May 3, 2024   12:36:02 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > .....................ข่าวสดวันนี้.........................
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/10/2006 @ 10:19:28
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

[b:f8fe01a323"> สรุปข่าวหน้า 1 หนังสือพิมพ์กระแสหุ้นรายวัน [/b:f8fe01a323">
Source - สรุปข่าวหนังสือพิมพ์

NVL เข้าสู่ช่วงขาขึ้น! เป้าปี50สินเชื่อโตเท่าตัว
?นวลิสซิ่ง? เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ผู้บริหาร ?ธีรธร ธุวานนท์? ลั่นไตรมาส 3-4 รายได้เติบโตพุ่ง มั่นใจยอดสินเชี่อรวมปีนี้โตเพิ่ม 20% พร้อมตั้งเป้าปี 50 เพิ่มเท่าตัวแตะ 2.4 พันล้าน เล็งแผนขยายสาขาต่างจังหวัด ไม่ห่วงยอดเอ็นพีแอล อยู่ในระดับต่ำแค่ 2-3% ด้านนักวิเคราะห์ ประเมินราคาหุ้น NVL โอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แนวต้านสำคัญ 0.85-0.86 บาท

PRO ยังมีเทรนขยับขึ้น มีลุ้นรายได้รวมแตะ200ล.
?PRO? เร่งเจรจาผู้ชุมนุมต้าน โรงงานบำบัดน้ำเสีย หวังยุติเดือน ต.ค. จะช่วยหนุนรายได้กลับมาโต มีลุ้นปีนี้เพิ่มขึ้นแตะ 200 ล้านบาท ผู้บริหาร ?เกรียงไกร เลิศศิริสัมพันธ์? แย้มกำลังศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม และต่อยอดธุรกิจ ด้านนักวิเคราะห์ประเมินหุ้น PRO เก็งกำไรข่าวเดิมรับงานสุวรรณภูมิ และราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊กฯ ทางเทคนิคมีเทรนขยับขึ้น แนวต้านสำคัญ 1.12-1.14 บาท

SINGHAเพิ่มทุน-แจกวอร์แรนท์ มั่นใจปีหน้ายอดขายโตเพิ่ม 50%
?สิงห์ พาราเทค? รุกเพิ่มทุน 128 ล้านหุ้นหวังนำเงินที่ได้ไปซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่ม หลังจากมีออเดอร์ทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมากจนผลิตไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า ผู้บริหารคาดอนาคตผลประกอบการพุ่ง ชี้แม้จำนวนหุ้น SINGHA มีมากขึ้น แต่จะไม่ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นลดลง พร้อมคาดปีหน้ายอดขายโตเพิ่มอีก 50%

ต่างชาติเชื่อมั่นพุ่งซื้อเพิ่ม เก็งกำไร Q3-น้ำมันดีดขึ้น คาดดัชนีฯทดสอบ 720 จุด
ต่างชาติไล่ซื้อหุ้นแบงก์ พลังงาน ดันดัชนีพุ่งขึ้น หลังปัจจัยดอกเบี้ยทรงตัวชัดเจน ประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นขึ้นต่อ ทดสอบแนวต้าน 720-725 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ที่กำลังทยอยประกาศออกมา


.000002

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 19/10/2006 @ 10:21:43 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:10c8e47fce">PRO ยังมีเทรนขยับขึ้น มีลุ้นรายได้รวมแตะ200ล. [/b:10c8e47fce">
Source - กระแสหุ้น

?PRO? เร่งเจรจาผู้ชุมนุมต้าน โรงงานบำบัดน้ำเสีย หวังยุติเดือน ต.ค. จะช่วยหนุนรายได้กลับมาโต มีลุ้นปีนี้เพิ่มขึ้นแตะ 200 ล้านบาท ผู้บริหาร ?เกรียงไกร เลิศศิริสัมพันธ์? แย้มกำลังศึกษาธุรกิจใหม่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม และต่อยอดธุรกิจ ด้านนักวิเคราะห์ประเมินหุ้น PRO เก็งกำไรข่าวเดิมรับงานสุวรรณภูมิ และราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊กฯ ทางเทคนิคมีเทรนขยับขึ้น แนวต้านสำคัญ 1.12-1.14 บาท

นายเกรียงไกร เลิศศิริสัมพันธ์ กรรมการ บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เวสต์ เทคโนโลยี (1999) จำกัด (มหาชน) หรือ PRO เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเร่งเจรจากับผู้ชุมนุมต่อต้านการสร้างโรงงานบำบัดน้ำเสียที่จังหวัดสระแก้ว คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเดือนตุลาคม เพื่อให้โรงงานดังกล่าวสามารถดำเนินการได้และช่วยให้รายได้หลักของบริษัทกลับมาตามเดิม

?เราเห็นว่าถ้ารอคำสั่งศาลตัดสินน่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร ดังนั้นจึงได้มีการเจรจากับผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ก็คืบหน้าไปมากพอสมควร และหวังว่าจะสามารถสรุปได้ในเดือนตุลาคมนี้ แต่ถ้ายังสรุปไม่ได้เราจะพยายามยุติให้ได้ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะได้มีรายได้กลับเข้ามา โดยโรงงานดังกล่าวถือเป็นรายได้หลักของบริษัท?

