May 3, 2024   8:16:49 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > รวยแบบยั่งยืน? ตามแนวรัฐบาลพอเพียง...
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 20/10/2006 @ 01:25:09
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เมื่อรัฐบาล ?ฒ.ผู้เฒ่า? ประกาศขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง หลายคนร้อง ?ว้า? ด้วยอาการผิดหวัง (ปนเซ็ง) เนื่องจากไม่เข้าใจว่า เศรษฐกิจพอเพียงที่ ?ฒ.ผู้เฒ่า? ท่านหมายถึงนั้นคืออะไร เพียงแต่ได้ยินคำว่า ?พอเพียง? ก็จินตนาการไปเองก่อนแล้วว่า ต้องดำเนินชีวิตอย่าง ?ตระหนี่? หรือ ค่อนไปทาง ?เขียม? จนหาความสุขทางโลกแทบไม่ได้ ซึ่งอันที่จริงหากเราเข้าใจหลักการที่แท้จริงของเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว แทนที่จะกังวล เรากลับจะมีความสุขยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เนื่องจากความพอเพียงอันเป็นหัวใจแห่งความยั่งยืนจะช่วยชะลอความแก่ของประเทศชาติ หรือ แม้แต่ของโลกเลยทีเดียว ทุกวันนี้เราต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่า มหันตภัยที่เกิดจากธรรมชาติและที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการพัฒนาแบบ ?ฉาบฉวย? หรือ ?ใช้แล้วถึง? ทั้งนั้น ซึ่งหากไม่หาสิ่งใดมาชะลอไว้บ้าง โลกคงเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเป็นแน่

หลายคนสงสัยว่า ความพอเพียง กับ การลงทุนในตลาดหุ้น จะไปกันได้หรือ เนื่องจากแว่บแรกที่คนทั่วไปนึกถึงตลาดหุ้นย่อมมองเห็นภาพของการแก่งแย่งแข่งขัน ชิงไหวชิงพริบ หรือโกหกหลอกลวงกันอลหม่าน แต่ในความเป็นจริงนั้นหลักแห่งความพอเพียงคืออาวุธที่จะช่วยให้นักลงทุนทั้งหัวดำ หัวทอง ขาใหญ่ ขาเล็ก หรือแม้แต่ขาลีบเอาชนะทะเลหุ้นอันมีแต่มรสุมได้อย่างยั่งยืนแถมไม่ต้องเป็นโรคเครียด หรือ โรคหัวใจด้วย ซึ่งมีเคล็ดลับสำคัญอยู่ที่กลยุทธ์การเลือกเฟ้นหุ้นตามแนวพอเพียงของรัฐบาล ?ฒ.ผู้เฒ่า? อันควรเคารพยิ่งนั่นเอง

รัฐบาล ?พันหกร้อยปี? ของเราได้กำหนดหลักการบริหารประเทศไว้ 4 ประการ หรือ เรียกว่าหลัก 4 ป.ได้แก่ โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัด และประสิทธิภาพ อันหลัก 4 ป.นี้ไม่เพียงแต่สามารถนำไปใช้ในการกำกับดูแลกิจการบ้านเมืองเท่านั้น แต่ยังสามารรถใช้เป็นกลยุทธ์การเลือกเฟ้นหุ้นที่จะช่วยให้ผ่านพ้นทุกมรสุมในตลาดหุ้นได้อีกด้วย ซึ่งมีข้อแม้ว่า ต้องเลือกหุ้นที่มีองค์ประกอบครบ 4 ประการตามหลักบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลพอเพียง จึงจะรับประกันความร่ำรวยแบบยั่งยืนได้ เริ่มจากหุ้นตัวนั้นต้องโปร่งใส ซึ่งถือเป็นหัวใจของหลักการ ?เฟ้นหุ้นรวยยั่งยืน? หากการซื้อหุ้นคือการมีส่วนเป็นเจ้าของบริษัทย่อมสบายใจกว่าแน่ที่จะมีคนดีๆอยู่ในบริษัท และโดยเฉพาะบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของบริษัทซึ่งมีถือหุ้นน้อยใหญ่ร่วมเป็นเจ้าของยิ่งต้องเป็นคนมีคุณธรรมสูง ?วอร์เรน บัฟเฟตต์? มหาเศรษฐีพอเพียงที่ประกาศบริจาคเงินกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญที่หามาได้ด้วยสติปัญญาและน้ำพักน้ำแรงเคยกล่าวไว้ว่า ?บริษัทที่ดีนั้นจะบอกความจริงทุกอย่างกับคุณ? นี่คือกฎทองแห่งการเฟ้นหาบริษัทที่โปร่งใส

