ซื้ออ่อนตัว SAMART เป้าหมาย 11.20 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด แนะนำ ซื้ออ่อนตัว SAMART แนวโน้มไตรมาส 4/2549 ยังได้ประโยชน์ต่อเนื่องจากทุกธุรกิจที่ลงทุน คาดว่าในไตรมาส 4/2549 ผลประกอบการของ SAMART ยังมีแนวโน้มเติบโต ตามรายได้ของ SIM, SAMTEL และธุรกิจใหม่ที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย SIM เตรียมเปิดตัวโทรศัพท์ I-Mobile ใหม่อีก 6 - 7 รุ่น เจาะตลาดกลางถึงบน รวมทั้งเน้นขยายตลาดต่างประเทศหลัก 4 ประเทศคือ มาเลเซีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และอินเดีย ส่วน

SAMTEL ได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่ 11 - 12 โครงการมูลค่ารวม 800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เกือบทั้งหมดใน ไตรมาส 4/2549 ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/2549 ยังเป็นช่วง Hi Season ของธุรกิจการบิน จึงทำให้มีแนวโน้มรับรู้รายได้จากธุรกิจวิทยุการบินในกัมพูชาเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2549 ด้วย ดังนั้นคงแนะนำ ?ซื้อเมื่ออ่อนตัว ทั้งนี้ได้ปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมปี 49 ของหุ้น SAMART เป็น 11.20 บาท จากเดิม 9.25 บาท

ซื้อ JTS เป้าหมาย 4.46 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อ JTS คาดกำไรไตรมาส 3/2549 เติบโต 66% จากไตรมาสก่อน รายได้ของ JTS คาดว่าจะเติบโตถึง 87% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็น 817 ล้านบาท โดยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากงานวางโครงข่ายบรอดแบนด์ให้กับ ทริปเปิลทีบรอดแบนด์ (TTT BB) แม้งานดังกล่าวจะมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับงานทั่วไปของ JTS จนกดอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้ให้เหลือเพียง 19.4% เทียบกับ 28% ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่มูลค่างานที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ทำให้คาดว่า JTS จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66% ชะลอการติดตั้งโทรศัพท์สาธารณะ ปัจจุบัน JTS ติดตั้งและให้บริการโทรศัพท์สาธารณะราว 1.2 หมื่นเครื่อง แต่การแข่งขันทางด้านราคาของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่งผลให้รายได้ต่อเลขหมายของโทรศัพท์สาธารณะอย่างมีนัย ดังนั้นจึงประเมินว่า JTS จะไม่เร่งติดตั้ง

ถือ RRC เป้าหมาย 21.80 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ ถือ RRC กำไรไตรมาส 3/2549 จะลดลงแรงถึง 79% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 635 ล้านบาท เพราะคาดว่าค่าการกลั่นจะอ่อนตัวลงเป็น3.7 US$/bbl จาก 10.62 US$/bbl ใน ไตรมาส 2/2549 อย่างไรก็ดี RRC มีผลขาดทุนที่ใช้หักภาษีได้ 1.58 พันล้านบาทที่จะนำมาใช้ในไตรมาสนี้ ดังนั้นกำไรสุทธิจึงคงสูงที่ 2.28 พันล้านบาท แต่ยังลดลง 33% จากไตรมาสก่อนหน้า ประเมินว่าค่าการกลั่นในไตรมาส 4/2549 ขยับขึ้น และทำให้กำไรสุทธิดีขึ้น แต่ปรับลดคาดการณ์ กำไรสุทธิ และ Norm Profit ปี 2549 ลง 9.5%และ 13% ตามลำดับ สะท้อนค่าการกลั่นในไตรมาส 3/2549 ที่ต่ำกว่าคาด แต่ยังคงประมาณการปี 2550 ไว้เท่าเดิม ปรับราคาตามพื้นฐานลงเป็น 21.80 บาท อิงกับ PE ปี 2550 เท่ากับ 8.5 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ยในภูมิภาค ในปี 2550 คาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 25% ขณะที่ Norm Profit เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 4% เนื่องจากดอกเบี้ยจ่ายที่ต่ำลง และอัตราภาษีจ่ายลดจาก 30% ในปี 2549 เป็น 25% ในปี 50-54 คาดการณ์ Dividend Yield สำหรับปี 2549 เท่ากับ 5.6%แต่ราคาตามพื้นฐานใหม่มี Upside จากราคาปิดวานนี้เพียง 12% จึงแนะนำ ?ถือ?

ถือ PRIN เป้าหมาย 4.06 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด แนะนำ ถือ PRIN คาดยอดรับรู้รายได้ของ PRIN ในไตรมาส 3/2549 นี้ จะยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 37% จากปีก่อน โดยมาจาก 2 โครงการหลัก คอนโด ?The Pulse? 269 ลบ.(จากยอดจอง 305 ล้านบาท ) และบ้านเดี่ยว ?ปริญญดาวงแหวนสาทร? อีก 226 ล้านบาท แต่การโหมทำโฆษณาทำให้มีรายจ่ายเพิ่ม 15 ล้านบาทในไตรมาส 3/2549 กระตุกสัดส่วน SG&A/Sales ให้เพิ่มขึ้นเป็น13% (vs.
11% 2Q06) สำหรับกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายคาดทำได้ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 8% แม้ยอดขายจะโตถึง 22% จากไตรมาสก่อนหน้าก็ตาม แต่บริษัทยังมีโอกาสสูงที่จะเพิ่มทุนในปีหน้า เพื่อรองรับโครงการใหม่ๆ ซึ่งยังอยู่ในความกังวลของฝ่ายวิจัย จึงประเมินราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 4.06 บาท(P/E 5.5 เท่า โดยปกติควรจะเป็น 6 เท่า) Upside 9% +Dividend yield 8% แนะนำ ?ถือ?


ทันหุ้น