เร่งหารายได้เสริม-ต่อยอดธุรกิจ
นอกจากนี้บริษัทยังเร่งหารายได้เสริม และลดค่าใช้จ่ายในโรงงานดังกล่าว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น รวมทั้งมีการศึกษาในธุรกิจใหม่อย่างการรีไซเคิล และการบำบัดกากของเสียบางชนิดที่ประเทศไทยยังไม่มีการดำเนินการ เพื่อเป็นการต่อยอดทางธุรกิจที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 น่าจะยังมีภาวะขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน เนื่องจากโรงงานบำบัดกากของเสียที่จังหวัดสระแก้ว ยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่บริษัทยังได้มีการหารายได้เสริมจากการรับงานการจัดการหน้างานจาก บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และยังดำเนินธุรกิจการนำขยะอุตสาหกรรมไปเผาทำลายเช่นเดิม

ลุ้นรายได้รวมปีนี้เพิ่มเป็น 200 ล้าน
ขณะที่ในไตรมาส 4 ถ้าการเจรจากับผู้ชุมนุมสำเร็จ คาดว่าน่าจะส่งผลให้รายได้จากโรงงานดังกล่าวกลับเข้ามา และจะทำให้ผลประกอบการดีขึ้น ประกอบกับบริษัทยังมีรายได้จากบริษัท เอสพีเอส คอนซอร์เตียม (SPS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเพื่อรับงานกำจัดขยะที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 30%

?บริษัทคาดการณ์ว่า รายได้ในปีนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 150 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับการเจรจากับผู้ชุมนุมว่าจะสามารถสรุปได้เมื่อไหร่ ซึ่งถ้าสามารถสรุปได้ในเดือนตุลาคมนี้ น่าจะส่งผลให้รายได้รวมทั้งปีปรับเพิ่มเป็น 200 ล้านบาท?

ปี50รุกธุรกิจต่อเนื่อง-หุ้นต่ำกว่าบุ๊ก
อย่างไรก็ตาม แผนธุรกิจในปี 2550 บริษัทมีแผนที่จะขยายงานในธุรกิจอื่นๆเพิ่มเติม โดยยังคงเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับที่ดำเนินการอยู่ เนื่องจากมองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมจะเป็นที่มีแนวโน้มที่ดีในอนาคตจากการที่ทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชนหรือแม้แต่ประชาชนให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น

ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาระยะนี้ เชื่อว่าน่าจะมาจากข่าวเรื่องราคาหุ้นที่ต่ำกว่า Book Value รวมทั้งนักลงทุนอาจจะมองถึงผลประกอบการในอนาคตของบริษัท

เก็งกำไร-แนวต้านสำคัญ 1.12-1.14 บาท
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท หลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน) หรือ ASP ประเมินราคาหุ้น PRO ว่า ยังเป็น Side Way Up ต่อจากการขึ้นในครั้งก่อน โดยมาจากประเด็นข่าวเก่า เรื่องความร่วมมือประมูลธุรกิจกำจัดขยะในสนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้น มองแนวรับที่ 1.12 บาท ส่วนแนวต้านที่ 1.02 บาท

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) หรือ CNS กล่าวว่า ระยะนี้ราคาหุ้นขึ้นมาจากข่าวเดิมๆ แต่นักลงทุนสามารถเล่นเก็งกำไรได้ ที่ผ่านมาราคายังไม่ผ่านที่แนวต้าน 1.07 บาทได้ หากเล่นขึ้นไปราคาน่าจะไปอยู่ที่ 1.12-1.14 บาท โดยถ้าขึ้นไปแล้วระวังการขายทำกำไรออกมา ส่วนแนวรับไม่ควรต่ำกว่า 1 บาท




.000002



[/color:10c8e47fce">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 19/10/2006 @ 10:43:26 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
บลจ.แบะท่าซื้อชิน โอด40บ.แพงเกิน มาริษเผย บลจ.ไอเอ็นจีสนซื้อ SHIN แต่มองราคา 40 บาทแพง เกินไป ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุบโต๊ะให้ตำรวจเศรษฐกิจสอบคดีกุหลาบแก้ว ต่อจาก สน.ทุ่งมหาเมฆ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่า นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จั

- ข่าวหุ้น
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 19/10/2006 @ 10:44:20 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:78a0118804">SINGHA เพิ่มทุน-แจกวอร์แรนท์ มั่นใจปีหน้ายอดขายโตเพิ่ม 50% [/b:78a0118804">-

