April 29, 2024   10:12:48 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องนั่งเล่น > ประสบการ์ณเยือนสวรรค์
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 23/10/2006 @ 00:42:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

คัดมาจาก www.palungjit.com ครับ...ลองอ่านดูครับ

กราบสวัสดีทุกท่านคะ

ดิฉันเป็นสมาชิกใหม่ก็จริง แต่ความจริงแฝงเข้ามาอ่านตั้งแต่เวบพลังจิตเปิดใหม่ๆ ชอบอ่านของคนอื่นแต่ไม่ได้สมัครสมาชิก



เคยโทรหาคุณสโนว์ที่ อังกฤษด้วย
จำได้ไหมคะ คุณเคยบอกว่า ฝันล่วงหน้าว่ามีคนเสียงอย่างนี้โทรมาหา แล้วดิฉันเป็นคนแนะนำให้คุณเข้าไปอ่านเวบคุณเมืองบัว(อาจารย์เมืองบัว)เอง
แล้วก็เวบพระภิกษุนิรนาม



อ่านของคนอื่นมานาน ก็มีโอกาส อยากจะทำบุญก็ไมได้มีโอกาสเพราะอยู่ต่างแดน

ก็ขอเล่าเรื่องประสบการณ์ที่เชื่อมั่นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้ฟังกันนะคะเพื่อจะให้คนอื่นมั่นใจว่าสวรรค์มีจริงเผื่อจะเป็นอานิสงค์ให้แก่ตนเอง บิดาที่ล่วงลับ มารดา ญาติทั้งที่ยังอยู่และล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร



เมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว ตอนปี45 ดิฉันชอบศึกษาธรรมะทางเนตมาก เพราะอยู่ต่างแดน ตอนกลับไทยก่อนนั้นก็เคยไปฝึกมโนที่บ้านสายลมกับวัดท่าซุง แต่ก็ได้แต่ยังลังเลไม่แน่ใจว่าเราวางอารมณ์ถูกไหม

แต่เมื่อกลับไปอยู่ต่างแดนก็พยายามภาวนาตลอด มรณสติมั่ง เรียนรู้ที่จะรักษาศีลห้า (แต่ก็ได้ไม่ดี)


ก็มีเรื่องให้แปลกใจเรื่อยๆคือ ตอนที่นอนหลับ ดิฉันจะรู้สึกตัวว่าตัวเองพุ่งออกจากร่างเหมือนออกจากกระบอกไม้ไผ่ตามที่หลวงพ่อว่า ไปตามที่มืดๆ เหมือนในอวกาศ เหาะแบบสะเปะสะปะ ในใจก็คิดถึงนิพพานมั่ง แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่ง กลับมาร่างเดิม ที่แปลกคือทุกครั้งที่เหาะกลับมา โดยส่วนมากจะรู้สึกตัวตื่นทันที

มีหนหนึ่งที่เหมือนดิฉันเหาะอยู่แล้วมีใครเกาะขา ดิฉันก็เลยเตะออกไป

น่าแปลกคือช่วงนั้น คนที่บ้านจะสนิทกับลุงคนหนึ่งที่นั่งสมาธิเห็นนั่นเห็นนี่ แถมบอกถูกหมดว่าที่บ้านพ่อแม่เรากำลังทำไร พูดไรอยู่ แล้วก็มีอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้ที่บ้านเคารพท่านมาก และเชื่อว่าท่าน ?ของจริง? ลุงท่านนี้ก็มาบอกพ่อกับแม่ที่บ้านว่า บอกลูกสาวหน่อยว่า อย่าไปเที่ยวที่ไหนมากน่ะ ลุงตามไปเอากลับมาไม่ไหว


ดิฉันเลยถึงบางอ้อว่าที่เราไปไหนไมได้เพราะลุงแกมาตามเฝ้าดูแลนี่เอง แถมเราอาจจะเตะลุงไปแล้วก็ได้


แต่มีเรื่องที่อัศจรรย์ที่สุดในชีวิตที่ดิฉันได้เคยพานพบมา และแม้จะเจออะไรแปลกๆอีก ก็ไม่มีหนใดจะเท่ากับหนนั้นที่ดิฉันได้ประสบมาในชีวิต เป็นความรู้สึกที่อิ่มเอิบที่สุด???..เหนือจะว่าได้?.นั่นก็คือ

ปกติดิฉันจะกลับไทยชาวงเดือนธันวาคมของทุกปี แต่ไม่ทราบว่าทำไมปีนั้น ดิฉันใจร้อนรุ่มมาก อยากกลับบ้านตอนสงกรานต์ ลังเลใจว่าจะกลับไหม และแล้วก็มีคืนหนึ่ง?


