May 6, 2024   5:36:13 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > "วิชัย พูลวรลักษณ์"ชูคุณภาพนักลงทุนโจทย์ใหญ่ต้องแก
 

samjin
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 352
วันที่: 10/10/2006 @ 15:45:09
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน



บทบาทของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เริ่มโดดเด่นเป็นที่สนใจมากขึ้นเป็นระยะ หลังประสบความสำเร็จในการใช้เวทีประชุมผู้ถือหุ้น ดำเนินการเอาผิดผู้บริหาร ในกรณีฉ้อโกงบริษัทจนเป็นเหตุให้บริษัทถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ และยังทำให้วันนี้ของ วิชัย พูลวรลักษณ์ ในฐานะนายกสมาคมผู้ส่งเสริมผู้ลงทุนไทย มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันบทบาทของสมาคมฯให้เทียบชั้นต่างประเทศ โดยเฉพาะการเรียกบริษัทจดทะเบียนมาชี้แจงในทุกประเด็นที่สงสัย เพราะที่ผ่านมาสมาคมฯยังไม่มีอำนาจมากพอ ที่จะดำเนินการกับบริษัทจดทะเบียน

วิชัยเล่าว่า บทบาทของสมาคมฯไม่ใช่แค่คุ้มครองนักลงทุนรายย่อย แต่จะให้ความรู้และพิทักษ์สิทธิของรายย่อย โดยเฉพาะการให้ความรู้ ถือว่าเป็นการติดอาวุธให้นักลงทุน ไม่ใช่เป็นแมงเม่าที่คอยบินเข้ากองไฟจนกลายเป็นเหยื่อของบรรดาขาใหญ่ โดยเฉพาะในยุคที่ตลาดหุ้นมีการเก็งกำไรสูง การเข้าออกแต่ละครั้งต้องระมัดระวัง เพราะทุกวันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างก็มีการเก็งกำไร ซื้อเร็วขายเร็ว แม้บรรดานักลงทุนสถาบัน กองทุน หรือขาใหญ่ต่างๆ มีข้อได้เปรียบในเรื่องของฐานเงินทุนและข้อมูลอินไซด์ แต่สิ่งที่เป็นจุดแข็งของรายย่อย คือความคล่องตัว เข้าเร็วออกเร็ว โดยไม่กระทบกระเทือนราคาหุ้นในกระดาน ผิดจากบรรดาขาใหญ่ การเข้าเก็งกำไรในหุ้นแต่ละตัว จะมีวอลุ่มการซื้อขายหนาแน่น และเมื่อถึงจังหวะขายทำกำไร จะถล่มขายออกมาไม้ต่อไม้ จนตั้งรับไม่ทัน

นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่าเกราะที่จะต้องกันนักลงทุนรายย่อยไม่ให้เจ็บตัวอีกอย่าง คือการเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ผู้บริหารมีธรรมาภิบาลซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนก็ให้ความสำคัญกับเรื่องธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน เพราะการนำหุ้นเข้าตลาดทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่การทำราคาหุ้น และหลอกรายย่อยให้เข้าไปติดกับ แต่จะมุ่งเน้นสร้างบริษัทให้แข็งแกร่ง เพื่อเป็นเกราะป้องกันไม่ให้หุ้นของตัวเองเป็นเหยื่อของนักปั่น ?ผมเชื่อว่าหากบจ.มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง มีธรรมาภิบาลที่ดี ใครก็ทำอะไรไม่ได้ นักลงทุนก็จะมีข้อมูลเท่ากัน แต่รายใหญ่จะได้เปรียบที่เงินทุนและอินไซด์ ดังนั้นบริษัทจดทะเบียนต้องสร้างภูมิคุ้มกันตัวเอง ด้วยการยึดหลักธรรมาภิบาล? วิชัยกล่าว