กระแสหุ้น

?สิงห์ พาราเทค? รุกเพิ่มทุน 128 ล้านหุ้น ซื้อเครื่องจักรใหม่ขยายกำลังการผลิตเพิ่ม หลังออเดอร์ทะลักผลิตไม่ทันกับความต้องการ ผู้บริหารคาดอนาคตผลประกอบการพุ่ง ชี้แม้จำนวนหุ้น SINGHA มีมากขึ้น แต่จะไม่ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อหุ้นลดลง พร้อมคาดปีหน้ายอดขายโตเพิ่มอีก 50%


.000002
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 19/10/2006 @ 10:55:37 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:365d640858">เก็บPRINรับQ3กำไรโต80% :ยอดรอโอน790ล้าน เตรียมผุดเพิ่ม4โครงการ [/b:365d640858">
- ข่าวหุ้น

เล่น PRIN รับข่าวดีไตรมาส 3 กำไรโต 80% หลังมียอดขายรอโอน 790 ล้านบาท แถมกำไรขั้นต้นขยับยืน 34% ผู้บริหาร ส่งซิกผลประกอบการเป็นไปตามเป้า ส่วนทั้งปีโกยรายได้ 3 พันล้านบาท ระบุควอเตอร์ 4 ผุดบ้านใหม่ 4 แห่ง มูลค่า 3.1 พันล้านบาท

หุ้นบริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIN น่าลงทุน เนื่องจากในช่วงไตรมาส3 บริษัทอาจมีกำไรสุทธิเติบโตประมาณ 75-80% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพราะมียอดขายที่ยังไม่ได้บันทึกสูงกว่า 1,270 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2 โดยจะถูกนำมารับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ประมาณ 790 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 34% จาก 33.2% ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เพราะรายได้จากคอนโดมิเนียมเป็นส่วนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์

นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน)หรือ PRIN เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 3 บริษัทคาดว่าจะมีผลประกอบการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยส่วนหนึ่งจะรับรู้รายได้จากยอดขายในไตรมาส 2 แต่จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 75% ตามที่นักวิเคราะห์ประเมินหรือไม่คงไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้

ขณะที่ทั้งปี 49 PRIN จะมีรายได้ตามเป้าประมาณ 3,000 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 2,312 ล้านบาทเพราะจะรับรู้รายได้จากโครงการเก่าจำนวน 10 แห่งและที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายใหม่ เชื่อว่าผู้บริโภคจะให้การตอบรับโครงการของบริษัทมากขึ้น

ส่วนในปี50 จะมีรายได้เติบโตประมาณ 10-20% โดยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ 3 แห่งรวมทั้งจากโครงการใหม่ที่เปิดปลายปี 49 อีก 4 แห่ง ส่วนตัวไม่กังวลการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียม เพราะกำลังซื้อยังสูง ดังนั้นการที่บริษัทหันมาจับตลาดคอนโดฯจะไม่ได้รับผลกระทบ และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วย

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่าในไตรมาส 4 บริษัทเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยว 4 แห่งมูลค่ารวมประมาณ 3,100 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการภายใต้แบรนด์ปริญญดา 2 แห่ง คือโครงการปริญญดา เพชรเกษม-กาญจนาภิเษก โครงการปริญญาลักษณ์เพชรเกษม 69 และโครงการบ้านเดี่ยวที่อยู่ในแถบรังสิต ขณะที่ช่วงไตรมาส 3 บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมลาดพร้าว 44

ขณะที่ในปี 50 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ประมาณ 6 แห่งแบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 3 แห่ง คือ ย่านราชปรารภ มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ย่านพหลโยธินมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท และย่านนราธิวาส มูลค่าประมาณ 630 ล้านบาท โดยเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง เพราะความต้องการในระดับราคาดังกล่าวยังคงแข็งแกร่งคาดว่าจะเปิดขายพร้อมกันในเดือนก.พ.50

นอกจากนั้นยังมีโครงการทาวน์เฮ้าส์ปริญลักษณ์เอกชัย มูลค่าประมาณ 690 ล้านบาทโครงการบ้านเดี่ยวปริญญดา เกษตร-นวมินทร์ เฟศ 2 มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1 โครงการ จะเป็นบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ โดยจะเป็นโครงการขนาดใหญ่อยู่ในซอยสามัคคี มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ประเมินว่า ในไตรมาส 3 PRIN อาจมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 134 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 113 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

โดย PRIN จะบันทึกยอดขายที่รอรับรู้รายได้ประมาณ 794 ล้านบาท จากยอดขายณสิ้นไตรมาส 2 ที่มีทั้งหมด 1,270 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขึ้นต้นจากการขายที่อยู่อาศัยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 34.5% แม้ว่าบริษัทได้ถูกบันทอนด้วยงบโฆษณาที่เข้ามาในไตรมาส3 ประมาณ 15 ล้านบาท ก็ตาม

ส่วนผลประกอบการทั้งปี 49 บริษัทอาจมีกำไรสุทธิประมาณ 415 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.62 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 305 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.50 บาท และมีรายได้ประมาณ 2,987 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 2,312 ล้านบาท

