คุณกรุณา จาก อ. เมือง นครปฐม ถามมาว่า ทำไมกองทุนต่างชาติ สนใจเข้าเล่นตลาดอนุพันธ์กันมาก แต่กองทุนรวมเมืองไทยเรา ไม่สนใจเลย เป็นเพราะ ตลาดนี้มีความเสี่ยงมากกว่าปกติ หรือ ว่า เพราะนักลงทุนไม่สนใจที่จะซื้อกองทุน หรือ ว่า ผู้จัดการกองทุนเมืองไทยไม่เก่งตลาดอนุพันธ์

ถามรวมๆอย่างนี้ตอบยากนะครับ เพราะคำตอบนั้น มีความเป็นไผปได้ และเป็นไปไม่ได้เหมือนๆกันครับ

โดยปกติแล้ว กองทุนรวมที่เขามาเล่นตลาดความเสี่ยงอย่างตลาดอนุพันธ์นั้น เขาจะต้องประกาศตัวเองให้ชัดมาตั้งแต่แรกแล้วนะครับว่า เป็นเฮดจ ฟันด์ ที่ต้องการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ที่ไหนบ้าง จากนั้นถึงจะทำได้ ไม่ใช่จู่ก็จะทำกัน หรือเปลี่ยนนโยบายกะทันหัน อย่างนี้ผิดครับ

การที่คุณเห็นเฮดจ ฟันด์ ในต่างประเทศเล่นตลาดอนุพันธ์กันเยอะ เพราะว่า มีเหตุผลหลายประการคือ 1) ตลาดกองทุนรวมมีขนาดใหญ่มาก และมีความยืดหยุ่นในการลงทุนให้มีทางเลือกหลากหลาย 2) ตลาดอนุพันธ์ต่างประเทศมีสินค้าให้เลือกมากครับ โดยเฉพาะในอเมริกาหรือ อังกฤษ 3) นักลงทุนทั่วไปที่ซื้อกองทุนรวมเข้าเข้าใจดีว่าตลาดอนุพันธ์มีความเสี่ยงต่ำกว่าตลาดหุ้น

เรื่องหลังสุดนี่แหละครับทำให้ตลาดอนุพันธ์ค่อนข้างฟุเฟื่องกว่าปกติอย่างที่คุณว่ามา
สำหรับเมืองไทยเรานั้น ตลาดอนุพันธ์ ยังมีขนาดเล็ก วันหนึ่งซื้อขายเฉลี่ยเกินกว่า 1พันสัญญา และวงเงินเทรดต่อวันอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 400 ล้านบาท เทียบกับตลาดหุ้นหลักที่ระดับเกินกว่าวันละ 1 หมื่นล้านบาท ยังเทียบกันไม่ได้ แต่ก็ถือว่าดีกว่าตลาดหลักทรัพย์ใหม่และ ตลาดโภคภัณฑ์ล่วงหน้า ที่เกิดมาก่อนด้วยซ้ำ

นี่ได้ข่าวมาว่า ปีหน้าจะมีการขยายตลาดเพิ่มเติม ทั้งมีสินค้าใหม่ และผู้เล่นใหม่ๆอย่างโบรกเกอร์ที่เบื่อรายได้เก่าๆในตลาดหุ้นหลักที่ดุท่าไม่ไปถึงไหน เนื่องจากดูเหมือนว่าการเมืองไทยเรา ทำท่าจะยุ่งต่อไปอีกนานหลายเดือนทีเดียว (เขาว่ามานะครับ ไม่ใช่ผมว่า) โดยเฉพาะเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นอาจจะดูไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้ตลาดอนุพันธฑ์ดูน่าสนใจมากขึ้น

ส่วนประเด็นเรื่องผู้จัดการกองทุนเก่งหรือไม่เก่ง ขอไม่ตอบนะครับ
ตอนนี้ ผมมีข้อมูลนำเสนอเรื่องตลาดอนุพันธ์ว่า เป็นตลาดที่ไม่ได้มีความเสี่ยงมากมายอะไรนัก ไม่ใช่อย่างที่คาดเดาหรือเคยรู้สึก แต่ไม่ใช่ความจริงกันมาก่อนโดยเฉพาะสินค้าที่ชือว่า options (ตัวอย่างคือ SET50 options ที่กำลังซื้อขายกันนี่แหละ)

ข้อดี 4 ข้อ ของสินค้าอนุพันธ์คือ

-มีประสิทธิภาพของต้นทุนต่ำกว่า กล่าวคือ ค่าคอมมิสชั่นเหมาจ่าย ยิ่งซื้อขายมากยิ่งถูก

-มีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะเล่นได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง แถมยังถอนตัวเมื่อยังไม่ครบสัญญาได้ จะมีโอกาสขาดทุน

-มีโอกาสทำกำไรสูงกว่า เนื่องจากแรงเหวี่ยงของราคาล่วงหน้าจะสูงกว่าราคาปกติเสมอ โดยเฉพาะในช่วงขาขึ้น

-มีทางเลือกเชิงกลยุทธ์การลงทุนได้ดีกว่า ไม่ต้องจำกหัดตัวเองว่าต้องลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งแต่เล่นกับดัชนีล่วงหน้า