May 3, 2024   5:37:52 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ชุมมังกร..ซ่อนพยัคฆ์ ซุ่มเงียบ "สะสมเขี้ยวเล็บ" รอ
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 21/10/2006 @ 12:54:22
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เส้นทางสู่ตลาดหลักทรัพย์ของ บล.บีฟิท (BSEC) กำลังถูกจับตามอง ในฐานะขุมทองขุมใหม่ ของ กลุ่มศักดินาเก่า ที่ซุ่มเงียบ สะสมเขี้ยวเล็บ ทั้งมาร์เก็ตติ้งระดับแม่เหล็ก วาณิชธนกิจมือดี และเซียนหุ้นพันล้าน จนกลายเป็นแหล่ง..ชุมมังกร ซ่อนพยัคฆ์



โหมโรง..ส่งสัญญาณกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นยก ว่า บล.บีฟิท (BSEC) จะต้องเป็นหุ้นที่ ร้อนแรง (ลุกเป็นไฟ) นับจากวันที่ก้าวเท้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

จากรายชื่อโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ บล.บีฟิท แทบจะการรันตีได้ว่า กลุ่มศักดินาเก่า สาย คอม-ลิงค์ ได้วางกำลังกระจายหุ้น พร้อมเขียนสคริปท์เอาไว้อย่างมืออาชีพ นับตั้งแต่เข้าซื้อหุ้นใหญ่จาก China Development Industrial Bank (CDBI) เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547 โดยใช้ ฟินันซ่า เป็นหน้าฉาก

แต่หลังฉากใครๆ ก็เดาว่าน่าจะเป็น ศิริธัช โรจนพฤกษ์ หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ คอม-ลิงค์ นั่นแหละ..ตัวจริง!!!

ภายหลังเข้ากุมอำนาจ จากนั้นก็ส่ง กิ่งเทียน บางอ้อ (อดีตกรรมการคอม-ลิงค์) ภรรยา สันติ บางอ้อ อดีตรองเลขาธิการสภาพัฒน์ เป็นตัวแทนกลุ่ม เข้าไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการ บล.บีฟิท

จากนั้นก็ใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง สร้างชุมชนนักเล่นหุ้น กลุ่มหาดใหญ่ ผ่านสายสัมพันธ์อันแนบแน่นของ สมโภชน์ อาหุนัย (ลูกน้องคนสนิทของ ศิริธัช ผู้ก่อตั้งเวบไซต์ อีไฟแนนซ์ไทย ดอทคอม และเป็นอดีตผู้บริหาร บล.หยวนต้า)

ก่อนจะเดินเกมดึงตัวมาร์เก็ตติ้งระดับแม่เหล็ก เริ่มจากทีมของ พรรณี เถกิงเกียรติ ย้ายออกจากรัง บล.ซีมีโก้ ดึงทีม เดชา แปงคำ มาจาก บล.เอเซีย พลัส และทีมของ ประสิทธิ ศรีสุวรรณ ย้ายจากรัง บล.ฟินันซ่า

สำหรับ พรรณี และ ประสิทธิ ทั้ง 2 เคยเป็นลูกน้องเก่าของ สมโภชน์ เมื่อครั้งโลดแล่นอยู่ที่ บล.หยวนต้า มาด้วยกัน

เหล่านี้ทำให้ มาร์เก็ตแชร์ ของบล.บีฟิท ในปี 2547 อยู่ที่ 0.74% พุ่งทะยานขึ้นมาเป็น 3.63% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549

จากการส่งคำสั่งซื้อเข้ามาจาก ขาใหญ่ ระดับพันล้าน อาทิเช่น หมอยง ทพ.ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม เสี่ยแตงโม สมเกียรติ วงศ์คุณทรัพย์ ยุพา การชฎิล นักธุรกิจเมืองภูเก็ต และนักเล่นหุ้นวัยหนุ่ม ชาตรี มหัทธนาดุลย์ อดีตเจ้าของ บมจ.ซีฮอร์ส (SH)

ในวงการโบรกเกอร์กล่าวกันว่า สมโภชน์ นี่แหละ!ที่คอยเดินเกมให้กับ ศิริธัช โรจนพฤกษ์ และเขาคนเดียวกันนี้ที่ชักจูงให้ ลูกค้ามือหนัก เข้ามาถือหุ้น บล.บีฟิท เพื่อรอวันที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์ Win-Win กันแบบตาจ้องตาแล้วรู้ใจ

คนแรก คือ ยืนยง พันธุ์วงศ์กล่อม (พ่อของทพ.ยรรยง) จริงๆ คือ พอร์ตของ หมอยง คนที่สอง เสี่ยแตงโม คนต่อมา ยุพา การชฎิล ว่ากันว่าคนๆ นี้มือหนักมาก เทรดหุ้นวันละเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเคยได้กำไรวันละ 200 ล้านบาท และ ชาตรี มหัทธนาดุลย์ คนที่นำหุ้น SH ไปพึ่งบารมี ศิริธัช ผ่าน สมโภชน์ และ วรเจตน์ อินทามระ