ความเห็นข้างต้นของวิชัย เป็นสิ่งที่เขาพยายามบอกกับนักลงทุนมาโดยตลอด เพราะนอกจากบทบาทในฐานะนายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยแล้ว หมวกอีกใบของวิชัยคือการเป็นบอร์ดบริษัทเมเจอร์ซีนิเพล็กซ์ และในอดีตเคยเป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งแต่ละบริษัทล้วนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เขาสามารถเข้าถึงความหมายของคำว่า ความโปร่งใสและธรรมาภิบาลได้อย่างลึกซึ้ง วิชัยกล่าวว่าสมาคมฯจะทำหน้าที่เชื่อม ระหว่างบริษัทจดทะเบียน หน่วยงานควบคุมตลาดทุน ทั้งก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งนักลงทุน โดยจะทำความเข้าใจความต้องการของแต่ละส่วนว่าต้องการอะไร เพื่อที่จะประสานความร่วมมือกันในการพัฒนาตลาดทุน และสร้างเกราะป้องกันให้กับนักลงทุนรายย่อย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมฯเป็นแกนนำกระตุ้นรายย่อยให้เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น และปีนี้เป็นปีแรกที่สามารถเข้าร่วมประชุมผู้ถือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ครบจำนวน 433 บริษัท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีต่ออุตสาหกรรมและนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากสมาคมถือเป็นส่วนหนึ่งในการติดตาม หรือเฝ้าดูบริษัทจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางไม่โปร่งใส และเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ตื่นตัว และให้ความสำคัญในการร่วมประชุมผู้ถือหุ้น จากการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด 433บริษัท พบว่า 225 บริษัทสามารถจัดการประชุมผู้ถือหุ้นได้ตามเกณฑ์ และวิธีการที่รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลให้ผู้ถือหุ้นได้รับทราบมติการประชุม ผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์ และพบ 10บริษัทไม่มีการตั้งใจประชุมจริง เป็นเพียงการจัดฉากเท่านั้น วิชัยย้ำว่าสมาคมไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเข้าประชุมผู้ถือหุ้นเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นตลาดหลักทรัพย์หรือสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แทน เพื่อนำข้อมูลจากแต่ละแห่งมาแบ่งปันกัน และนำมาพิจารณาดูว่าข้อมูลที่เปิดเผยมีความแตกต่างกันหรือไม่ ซึ่งขณะนี้พบแล้วอย่างน้อย 2บริษัทที่สามารถเอาผิดได้ แต่ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าอยู่ในการพิจารณาของหน่วยงานใด

อย่างไรก็ตามแม้สมาคมฯจะพยายามกระตุ้นให้รายย่อยตื่นตัว ในการหาความรู้เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเอง แต่ใช่ว่าจะมีนักลงทุนมาร้องเรียนมากมาย เพราะนักลงทุนต่างก็รู้ดีว่าสมาคมฯไม่มีดาบที่จะจัดการกับบรรดานักปั่นหุ้น หรือแม้กระทั่งบริษัทจดทะเบียนที่มีปัญหาด้านงบการเงิน จึงหันไปร้องเรียนผ่านหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง ก.ล.ต.แทน แต่ปัญหาข้างต้น ใช่ว่าจะทำให้วิชัยหมดความอดทนและท้อแท้ แต่เขายิ่งพยายามยกระดับของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยให้เทียบชั้นต่างประเทศ เพื่อที่จะมีอำนาจมากพอที่จะเรียกผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจะต้องชี้แจงข้อมูลทุกประเด็น ?สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนของสิงคโปร์มีอำนาจมาก สามารถเรียกบริษัทจดทะเบียนมาให้ข้อมูลได้ทุกบริษัท ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับสมาคมฯเหมือนสิงคโปร์ ซึ่งเป็นความฝันที่ผมอยากจะเห็นในอนาคต?วิชัยกล่าว

ทั้งนี้การสวมหมวกนายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยของวิชัย มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับบทบาทการเป็นนักธุรกิจ เพราะสมาคมฯเป็นองค์กรอิสระทำงานให้สังคม จึงต้องมองสิ่งแวดล้อม เพราะเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ซึ่งจะต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน และปัจจุบันสมาคมฯมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับระยะเวลาที่เหลือในตำแหน่งนายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยอีก 2 ปี วิชัยบอกว่าจะพยายามพัฒนาคุณภาพของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะหากเทียบในปริมาณของนักลงทุนและคุณภาพแล้ว ต้องยอมรับว่าไทยแพ้เพื่อนบ้าน ซึ่งถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทางสมาคมจะต้องเร่งดำเนินการ เพื่อที่นักลงทุนบ้านเราจะรู้ทันเกมการลงทุนอย่างรอบด้าน



กรุงเทพธุรกิจ[/color:aabde67d9e">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com