May 6, 2024   7:05:45 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > จับจังหวะเก็บหุ้นแบงก์ราคาต่ำ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 10/10/2006 @ 11:47:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2


บล.โกลเบล็ก มองงบกลุ่มแบงก์ไตรมาส3/2549 ไม่ประทับใจ เพราะต้นทุนพุ่งฉุดกำไรหด คาดราคาหุ้นทั้งกลุ่มถูกกดดันระยะสั้น แต่แนะฉวยจังหวะเก็บหุ้นราคาต่ำ รอการขับเคลื่อนสินเชื่อในปีหน้า มองSCIBเป็นพระเอก มีกำไรฟื้นจากไตรมาสก่อน คาดได้ปันผลวายุภักษ์และเงินลงทุนเข้ากระเป๋าเพิ่ม ผลขาดทุนจากบริษัทในเครือไม่สูงเท่าไตรมาสก่อน

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด แนะนำ?ซื้อ?หุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ ได้แก่ BBL โดยให้ราคาเหมาะสมปี2550ที่ 140.00 บาท และKBANK ที่ 80.00 บาท ส่วนระยะสั้นแนะนำSCIB ซึ่งแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส4/2549ของกลุ่มธนาคารชะลอต่อเนื่อง ทั้งยังถูกเบนความสนใจในการลงทุนจากการขายหุ้นในประเทศจีน ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารอาจปรับลงระยะสั้น ซึ่งถือเป็นโอกาสเข้าซื้อและลงทุนเพื่อการเติบโตของกลุ่มในปีหน้าเพราะการลงทุนของภาคเอกชน และการบริโภคจะช่วยขับเคลื่อนสินเชื่อของธนาคารในปีหน้า รวมทั้งการแข่งขันเงินฝากลดความรุนแรงลง

สำหรับไตรมาส3/2549กำไรทั้งกลุ่มลดลง 18% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหรืออยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาทเพราะค่าใช้จ่ายภาษีเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายพิเศษจากการตัดจำหน่ายหลักประกันเครื่องจักรในส่วนหนี้ที่โอนให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย(บสท.)บริหาร

โดยไตรมาสนี้คาดว่าSCIB จะเป็นพระเอกเพราะมีกำไรสุทธิฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และไม่มีผลเกี่ยวเนื่องจากบสท.ให้กังวลในไตรมาสนี้ และไตรมาสหน้าเหมือนธนาคารอื่นเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ซึ่งเกิดจากสินเชื่อโตจากนโยบายสินเชื่อที่ผ่อนคลายมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังมีสภาพคล่องจากตั๋วAMCNote ,รายการพิเศษกลับรายการรายได้ดอกเบี้ยหลังตัดจำหน่ายออกไปในไตรมาสก่อน และรายได้ปันผลวายุภักษ์ 200 ล้านบาท ไม่มีผลขาดทุนจากบริษัทในเครือสูงเท่าไตรมาสก่อน รวมทั้งมีรายการพิเศษจาการขายเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท

ด้านคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) SCB กล่าวยอมรับว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2549 ของธนาคารเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2549 เนื่องจากต้นทุนการเงินสูงขึ้น ส่วนแนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 4/2549 คาดว่ายังเร็วเกินไปที่เห็นการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เวลาพิจารณานานกว่าการลงทุนในประเทศ แม้จะมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศจะคล้ายกับในต่างประเทศ โดยคาดว่าครึ่งปีหลัง2550อาจจะเห็นการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย โดยขึ้นอยู่กับความร้อนแรงของเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจร้อนแรงเพราะราคาน้ำมันเริ่มทรงตัว และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับเงินฝาก

สำหรับภาษีที่ได้รับการยกเว้นในการโอนจากการปรับโครงสร้างหนี้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ ซึ่งธนาคารได้ชี้แจงให้ทางการเข้ามาดูแล โดยทางการควรที่จะมีการต่ออายุการคิดภาษีที่เก็บจากการปรับโครงสร้างหนี้ให้อยู่ระดับเดิม ซึ่งเป็นการต่ออายุแบบถาวรโดยอาศัยหลักการที่ว่า ถ้ามีการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เจ้าหนี้และลูกหนี้ให้การยอมรับคงคิดภาษีตามกฎเกณฑ์เดิม

ทั้งนี้การคิดภาษีจากการปรับโครงสร้างหนี้เป็นเรื่องสำคัญ และเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างชัดเจน เพื่อให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มีแรงจูงใจปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งหากทางการไม่ต่ออายุให้สถาบันการเงินจะมีค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างหนี้สูงถึง 12%

SCIB(9 ต.ค.)ปิดที่ 20.50 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 1.91% มูลค่าซื้อขาย 13.82 ล้านบาท

ที่มา ทันหุ้น


[/color:8347f3c82b">

^_^

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com