สุวิช รัตนยานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บล. บีฟิท ยอมรับว่า การเติบโตของบริษัทส่วนใหญ่มาจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งทุกวันนี้มีลูกค้าประมาณ 4,000 บัญชี เป็นลูกค้ารายใหญ่ มากกว่า 50 ราย

โดย 10 รายแรกมีสัดส่วนการสร้างวอลุ่มให้กับบริษัทถึง 38% และหากนำลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทรวมกัน 100 รายแรก จะมีสัดส่วนวอลุ่มถึง 80%

อย่างกลุ่มคุณพรรณี ก็มีลูกค้าที่ตามกันมาเป็น 10 ปีมาด้วย เดชา ก็มีลูกค้าที่อยู่กันมา กว่า 5 ปี เขาสนิทกับลูกค้าเหมือนเพื่อน ส่วน ประสิทธิ แม้ลูกค้าส่วนหนึ่ง 50% ทับซ้อนกับพรรณี แต่ก็ทำให้เรามั่นใจได้ว่า ลูกค้าบล.บีฟิทจะไม่หายไปไหน

สุวิช ย้ำว่า สาเหตุที่ลูกค้ารายใหญ่ไม่ปันใจไปอยู่กับโบรกฯ อื่น เพราะลูกค้าเทรดกับเราแล้วได้กำไร ก่อนจะย้ำต่อว่าหุ้นที่ลูกค้าเทรดส่วนใหญ่เป็นหุ้นพื้นฐาน มีน้อยกว่า 10% ที่เข้าไปเกี่ยวพันกับ หุ้นร้อน ที่ทางการจับตา

พวกเขาไม่ใช่พวกปั่นหุ้นนะ เป็นเพียงแค่นักลงทุนที่ตามแห่ราคา ฉวยโอกาสเข้า-ออกเร็วก็เท่านั้น เจ้าของบ้านว่าอย่างนั้น ในส่วนของหุ้นที่ถูกตลาดขอข้อมูล และถูกสอบถาม ก็จะเตือนให้ลูกค้าพยายามหลีกเลี่ยง

ซีอีโอ บล.บีฟิท บอกเจตนาการนำหุ้นเข้าตลาดว่า ต้องการนำเงินมาเสริมเงินกองทุนเพื่อทำให้สามารถปล่อยบัญชีเครดิตบาลานซ์ให้กับลูกค้าได้เพิ่มขึ้น จะช่วยเพิ่มวอลุ่มการเทรด และหาลูกค้ารายใหม่เข้ามาได้มาก

ทั้งนี้ตามหลักแล้วการปล่อยบัญชีเครดิตบาลานซ์ จะปล่อยได้ 5 เท่าของเงินกองทุน วันนี้มีเงินกองทุน 700 ล้านบาท ปล่อยได้เต็มที่ 3,500 ล้านบาท แต่หลังจากระดมทุนเพิ่มจะปล่อยเพิ่มได้อีกเท่าตัว

นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปิดสาขาอีก 3 แห่ง ที่สาขาปิ่นเกล้า โคราช และ เชียงใหม่ รวมทั้งจะใช้เงินสนับสนุนงานด้านวาณิชธนกิจ (ที่ปรึกษา) เพื่อรุกงานทางด้านนี้มากขึ้น

โดยเมื่อไม่นานมานี้ บล.บีฟิท เพิ่งดึงตัว วิเชียร เอื้อสงวนกุล มาจาก บล.ซีมิโก้ ซึ่งวิเชียร มีประวัตินำหุ้นร้อนเข้าตลาดหลายตัว อาทิเช่น PERM, AMC, SAM, CSP, TUCC ล่าสุดเพิ่งจะนำ FORTH และ RICH เข้าตลาด

แม้แต่ดีลการเพิ่มทุน PICNI หรือ การควบรวมระหว่าง ไออีซี และ บลิส-เทล วิเชียร ผู้นี้ก็เข้าไปเกี่ยวข้องทั้งสิ้น

สุวิช อธิบายว่า การที่ บล.บีฟิท ได้ทีม วิเชียรมาร่วมงาน ไม่ต่างจากการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว มีหุ้นให้ลูกค้ารายใหญ่มาเทรดผ่านบริษัทมากขึ้น ขณะเดียวกันรายได้จากงานที่ปรึกษาก็จะเข้ามาหล่อเลี้ยงบริษัทมากขึ้น

ปีหน้าเราเชื่อว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ติดระดับท็อปเทน ไม่ต่ำกว่า 4% โดยช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) มีมาร์เก็ตแชร์แล้ว 3.63% โดยหวังว่าการเข้าตลาดหุ้นจะทำให้มาร์เก็ตแชร์ในระดับ 4% ของเรามีเสถียรภาพ