ดิฉันนอนหลับไปแล้วรู้สึกว่าตัวเองพุ่งออกจากร่างเหมือนออกจากกระบอกไม้ไผ่อีกละ เป็นความรู้สึกที่เหมือนจริงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา คือรู้ตัวว่าอยู่ไหน ทำไร แต่ครั่งนี้ไม่ได้ไปสิ้นสุดที่ทางมืดแล้วเข้าร่างเหมือนเดิม ดิฉันไปหยุดอยู่ที่ที่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่มีคือ รุป กลิ่น เสียง (ยกเว้นรส)
เป็นความรู้สึกที่เกิดมามิเคยพานพบแล้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้นว่าดิฉันกำลังมาสวรรค์แห่งหนึ่ง?

ที่ทราบเพราะที่นั้นดูด้วยตาก็มองไม่เห็นที่สิ้นสุด มีเหมือนศาลาใหญ่โต ไม่มีผนัง ทำด้วยแก้ว ใสเลื่อมๆเป็นประกายระยิบระยับ อากาศดูเย็นๆๆๆ พิ้นเป็นแก้วใส่ประกายเช่นกัน มองไม่เห็นกำแพงเพราะบรรยากาศรอบๆดูจะเป็นกระกายจนมองไม่เห็นรอบๆ รู้แต่ว่าต้องกว้างใหญ่มากๆ

???????ดิฉันว่า ว่าจะถึงวันตาย ดิฉันคงไม่เจอบรรยากาศที่แสนจะสุขขนาดนั้นอีก?????..
ใจดิฉันตื่นเต้นมาก?รู้ตัวด้วย!ว่าตัวด้วยว่า ไมได้ฝันแน่ๆ แต่ได้จิตเหาะออกมาอยู่ในสวรรค์ด้วยสติสัมปัญชัญญะเต็มร้อย

ไม่ทันจะตื่นเต้นมาก ก็ปรากฏเห็นพระภิกษุ ใส่จีวรสีเหลือง เสียดายจำลักษณะท่านไม่ได้
ดิฉันก็ไปคุกเข่าที่หน้าท่าน แล้วกราบลงไป การขยับเคลื่อนไหวนั้น ประดุจการที่เราสั่งให้สมองคิดทำงาน ไม่ใช่เหมือนเช่นเราเป็นผู้ดูแล้วเห็นภาพเราเอง แต่เป็นเหมือนเรากำลังอยูในตัวเราที่ขยับเคลื่อนไหว


แปลก ดิฉันจำตนเองไมได้ว่าตอนนั้นตัวเองเป็นเช่นไร เพราะเรารู้สึกว่าไปด้วยตัวเองจริงๆ ไม่ได้เห็นเหมือนดูหนังที่เราเห็นเป็นตัวเรา ดังนั้นจึงไม่ได้ก้มมองตัวเอง จำได้แต่ว่าตัวเองตัวโปร่ง ไม่มีความหนัก รู้สึกตัวเองสะอาด เย็นๆ

เมื่อก้มลงกราบไปแล้ว พระภิกษุที่ท่านนั่งสมาธิ อย่แท่นแก้วใสประกาศก็เอื้อนพระโอษณ์ตรัสออกมาคำเดียวว่า ?ขอให้มีความกตัญญู?

เมื่อฟังแล้ว ดิฉันไม่ได้ตอบอะไรท่านไป จำได้แต่ว่า ตอนนั้น ตื่นเต้นมาก คิดในใจว่านอกจากจะได้มาสวรรค์จริงแล้ว ยังได้ยินเสียงจริงๆด้วย เพราะถึงฝึกมโน ดิฉันก็มีแต่ลังเลสงสัยว่า ไมได้ยินเสียงจริงๆ จะมั่นใจได้อย่างไร

สุ้มเสียงของพระท่านดังกังวาน ฟังมีพลัง และหากจำไม่ผิด ท่านจะไม่อ้าพระโอษณ์มาก แต่เยื้อนพระโอษณ์ออกมาอย่างนุ่มนวล


แว่บต่อมาที่ดิฉันคิดในใจคือ ความอึ้งกิมกี่ บวกแอบโกรธท่านนิดๆ ว่าทำไมต้องสอนให้ดิฉันมีความกตัญญูด้วย ในเมื่อดิฉัคิดว่าตัวเองก็ไมได้อกตัญญู (ลูกของประทานอภัยที่ปรามาสท่านด้วยค่ะ)


เมื่อคิดเสร็จก็พลันพบว่าตัวเองมาปรากฎอยู่ที่ที่หนึ่ง และแว่บหนึ่งเห็นเหมือนตัวเองเป็นตัวแก้วใสประกาย กลมกลืนไปกับสถานที่

ตรงหน้าดิฉันคือสระบัวเล็กๆที่สวยงามอย่างยิ่ง มีดอกบัวตูมแก้วสองสามดอกในสระ ใบบัวแก้ว สระนำที่เห็นเป็นแก้วประกาย ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเป็นแก้วประกาย รวมทั้งพื้นแก้วที่ส่งประกายระยิบระยับ

เป็นสุดยอดของสุดยอด ทั้งความสวยงาม ความเย็นของสถานที่ ความโอ่งถางของสถานที่
เป็นหนึ่งในสุดยอดของชีวิต?.