โดยช่วง 9 เดือนแรกบริษัทอาจมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 285 ล้านบาทคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.43 บาท หรือเพิ่มขึ้น 93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 148 ล้านบาท และมีรายได้ประมาณ 1,904 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 1,273 ล้านบาท

ASP ได้ปรับลดผลประกอบการปี 50 ของ PRIN ลดลง เพราะปี 49 บริษัทมียอดขายที่อยู่อาศัยไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยใน 9 เดือนบริษัทมียอดขายเพียง 1,590 ล้านบาท หลังจากได้เลื่อนการเปิดโครงการใหม่ออกไป เบื้องต้นคาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ546 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.81 บาท จากเดิมที่ประเมินว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 621 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.93 บาทนายเทิดศักดิ์ กล่าว




.000002



[/color:365d640858">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 19/10/2006 @ 11:10:02 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:79fa103f38">?ทริส? คงเครดิต LOXLEY ที่ ?BBB+? [/b:79fa103f38">

Source - กระแสหุ้น

?ทริสเรทติ้ง? คงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ ?ล็อกซเล่ย์? ที่ระดับ ?BBB+/Negative? เท่าเดิมสะท้อนถึงการมีธุรกิจที่หลากหลาย ความมีชื่อเสียง และการมีฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนานซึ่งทำให้บริษัทมีบทบาทที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลายประเภท

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน (LOXL06NA, LOXL08NA) ของ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY ที่ระดับ ?BBB+? ด้วยแนวโน้ม ?Negative? หรือ ?ลบ? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการมีธุรกิจที่หลากหลาย ความมีชื่อเสียง และการมีฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนานซึ่งทำให้บริษัทมีบทบาทที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลายประเภททั้งด้านเทคโนโลยีและการค้า

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากอัตราส่วนผลกำไรที่ค่อนข้างต่ำโดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจการค้า รวมทั้งจากภาระหนี้ที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากโครงการให้บริการสลากออนไลน์ และความผันผวนของรายได้ที่มาจากงานโครงการต่างๆ

ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต ?Negative? หรือ ?ลบ? ของบริษัทสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักของบริษัทที่ยังคงต่ำเมื่อเทียบกับระดับของอันดับเครดิตที่ได้รับ ซึ่งทริสเรทติ้งจะติดตามความสำเร็จของบริษัทในการปรับโครงสร้างหน่วยงานที่มีผลงานไม่ดี ซึ่งได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและสินค้าอุปโภคบริโภคอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงความสำเร็จในการดำเนินงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ โดยบริษัทมีโอกาสที่จะถูกลดอันดับเครดิตหากไม่สามารถปรับปรุงผลประกอบการให้ดีขึ้นได้ภายใน 9-12 เดือนข้างหน้า




.000002
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 19/10/2006 @ 11:44:29 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:c68779ba41">VNGราคาหุ้นวิ่งเข้าตาโบรกเกอร์ [/b:c68779ba41">

ที่มา : ทันหุ้น
โบรกชี้หุ้น VNG ยังคงน่าสนใจลงทุนแม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/249 และโค้งสุดท้ายของปีอาจไม่เข้าตา เชื่อปีหน้าฟ้าใหม่กำลังการผลิต MDF จะหนุนผลประกอบการได้เต็มที่ รวมกับความต้องการในประเทศที่จะกลับมาขยายตัวสูงชดเชยจากที่ลดลงผิดปกติในปีนี้ แนะนำให้ ซื้อ เป้าปี 2550 ที่ 6.40 บาทต่อหุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) แนะนำ ?ซื้อ? หุ้น บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) VNG ราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 6.40 บาท คาดผลประกอบการไตรมาส 3/2549 มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและช่วงเดียวกันของปีก่อน และจัดว่าทำได้น้อยกว่าที่มองไว้สาเหตุหลักมาจากปัญหาอุทกภัยซึ่งกระทบต่อความต้องการภายในประเทศ

ประกอบกับราคาขายของไม้ปาร์ติเกิ้ลลดลง อย่างไรก็ตามยังมีมุมมองต่อแนวโน้มการขยายตัวในปีหน้าตามเดิม โดยคาดกำลังการผลิต MDF ใหม่ (เพิ่มจากเดิม 85%) ที่จะเข้ามาเต็มที่ รวมกับผลของความต้องการในประเทศที่จะกลับมาขยายตัวสูงชดเชยจากที่ลดลงผิดปกติในปีนี้ จะหนุนให้ผลประกอบการกลับมาโตอย่างโดดเด่น ดังนั้น แม้ช่วงครึ่งหลังของปี 2549 จะไม่ดีนักแต่ยังคงคำแนะนำให้ ซื้อ เป้าปี 2550 ที่ 6.40 บาทต่อหุ้น

ราคาหุ้น VNG ( 18 ต.ค.49) ปิดซื้อขายที่ 4.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 16.85 ล้านบาท