เมื่อถามถึงความเกี่ยวพันกับกลุ่มคอม-ลิงค์ สุวิช ตอบว่า ตนเองไม่เคยเจอกับ หม่อมอุ๋ย (หนึ่งในผู้ถือหุ้นคอม-ลิงค์) แต่สำหรับ ท่านศิริธัช รู้จักดี อย่างตอนที่เกิดเรื่องกับสมาคมโบรกเกอร์ (กรณีดึงตัวมาร์เก็ตติ้ง) ท่านก็เข้ามาช่วย แต่ตอนนั้นไม่มีใครฟังท่าน เราก็เลยต้องทำหนังสือชี้แจงจนกระทั้งเรื่องจบลงที่เราต้องบริจาคเงินให้กับกองทุนสึนามิ 30 ล้านบาท นอกนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไร

ความจริงไม่มีอะไรเลย การที่มีผู้ใหญ่ (และขาใหญ่) มาถือหุ้น ถ้าคนข้างนอกคิดว่าเราต้องมีอะไรดี คิดอย่างนี้ก็ถือว่าช่วยเหมือนกัน

ส่วนภายหลังการเข้าระดมทุนไปแล้ว กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะติดไซเลนท์ พีเรียด 6 เดือน ขณะที่กลุ่มนักลงทุน 4 ราย (ยืนยง-สมเกียรติ-ยุพา-ชาตรี) จะติดไซเลนท์ พีเรียด 2 ปี

สุวิช เชื่อว่า 2 กลุ่มนี้ จะเข้ามาช่วยซื้อขายหุ้นผ่าน บล.บีฟิท มากขึ้น สุดท้ายราคาหุ้นก็สูงขึ้น เพราะรายได้ของบริษัทมาจากค่าคอมมิชชั่น ถึง 90% ส่วนที่เกรงกันว่ากลุ่มของท่านศิริธัช จะเข้ามาแทรกแซงคงจะไม่ เพราะเขาไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ บล.บีฟิท โดยตรง ต้องดำเนินการผ่าน บง.กรุงเทพธนาทร (BFIT) บริษัทแม่ ขณะที่ คุณกิ่งเทียน บางอ้อ ประธานกรรมการก็ไม่ได้เข้ามาแทรกแซงอะไร

เมื่อสอบถามถึงบทบาทของ สมโภชน์ อาหุนัย ได้รับคำชี้แจงว่า สมโภชน์ เข้ามาช่วยวางระบบไอที และตอนนั้นก็ได้จ้างภรรยาคุณสมโภชน์ มาเป็นที่ปรึกษา แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว ในส่วนของหุ้น SH ที่คุณสมโภชน์เข้าไปลงทุน ทาง บล.บีฟิท ก็ยังเตือนมาร์เก็ตติ้งให้จับตาดูด้วยซ้ำ

คุณสมโภชน์มีฐานลูกค้าหาดใหญ่จริง แต่ไม่ได้อยู่ที่บล.บีฟิทโบรกฯ เดียว เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารหลายโบรกฯ แล้วทางเราก็ไม่เคยได้รับคำแนะนำแทคติกจากคุณสมโภชน์แต่อย่างใด

เมื่อถามว่าหุ้นบล.บีฟิท ได้ถูกวางสตอรี่ให้เป็นหุ้นเก็งกำไร (ตัวใหม่) ไว้แล้วใช่หรือไม่ สุวิช บอกว่า ทุกอย่างจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เชื่อว่าหากมีการลากราคาสูงเกินจริง ก็จะมีคนขายออกมา แต่ถ้าหุ้นต่ำเกินจริง ก็เชื่อว่าจะมีคนเข้ามารับ เพราะพื้นฐานของบริษัทต่อไปจะโตมาก

ด้าน เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.บีฟิท เข้ามาร่วมสนทนาด้วย บอกว่า จุดเด่นของเราการที่เป็นโบรกฯ ใหม่ สามารถรู้ได้ว่าคุ้มทุนหรือไม่คุ้ม อย่างสาขาที่เปิดไปคุยได้ว่าคุ้ม เพราะส่วนหนึ่งเรามีลูกค้าอินเทอร์เน็ตทำให้ค่าใช้จ่ายเราต่ำ จากข้อมูลครึ่งปีแรกแม้จะมีวอลุ่มตลาดเทรดเฉลี่ยต่อวัน 5,000 ล้านบาท บริษัทก็คุ้มทุนแล้ว

**************************กรุงเทพธุรกิจ BizWeek[/color:b6ddbe7f0f">**************************

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 22/10/2006 @ 22:46:35 : re: ชุมมังกร..ซ่อนพยัคฆ์ ซุ่มเงียบ "สะสมเขี้ยวเล็บ"
อื้อฮือ....อะไรจะขนาดนี้... .000001 [/color:8e9f6b8218">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com