ซึ่งนักลงทุนที่พอมีประสบการณ์ในตลาดหุ้นคงพอนึกออกว่า มีบริษัทใดบ้างที่มีความตรงไปตรงมากับผู้ถือหุ้นกล้าบอกความจริงทั้งข่าวดีและข่าวร้าย รวมทั้งไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ไม่เคยมีกรณีที่ผู้สอบบัญชีเกิดข้อกังขา ไม่เคยมีประวัติว่ากลต.ต้องเรียกให้ชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ และที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่แทบจะไม่มีข่าวลือมาให้ขวัญหนีดีฝ่อหรือดีใจจนขาดสติ อย่างไรก็ดี หากต้องการรวยยั่งยืน แม้เจอบริษัทที่มี?น้ำงาม?อย่างนี้ ก็อย่าเพิ่งด่วนซื้อ เนื่องจากยังมีคุณสมบัติอีก 3 ประการที่ต้องพิจารณาต่อไป
เมื่อเจอบริษัทโปร่งใสแล้ว ไม่ควรด่วนสรุปว่านั่นเป็นบริษัทที่มีความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากความโปร่งใสกับความเป็นธรรมนั้นมีบางส่วนที่ยังเหลื่อมกันอยู่ กล่าวคือบริษัทที่มีความโปร่งใสย่อมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆให้ผู้ถือหุ้นทราบอย่างตรงไปตรงมาและสามารถตรวจสอบได้

แต่บางครั้งเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก แม้จะยังคงความโปร่งใสไว้ได้ แต่กลับหาทางออกด้วยวิธีที่ทำให้ผู้ถือหุ้นเดือดร้อน เช่น บางบริษัทไม่เคยกระดากอายที่จะขอเพิ่มทุนบ่อยๆ หรือ บางบริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนให้พันธมิตรใหม่ในราคาส่วนลด ขณะที่ยังมีอีกหลายบริษัทที่มีกำไรแค่หยิบมือแต่ผู้บริหารกินเงินเดือนเกือบจะสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี แถมไม่เคยประกาศลดเงินเดือนตัวเองเสียที ?ปีเตอร์ ลินซ์?
ผู้สร้างตำนานไว้กับกองทุนฟิเดลลิตี้แมคเจนแลนกล่าวว่า ?บริษัทที่ดีบางครั้งอาจมีความจำเป็นทางการเงิน แต่ทุกครั้งเขาจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นลำบาก? บริษัทที่แม้จะโปร่งใสแต่สุดท้ายทำให้ผู้ถือหุ้นลำบากและตกเป็นเหยื่อของการบริหารจัดการที่ล้มเหลวย่อมไม่มีทางอยู่ในพอร์ตของนักลงทุนผู้หวังรวยแบบยั่งยืน

หลักข้อที่ 3 สู่ความรวยแบบยั่งยืนคือ หลัก ?ป.ประหยัด? เนื่องจากในโลกธุรกิจไม่เพียงแต่จะเอาชนะกันในด้านนวัตกรรมและการครองส่วนแบ่งตลาดเท่านั้น ?ต้นทุน? ยังเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่แต่ละบริษัทพยายามช่วงชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ต้นทุนที่ต่ำย่อมหมายถึงกำไรที่สูงต่อให้ยอดขายไม่สูงเท่าคู่แข่งแต่หากบริหารกิจการจนมีต้นทุนต่ำกว่าใครย่อมดีกว่ามีรายได้มากแต่พอหักต้นทุนแล้วแทบไม่เหลือกำไร

การเฟ้นหุ้นที่มีต้นทุนต่ำนั้นต้องอาศัยการเปรียบเทียบระหว่างบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น หลังจากที่ค้นพบหุ้นโปร่งใสและเป็นธรรมซึ่งอยู่ในธุรกิจเดียวกันมาได้ 2 ตัว นักลงทุนที่มีเป้าหมายรวยแบบยั่งยืนต้องพิจารณาว่า หุ้นตัวใดมีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจหลักสูงกว่า

ขอเน้นว่าต้องตัดกำไรพิเศษออกไปก่อนเพื่อไม่ให้เกิดภาพลวงตา เท่านั้นยังไม่พอนักลงทุนที่ยึดแนวทางรวยแบบยั่งยืนยังต้องเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ หรือ ROA (Return on Asset) เพื่อดูว่าบริษัทใดมีความสามารถในการทำกำไรเหนือกว่า และหากไม่แน่ใจว่าเป็นบริษัทที่ประหยัดและไม่ทำอะไรเกินตัวจริงต้องดูที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E (Debt/Equity) ประกอบด้วย แถมด้วยอีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะประเมินอุดมการณ์ประหยัดของบริษัทรวยยั่งยืน นั่นคือต้องเลือกบริษัทที่ไม่มีนโยบายสร้างภาพซึ่งเป็นการผลาญเงินของผู้ถือหุ้นดีดีนั่นเอง ดังเช่นครั้งหนึ่งที่ปีเตอร์ ลินซ์ได้กล่าวไว้ว่า ?เหตุผลที่ผมไม่ซื้อ(หุ้น)บริษัทนี้ก็คือเขาใช้พื้นหินอ่อนจากอิตาลีและพรมเปอร์เซียเกรด?