.000002



[/color:c68779ba41">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 19/10/2006 @ 11:45:47 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:cc09688d4c">MCSเทคนิคมีลุ้นนิวไฮ4.80 [/b:cc09688d4c">

ที่มา : ทันหุ้น

MCS เกาะกระแสการฟื้นตัวของญี่ปุ่นดันออเดอร์ใหม่ขยับเพิ่มไม่หยุด โบรกเกอร์มองผลประกอบการไตรมาส 3/49 โตต่อเนื่อง คาดจ่ายปันผลระหว่างกาลครึ่งปีหลังต่ออีก 0.15 บาทต่อหุ้น ด้านสัญญาณเทคนิคมีลุ้นราคาหุ้นขึ้นทำนิวไฮ ที่ 4.80 บาท

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MCS วานนี้(18ต.ค.) ปิดตลาดในราคาสูงสุดที่ 3.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 2.76% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 16 ล้านบาท

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) ASP กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 ของ MCS น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/49 ซึ่งยอดขายเพิ่มขึ้นตามยอดส่งออกสินค้าไปยังประเทศญี่ปุ่นที่มีออเดอร์เข้ามาจำนวนมาก ซึ่ง MCS มีความสามารถในการเสนอราคาอยู่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตเหล็กในญี่ปุ่น

รวมทั้งการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างทั้งในประเทศและต่างประเทศทำให้ MCS มีอำนาจในการต่อรองราคาวัตถุดิบ รวมถึงการถือหุ้นใน STPI ประมาณ 8.27% หรือ 20.68 ล้านหุ้น ทำให้ได้รับผลดีทั้งจากส่วนต่างมูลค่าเพิ่มและเงินปันผล สำหรับความสามารถในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลช่วงครึ่งปีหลังนั้น คาดว่า MCS จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในอัตราใกล้เคียงกับการจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีแรก ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท เนื่องจาก MCS เป็นหุ้นที่มีสัดส่วนหนี้ค่อนข้างน้อย

ส่วนสัญญาณเคลื่อนไหวทางเทคนิคระยะสั้น ราคาหุ้น MCS มีสัญญาณปรับตัวทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 3.80 บาท และระดับราคาซื้อขายปัจจุบันถือว่าค่อนข้างถูกกว่าราคาเป้าหมายที่ 3.90-4.00 บาท ดังนั้นสามารถซื้อเก็งกำไรเพื่อรอจังหวะขายเมื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

นางสาวภัทรวัลลิ์ หวังมิ่งมาศ นักวิเคราะห์เทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) KSEC กล่าวว่า ระยะสั้นหาก MCS ปรับตัวขึ้นสูงกว่าแนวต้าน 3.80-3.84 บาท จะมีโอกาสทดสอบจุดสูงสุดใหม่ที่ 4.80 บาท โดยกลยุทธ์การลงทุนทางเทคนิคแนะนำซื้อเก็งกำไรหรือทยอยซื้อสะสมหลังผ่านแนวต้านสำคัญ 3.78 บาท ให้แนวรับ 3.58 บาท และแนวต้านแรก 3.72-3.78 บาท แนวต้านถัดไป 3.80-3.84 บาท


.000002





[/color:cc09688d4c">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 19/10/2006 @ 11:47:04 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:923c0a345d"> EASTW เดินเครื่องหาคู่ [/b:923c0a345d">

ที่มา : ทันหุ้น
EASTW เดินหน้าเจรจาหาพันธมิตรสร้างโรงไฟฟ้ามูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เล็งกฟภ.และ EGCOMP เข้าตาสุด คาดได้ข้อสรุปภายในปี 2550 ขณะที่ผลการดำเนินงานโตเข้าเป้าคาดไตรมาส 4/2549 (สิ้นสุดเดือนก.ย.349) โตกว่าไตรมาส 3/2549 มองทั้งปีรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท ต่อไปถึงปี 2550 พุ่งเหยียบ 2,500 ล้านบาท ด้านนักวิเคราะห์ มองธุรกิจยังแกร่งพร้อมปรับรายได้และราคาเป้าหมายใหม่

?เราคาดว่าจะลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้ากว่า 3,000 ล้านบาท โดยจะร่วมกับพันธมิตรซึ่งมองว่าทางกฟภ.และEGCOMP จะเป็น 2 บริษัทที่น่าสนใจที่สุดที่จะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ในธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งดูจากศักยภาพและความพร้อมทางธุรกิจ?นายวันชัยกล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2549 (สิ้นสุดเดือนก.ย.49) คาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 3/2549 ที่ผ่านมาจากประมาณการใช้น้ำดิบทั้งในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนที่ยังคงมีปริมาณการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 (สิ้นสุดเดือนธ.ค.49) คาดว่าจะมีการเติบโตที่โดดเด่นที่สุดหลังจากมีการรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่หลังจากมีการปรับขึ้นอัตราค่าน้ำดิบอีก 0.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งมีผล
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ประมาณการรายได้รวมในปี 2549 ทั้งธุรกิจน้ำดิบ ,น้ำประปา,น้ำดื่มและท่อส่งน้ำคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,200 ล้านบาท ขณะที่ปี 2550 คาดว่าจะอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%

