เป็นไปตามที่คาดการณ์ก่อนหน้าว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรืออัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตร (อาร์พี) ระยะ 14 วัน ที่ร้อยละ 5 ต่อปี เนื่องจากเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงกลับมาเป็นบวกแล้วที่ร้อยละ1.55 และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ชั้นดีสูงกว่าร้อยละ 4 ที่สำคัญตัวเลขเงินเฟ้อ หรือดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนกันยายนที่ผ่านมา เทียบกับเดือนสิงหาคม ลดลงร้อยละ 0.3 แต่เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2548 สูงขึ้นร้อยละ 2.7 ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 18 เดือน สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ธปท.พอใจกับทิศทางเศรษฐกิจ มองว่าในครึ่งปีหลังขยายตัวได้อย่างน่าพอใจ และเศรษฐกิจในปี 50 มีแนวโน้มจะขยายตัวได้ต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ จากราคาน้ำมันปรับลดลงและงบประมาณปี 50 จะสามารถเบิกจ่ายได้เร็วกว่าที่คาดหมาย ที่สำคัญการส่งออกยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ตัวเลขเดือน ส.ค. ขยายตัวถึง 17% และขยายตัวในระดับ 17.0-18.7% ติดต่อกันมา 4 เดือนแล้ว จึงเตรียมปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ คาดปี49 นี้จะขยายตัวประมาณ 4.5-4.6% และจะปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 50 เพิ่มขึ้นจาก 4.0% เป็น 5.3% เพราะมีแรงหนุนโครงการเมกะโปรเจกต์ที่จะเริ่มดำเนินการในบางส่วน รวมทั้งยังได้ส่งสัญญาณว่า อัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับตัวลงได้ต้นปีหน้า

การประเมินของฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้ามีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะลดลง 0.25-0.50% โดยให้จับตาดูผลการประชุม กนง.นัดสุดท้ายของปี ในวันที่ 13 ธันวาคม 49 เป็นสำคัญ คาดจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้น และมีความเป็นไปได้ในช่วง 2-3 เดือนแรกของปี 50 เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ไตรมาส 2/49 เป็นต้นมา จากการเพิ่มงบประมาณรายจ่ายของรัฐฯ ผลตอบแทนของการลงทุนในภาคเอกชน และการบริโภคที่พัฒนาตัว รวมทั้งข้อสมมติฐานการจัดการเลือกตั้งในช่วงครึ่งหลังของปี50 ถือว่าสอดคล้องกับรายงานฝ่ายวิจัยธนาคารทหารไทย ที่มองว่า ธปท.จะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป

อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้จะมีมากน้อยแค่ไหน ตัวแปรสำคัญคือราคาน้ำมันตลาดโลก...หากกลับมาพุ่งรอบใหม่...ก็เลิกหวังไปได้ว่า ดอกเบี้ยปรับลง

ที่มา กระแสหุ้น