มาถึงหลักการเฟ้นหุ้นรวยแบบยั่งยืนข้อสุดท้ายว่าด้วย ป.ประสิทธิภาพ ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานปีพ.ศ.2542 ให้ความหมายไว้ว่า ความสามารถที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จในการทำงาน เมื่อใช้ความหมายนี้ในการเฟ้นหุ้นมีประสิทธิภาพคงจะช่วยให้พอแยกแยะออกว่า บริษัทใดมีแต่ความเพ้อฝันและบริษัทใดคือ ?ของจริง? ผลสำเร็จแห่งการทำงานนั้นย่อมหมายถึงการบรรลุเป้าหมายตามวิศัยทัศน์ที่บริษัทวางไว้เป็นเข็มทิศชี้ทาง ขณะที่แนวทางหรือนโยบายการบริหารจัดการนั้นคือเครื่องบ่งชี้ว่าบริษัทนั้นจะมีความสามารถในการไปสู่เป้าหมายหรือวิศัยทัศน์มากน้อยเพียงใด การวัดประสิทธิภาพของบริษัทนั้นทำได้โดยการเปรียบเทียบความจริงกับความฝันของบริษัท

เริ่มจากไตร่ตรองดูวิศัยทัศน์ก่อนว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อทำให้ได้จริงหรือพยายามขายฝัน จากนั้นให้พิจารณาสิ่งที่บริษัทเป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้ววิเคราะห์ว่า บริษัทได้ดำเนินการในสิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการไปสู่เป้าหมายนั้นๆหรือไม่ เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมอาหารรายหนึ่งมีวิศัยทัศน์ว่า ต้องการเป็นผู้จำหน่ายอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซีย ก็ให้ติดตามดูว่า บริษัทพยายามทำสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยความทุ่มเทมากน้อยเพียงใด หากบริษัทดังกล่าวทุ่มงบลงทุนในด้านพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานเพื่อให้ประเทศผู้นำเข้าทุกแห่งยอมรับ พร้อมกับศึกษาความเคลื่อนไหวของคู่แข่งและติดตามความต้องการของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดก็นับได้ว่าเป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพสูงแห่งหนึ่ง แต่หากบริษัทใช้เงินทุนไปกับการเข้าไปถือหุ้นนอกอุตสาหกรรมที่ตัวเองถนัดด้วยหวังรวยจากราคาในช่วงสั้นๆ ไม่เอาใจใส่กิจการหลักที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว หรือ ริข้ามห้วยไปสู่อุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในกระแส

หากเจอบริษัทที่ละทิ้งวิศัยทัศน์กลางคันแบบนี้ สรุปได้เลยว่า คณะผู้บริหารต้องเป็นพวกไร้ประสิทธิภาพที่ชอบทำงานแบบ?กลัวเสียเหงื่อ? นักลงทุนผู้ยึดแนวทางรวยแบบยั่งยืนพึงหลีกเลี่ยงบริษัทประเภทนี้อย่างยิ่ง

ก่อนจะจากกันไปขอย้ำอีกครั้งว่า การเลือกหุ้นให้รวยอย่างยั่งยืนนั้นต้องกลั่นกรองให้ดีเสมือนกระบวนการกรองน้ำสำหรับดื่มดับกระหายที่ต้องการความสะอาด ดื่มแล้วไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ดังนั้น ก่อนซื้อหุ้น หากไม่ต้องการหุ้นพิษที่เป็นโทษทั้งต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกระเป๋าต้องบริหารกล้ามเนื้อสมองด้วยการนำหลักการเฟ้นหุ้นรวยแบบยั่งยืนไปพิจารณาว่าหุ้นที่เลือกจะลงทุนนั้นมีคุณสมบัติ ?โปร่งใส? ?เป็นธรรม? ?ประหยัด? และ ?ประสิทธิภาพ?ครบถ้วนหรือไม่ และควรกำหนดเป็นวินัยเคร่งครัดว่า หากหุ้นที่อยากลงทุนมีคุณสมบัติขาดไปจากหลักดังกล่าวข้อใดข้อหนึ่งต้องไม่เข้าไปแตะต้องเด็ดขาด เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหุ้นที่มีองค์ประกอบไม่ครบตามหลักการนี้จะก่อปัญหาอะไรบ้างในอนาคต ส่วนหุ้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลัก 4 ป.ที่กล่าวมานี้มีอยู่ในตลาดหุ้นของบ้านเราไม่น้อยทีเดียว และได้ทำให้นักลงทุนที่มีวินัยหลายคนรวยแบบยั่งยืนไปแล้วหลายราย




eFinanceThai.com[/color:26f1276ff3">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com