลขาดทุน ในด้านค่าใช้จ่ายเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.7%QoQในไตรมาส 4/49 BLS สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้ที่ 3.53%เท่ากับไตรมาสก่อน ถึงแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะปรับตัวลงเล็กน้อยจาก 1.3 หมื่นล้านบาท/วัน ลงเหลือ 1.28 หมื่นล้านบาท/วัน แต่จากความชัดเจนทางการเมือง และความเป็นไปได้ที่จะคงค่าคอมมิสชั่นขั้นต่ำไว้ที่ 0.25% นั้นทำให้มูลค่าการซื้อขายเริ่มฟื้นตัวขึ้น และในช่วงที่เหลือของไตรมาสมูลค่าการซื้อขายน่าจะเพิ่มขึ้นทำให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในไตรมาส 4/49 สูงขึ้นกว่าไตรมาส 3/49 ได้ตารางแสดงส่วนแบ่งตลาดค่านายหน้า ฯ ของ BLS และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันก.ล.ต. ได้รับผลการศึกษาเรื่องการเปิดเสรีค่าคอมมิสชั่นจากนิด้าแล้ว และจะประกาศแนวทางเรื่องค่าคอมมิสชั่นในเดือน พ.ย. 2549 ซึ่งเราคาดว่าผลการตัดสินใจของ ก.ล.ต. น่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับ สมาคมบล. และ ตลท. ในการที่ให้คงค่าคอมมิสชั่นขั้นต่ำ 0.25% ออกไปอีก 3 ปี เพื่อให้ บล. ได้มีเวลาปรับตัว และเสริมสร้างความแข็งแกร่ง ซึ่งจะทำให้คลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบกับรายได้ของ บล.หากมีการเปิดเสรีค่าคอมมิสชั่นไปได้
[/color:d6d222c12d">
|