นายสุวัฒน์ ลิ้มไกรลาศศิริ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า EASTWมีแนวโน้มขยายตัวพอใช้ได้ เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจยังแข็งแกร่ง แต่คงจะไม่มีอะไรโดดเด่นมากนักเนื่องจากโครงการของบริษัทหลายโครงการทยอยรับรู้รายได้ไปแล้ว

ส่วนกรณีที่บริษัทหาพันธมิตรเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะช่วยเหลือด้านเงินลงทุนและความชำนาญในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า โดยจากเป้าหมายรายได้รวมปี 2549(ต.ค.48 -ก.ย.49) ที่บริษัทวางไว้ว่ามีรายได้ 1,600 ล้านบาท และปี 2550(ต.ค.49 - ก.ย.50) จะมีรายได้ 1,700 -1,800ล้านบาท อาจจะเป็นไปได้ตามเป้าหมาย โดยขณะนี้ฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการรายได้และกำไรงวดปี2549 และงวดปี 2550

ราคาหุ้น EASTW วานนี้(18ต.ค.) ปิดตลาดที่ 5.30 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 0.93% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 2.07 ล้านบาท


.000002





[/color:923c0a345d">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 19/10/2006 @ 12:29:01 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:02e0758b30">?RK?สุดฮอตราคาพุ่ง109% [/b:02e0758b30">

ที่มา : ทันหุ้น

?RK?วอลุ่มการซื้อขายยังวิ่งรับข่าวปรับโครงการผู้บริหารไม่เลิก แรงซื้อกระฉูดต่อเนื่องติดอันดับ 1 ในตลาดmai พบ 15 วันทำการราคาปรับขึ้นถึง 1.40 บาทหรือคิดเป็น 109.37% โบรกเกอร์ประเมินสัญญาณเทคนิคยังเป็นขาขึ้น บล.นครหลวงไทยแนะ?เก็งกำไรระยะสั้น? ให้กรอบการลงทุนที่แนวรับ 2.40 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3.00 บาท บล.บัวหลวง ให้กลยุทธ์การลงทุนที่แนวรับ 2.30 บาท ส่วนแนวต้าน 2.80 บาท แนะ?เก็งกำไร ด้านบล.พัฒนสิน ให้กรอบแนวรับที่ 2.26 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 2.88 บาท บล.กสิกรไทย มองระยะสั้นตั้งหลักได้แนะ?เก็งกำไร? ให้แนวรับแรก 2.42 บาท แนวรับถัดไป 2.32 บาท แนวต้านแรกอยู่ที่ 2.62 บาท หากผ่านแนวต้านแรกได้มองแนวต้านถัดไป 2.78 บาท

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัทอาร์ เค มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RK ยังคงมีแรงซื้อสะสมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2549 ซึ่งเป็นการรับข่าวผู้ถือรายใหม่ทำให้ราคาหุ้นรวมถึงมูลค่าการซื้อขายขยับสูงขึ้น จากก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวค่อนข้างซบเซา ซึ่งจากการคำนวณจากราคาปิดทำการวันก่อนหน้าจะมีการแจ้งข่าวคือวันที่ 27 กันยายน2549 ที่ราคา 1.28 บาท และการคำนวณจากราคาปิดล่าสุดวันที่ 18 ตุลาคม 2549 ที่ราคา 2.68 บาท รวม 15 วันทำการพบว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นมาสูงถึง 1.40 บาท
หรือคิดเป็น 109.37%

โดยราคาหุ้น RK ล่าสุด( 18 ต.ค.49) เปิดตลาดที่ระดับ 2.40 บาท เพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 2.68 บาท ต่ำสุด 2.28 บาท และปิดตลาดที่ 2.68 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.32 บาท หรือเปลี่ยนแปลง 13.56% และมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 112.33 ล้านบาท
สำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์ทางเทคนิค นายอภิศักดิ์ ลิ้มป์ธำรงกุล เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค

บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยถึงสาเหตุที่ราคาหุ้น RK ปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากได้รับปัจจัยจากสัญญาณทางเทคนิคที่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นโดยคาดว่าจะเป็นในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากยังถือว่าเป็นรอบการลงทุนอยู่ ดังนั้นทางฝ่ายจึงแนะนำนักลงทุน?เก็งกำไรระยะสั้น? ให้กรอบการลงทุนที่แนวรับ 2.40 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 3.00 บาท

ด้านนายธนรัตน์ อิศรกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาหุ้น RK ยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีก เนื่องจากยังรับข่าวผู้ถือหุ้นใหม่ ทางฝ่ายจึงให้กลยุทธ์การลงทุนที่แนวรับ 2.30 บาท ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 2.80 บาท แนะนำ?เก็งกำไร ?