วินาทีนั้น ดิฉันเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มสุดจะบรรยาย เหนื่อคำบรรยายจริงๆ วินาทีนั้น ดิฉันแน่ใจว่าตัวเองได้เดินอยู่ในสวรรค์ที่ใดที่หนึ่งจริงๆ
อยู่ในสถานที่ที่ดิฉันฝันถึงมตลอดว่าจะได้มา เคยอ่านเจอมั่ง แต่ ณ ตอนนั้น ดิฉันกำลังเหยียบอยู่ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยแทบจะทุกสัมผัส?


หู.. สามารถได้ยิ่นสุ้มพระเสียงของพระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้าองค์ใดดีองค์หนึ่ง หรือองค์ใดที่ปฎิบัติดีแน่ๆ

จมูก.. เมื่อหายใจเหมือนได้กลิ่นเย็นๆประทะที่จมูก ความเย็น สงบ?สงบ..สบาย
ตา..ได้เห็นภาพ?อันสวยเกินจะบรรยาย?
กาย..สามารถควบคุม เดินไปมาได้
ใจ..สามารถคิดได้ตลอด ปรุโปรง รู้ตัวว่าอยู่ที่ใด จะทำการใดต่อไป

และแล้วดิฉันก้รู้สึกตัวกลับเข้าร่าง

เมื่อพิจารณาประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดก็พบว่าตัวเองได้ไปสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งมาจริงแน่ๆ เพราะอาการที่พุ่งออกไปเหมือนออกจากกระบอกไม้ไผ่คืออาการของจิตที่พุ่งออกไปจริงๆ วึ่งจะเล่าเรื่องหลักฐานการออกไปจริงๆให้ฟังตอนหลัง



ต่อค่ะ เมื่อกลับมา ดิฉันก็แปลกใจว่าทำไมท่านเตือนให้เรากตัญญู เราก้ไม่น่าจะอกตัญญูมากจนท่านต้องมาเตือน แต่ดิฉันก็ทราบหลังจากนั้นไม่กี่เดือนค่ะว่าทำไม?




สามสี่เดือนต่อมา พ่อดิฉันก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตค่ะ?
ก็เลยถึงบางอ้อค่ะว่าทำไมเราร้อนรุ่มอยากกลับบ้านเพราะตอนนั้นมีวันหยุด easter สามารถกลับไทยได้ ท่านคงมาเตือนให้เรานึกถึงท่านมากๆ กลับไปบ้านไปหาท่าน ร่ำลาท่านซะ?


จนบีดนี้ ดิฉันยังไม่ทราบเลยค่ะ ว่าท่านเป็นใคร..มีใครทราบไหมคะ..

หลังพ่อดิฉันเสีย ดิฉันทุกข์ทรามานมากๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเสียใจแทบจะเป็นบ้าได้ขนาดนั้น ความทุกข์ในชีวิตที่ผ่านมา อกหัก ลำบากยังไง เทียบไมได้แม้เสี้ยวที่พ่อที่รักยิ่งได้จากไป


ดิฉันก็ยิ่งเพียรปฎิบัติกว่าเดิม พยายามภาวนาดับทุกข์ เพื่อจะได้พบท่านที่อีกภพอื่น อีกครั้ง?
และแล้ว ดิฉันก็ทำสำเร็จในอีกปีต่อมา ?



ตอนนี้กล่าวสรุปว่า ดิฉันเชื่อกว่าเดืมว่าสวรรค์มีจริง ได้รู้แล้วว่ามันสงบ มีสุขเพียงใด?..
สุข สวย สงบ ไม่ทราบจะมาบรรยายอย่างไรให้ฟัง
ไม่ทราบว่าทุกท่านจะเชื่อไหม
ฉันได้แต่ย้อนนึกถึงที่เราเคยฟังพระท่านเล่าว่าไปสวรรค์มา มันเป็นอย่างนี้เอง
เล่าให้ผู้อื่นฟังก็ไม่เท่าได้เห็นเอง เหมือนทานอาหารรสปราณีตเพียงใด ก็ไม่สามารถบรรยาย บอกกล่าวให้คนอื่นทราบว่ามันมีรสชาติอร่อยและประณีตเพียงใด
แต่ที่แน่ ดิฉันขอบำเพ็ญธรรม หนีนรก ขอไปนิพพาน หรืออย่างน้อยที่สุดขอไปอยู่สวรรค์ที่พบเห็นมาด้วยเถิด
สาธุ?

.000002 [/color:151e7c9a10">

 กลับขึ้นบน
กวนอู
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 46
#1 วันที่: 23/10/2006 @ 11:00:43 : re: ประสบการ์ณเยือนสวรรค์
พระท่านสอนว่า......

...เป็น ปัจจัตตัง

แปลว่า....รู้ได้ด้วยตัวเราเอง...(เท่านั้น)

.0002 .0002 .0002
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com