นาย ชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน)แนะนำลงทุนตามกรอบที่ให้ไว้ โดยให้แนวรับที่ 2.26 บาท ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 2.88 บาท

นักวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า แม้จะยังไม่หมดรอบการลงทุนหุ้น RK แต่การเคลื่อนไหวค่อนข้างแกว่งตัวแรงระหว่างวัน ซึ่งมองว่าในระยะสั้นยังตั้งหลักได้ ดังนั้นจึงแนะนำ?เก็งกำไร? โดยให้กรอบการลงทุนที่แนวรับแรก 2.42 บาท แนวรับถัดไป 2.32 บาท ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่ 2.62 บาท ซึ่งหากผ่านแนวต้านแรกได้มองแนวต้านถัดไป 2.78 บาท

โครงสร้างใหม่?RK?
ภายหลังจากที่นายสุนทร มีสุวรรณ เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และมีสายสัมพันธ์ที่ดีในวงการ
ธุรกิจ ได้ซื้อหุ้นจากนายเกรียงศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ และปัจจุบันถือหุ้น 25,600,000 หุ้นหรือคิดเป็น 19.65%
ของหุ้นสามัญที่ออกและเสนอขายทั้งหมด ภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว โครงสร้างผู้ถือหุ้น 10 รายแรกคาดว่าจะมีรายชื่อ ดังนี้ 1.นายสุนทร มีสุวรรณ ถือหุ้น 25,600,000 หุ้น คิดเป็น19.65%,2.นายกิตติศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ ถือหุ้น 11,900,000 หุ้น คิดเป็น 9.14%,3.นายใหม่ พิทักษ์ ถือหุ้น 6,080,100 หุ้น คิดเป็น4.67%,4.นายธเนศ อภิวาณิชย์ ถือหุ้น 5,920,900 หุ้น คิดเป็น 4.55%

อันดับที่ 5. นางอลิสา ศศิพงศ์ปรีชา ถือหุ้น 5,920,900หุ้น คิดเป็น 4.55%, อันดับที่ 6 นายสรายุทธ สินศักดิ์จรุงเดช ถือหุ้น 5,738,500 หุ้น คิดเป็น 4.41%,อันดับที่ 7 นางสิริกาญจน์ อุ้ยธนสิริ ถือหุ้น
5,651,219 หุ้น คิดเป็น 4.34%, อันดับที่ 8 นายชยางค์ ไชยศรีหา ถือหุ้น 5,459,800 หุ้น คิดเป็น
4.19%,อันดับที่ 9 น.ส.ศรุตยา ธุรภาคพิบูล ถือหุ้น 3,010,400 หุ้น คิดเป็น2.31% และอันดับที่ 10 นายอารี อนุตริยะ ถือหุ้น 2,550,000 หุ้น คิดเป็น 1.96%

ทั้งนี้ ภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว กลุ่มรุ่งธนเกียรติ ซึ่งประกอบด้วย นาย เกรียงศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ, นายกิตติศักดิ์ รุ่งธนเกียรติ และนางสิริกาญจน์ อุ้ยธนสิริ ยังคงถือหุ้นเป็นจำนวน 18,743,607 หุ้น คิดเป็น14.39% ของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว
ใส่กราฟP32A กล่อง I



.000002




[/color:02e0758b30">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 19/10/2006 @ 12:30:06 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:291aab98bd">หุ้นกลุ่ม SHIN บวกต่อ โบรกฯมองกองทุนสนใจซื้อส่งผลดีต่อหุ้นระยะสั้น [/b:291aab98bd">

บทวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทย ระบุ บลจ.กสิกร-ไอเอ็นจี สนใจซื้อหุ้น SHIN ส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่ม SHIN ในระยะสั้น หลังจากเทมาเส็กแจ้งความจำนงที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้น SHIN ทำให้มีผู้แสดงความต้องการซื้อหุ้นของ SHIN ต่อจากกองทุนเทมาเส็กหลายราย โดยให้น้ำหนักของราคาขายและผลตอบแทนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

โดยหากประเมินจากสถานการณ์ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ ADVANC ที่ยังคงมีแรงกดดันจากการแข่งขันราคา ITV ที่มีความเสี่ยงจากเรื่องค่าปรับที่ต้องจ่ายให้กับ สปน. และ SATTEL รายได้จากการเช่าช่องดาวเทียมในต่างประเทศชะลอออกไป ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาที่เทมาเสกจะเสนอขายหุ้น SHIN จะต่ำกว่าราคาที่ซื้อมาจากกลุ่มชินวัตรที่ 49.25 บาท

ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมของ SHIN เท่ากับ 33.64 บาท อย่างไรก็ดี การลดการถือหุ้น SHIN ทำให้ความเสี่ยงจากการถูกยกเลิกสัมปทานของบริษัทในเครือหมดไปแนะ?ซื้อ? SATTEL ราคาเหมาะสม 10.47 บาทต่อหุ้น
วานนี้ นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า กองทุนของไอเอ็นจีสนใจลงทุนในหุ้นบมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) โดยจะต้องคำนึงถึงราคาที่เหมาะสมกับมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทลูกที่ SHIN เข้าไปถือหุ้นด้วย เนื่องจากการทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือในขณะนี้ไม่ได้โตแบบก้าวกระโดดเหมือนในอดีตที่ผ่านมา อีกทั้งการแข่งขันในธุรกิจสูงมาก และยังต้องลงทุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น 3G ซึ่งต้องใช้เงินมาก

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 10.27 น.
หุ้น ADVANC อยู่ที่ 95.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท (+2.69%)
หุ้น SHIN อยู่ที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+0.71%)
หุ้น SATTEL อยู่ที่ 8.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+1.14%)
หุ้น ITV อยู่ที่ 3.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง



.000002




[/color:291aab98bd">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 19/10/2006 @ 14:39:19 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:b3cb5a24e0">หุ้นแม่-ลูก THANI ราคาพุ่งพรวด หลังก.ล.ต.ไฟเขียวให้ขาย THANI-W4 [/b:b3cb5a24e0">

หุ้นแม่-ลูก THANI ราคาพุ่งพรวด โดยเมื่อเวลา 12.00 น.ราคาหุ้น THANI เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท(+9.43%) มูลค่าซื้อขาย 11.37 ล้านบาท

ส่วน THANI-W2 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 0.39 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท(+30%) และหุ้น THANI-W3 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 0.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.09 บาท(+42.86%)

เช้านี้ THANI แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ได้รับอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต.ให้เสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของ บริษัทฯ ครั้งที่ 2 ชุดที่ 4 และหุ้นที่ออกใหม่เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิฯ แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและธนาคารนครหลวงไทย (SCIB)


.000002
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 19/10/2006 @ 14:40:55 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................


[b:a65ec22427">RATCH บวก 1.90% โบรกฯคาดกำไร Q3/49 โต/เล็งชนะประมูล IPP ต้นปีหน้า [/b:a65ec22427">

หุ้น RATCH ราคาวิ่งขึ้น 1.90% มาอยู่ที่ 40.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 67.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.23 น. โดยเปิดตลาดที่ 39.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 40.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 39.50 บาท

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะซื้อลงทุนหุ้น RATCH คาดหวังเงินปันผลสูงได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าบริษัทจะได้รับสิทธิเข้าประมูลโรงไฟฟ้าใหม่(IPP)ในต้นปีหน้า เนื่องจากบริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำเป็นอันดับแรก ๆ ชองประเทศ โดยคาดว่าบริษัทจะชนะประมูลได้ไม่ยาก โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 44 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมา 18% ใน 1 เดือน อาจทำให้มีแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมาได้ ดังนั้นอาจรอจังหวะราคาอ่อนตัวค่อยทยอยเข้าซื้อ

ทั้งนี้ คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/49 ออกมามีกำไร 1,598 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.10 บาท เติบโต 8% yoy โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ผลกำไรของบริษัทในไตรมาสนี้ดีขึ้นมากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรวมที่ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาส 3/48 บริษัทได้มีการบันทึกค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าในจำนวนที่สูงถึง 257 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสที่ 3/48 มีการหยุดเดินเครื่องโรง ไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 3 เพื่อทำ minor inspection รวมทั้งรับรู้ค่าซ่อมอุปกรณ์โรงไฟฟ้า พลังความร้อนร่วม ชุดที่ 1 และ 2 เป็นจำนวน103 ล้านบาท อีกด้วย แต่ในไตรมาสนี้คาดว่าค่าซ่อมบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าจะอยู่ในระดับปกติ

.000002







[/color:a65ec22427">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#13 วันที่: 19/10/2006 @ 16:24:46 : re: .....................ข่าวสดวันนี้.......................
[b:c549360798">KPN: ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ KPN [/b:c549360798">

ตลท.ขึ้นเครื่องหมาย H หลักทรัพย์ KPN

ด้วยบริษัท บริษัท เคพีเอ็น ออโตโมทีฟ จำกัด (มหาชน) (KPN)
แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า เนื่องจากบริษัทได้รับทราบจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ของบริษัท ว่าอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนรายใหม่ โดยคาดว่าการเจรจา
จะสิ้นสุดในเวลาอันสั้น ดังนั้นเพื่อให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับทราบและทำความ
เข้าใจกับข้อมูลดังกล่าวที่บริษัทจะเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ได้อย่างทั่วถึง
KPN ได้ขอให้ตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัท
เป็นการชั่วคราว

ตลาดหลักทรัพย์จึงขึ้นเครื่องหมาย H เพื่อห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ KPN
ตั้งแต่การซื้อขายรอบบ่าย ของวันที่ 19 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป จนกว่าบริษัทจะเปิดเผย
ข้อมูลดังกล่าว ได้ครบถ้วนและชัดเจนต่อประชาชนทั่วไปผ่านตลาดหลักทรัพย์



.000002
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com