May 6, 2024   5:25:06 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > พอร์ตหุ้นครม.พอเพียง
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 09/10/2006 @ 13:00:15
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หลังจากประเทศไทยได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่คนที่ 24 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในสัปดาห์นี้ถึงคราวเปิดตัวคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ล้วนแต่เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ บรรดาคนในแวดวงตลาดหุ้นส่องกล้องครม.ชุดนี้ สอบผ่านฉลุย มั่นใจเรียกความเชื่อมั่นกลับได้โดยเร็ว ดันภาพตลาดหุ้นกลับมาสดใสอีกครั้ง เชื่อเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อหลังนโยบายสำคัญยังไม่เปลี่ยน โดยเฉพาะนโยบายเร่งผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ รถไฟฟ้า ส่งสัญญาณชัดเจนว่ายังคงมีนโยบายผลักดันโครงการที่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาวะในประเทศหลังราคาน้ำมันร่วง รูดเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยหดตาม ยิ่งช่วยหนุนภาพรวมการลงทุนดียิ่งขึ้น ด้านบทวิเคราะห์ บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี แนะกลยุทธ์รอบนี้ เลือกลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ได้ผลดีจากดอกเบี้ยลด BBL ? SCIB ผู้ผลิตต้นทุนลดลง SCC ส่วนกลุ่มหุ้นมีปัจจัยบวกหนุน BANPU-TPI-AOT- TCAP และหุ้นที่ไม่ผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ TUF-PSL-SATTEL

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ นักเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยว่า ความชัดเจนโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)ชุดใหม่ในสัปดาห์นี้คาดว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติกลับมาได้ระดับหนึ่ง ซึ่งรายชื่อที่ปรากฎอยู่ในทีมเศรษฐกิจชุดใหม่นี้ถือว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และเหมาะที่จะเข้ามาบริหารงานในช่วงเปลี่ยถ่ายอำนาจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

?ผมเห็นรายชื่อทีมเศรษฐกิจหลายๆคนก็ถือว่าดี ทุกคนมีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ ที่จะเข้ามาบริหารประเทศชาติให้ผ่านได้ได้ด้วยดีซึ่งคงจะสร้างความเชื่อมั่นในกับนักลงทุนได้ และคงจะเข้ามาวางรากฐานที่เข้มแข็งเอาไว้?นายอนุสรณ์กล่าว

ส่วนภาพรวมของตลาดหุ้นไทยหลังการได้ครม.ชุดใหม่นี้คงสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติกลับมาได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากเป็นรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาบริหารงานเฉพาะกาล และคงต้องรอเวลาที่ประเทศไทยจะเดินหน้าไปสู่การปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบในช่วงเวลาอีก 1 ปีนับจากนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต่างชาติอยากเห็นมากที่สุด

อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่ควรวิตกกังวลเนื่องจากในส่วนของนโยบายเศรษฐกิจจริงๆของประเทศไทยยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เศรษฐกิจยังสามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ โดยปัจจัยสำคัญที่ชี้อยู่ตอนนี้คือเรื่องของทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งช่วงนี้ราคาน้ำมันก็เริ่มที่จะปรับตัวลงมาต่อเนื่อง ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อรวมถึงอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาพรวมการลงทุน

ส่วนในมุมของนายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า คาดว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยแปลงหลังได้ครม.ชุดใหม่ ซึ่งคงต้องมาดูในส่วนของนโยบายเศรษฐกิจที่จะออกมาอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามมองว่าความชัดเจนของการเมืองไทยจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติให้กลับดีขึ้นมาเป็นลำดับ

?เรื่องของตัวบุคคลผมให้น้ำหนักน้อยกว่านโยบายที่จะออกมามากกว่า ซึ่งโฉมหน้าครม.ชุดใหม่คงทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นบ้าง แต่จะให้ดีอย่างชัดเจนคงต้องมาดูกันที่นโยบายที่จะออกมามากว่า?นายอดิศรกล่าว

ส่วนการที่ภาครัฐเดินหน้าเร่งสานต่อโครงการสาธารณูปโภค อาทิ โครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ก็คงเป็นการส่งสัญญาณที่ดีของการสานต่อนโยบายที่สำคัญและเร่งด่วนเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาโดยเร็ว

ครม.ชุดหัวกะทิ
ส่วนบทวิเคราะห์บริษัท ทีเอ็มบี แมคควอรี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเปิดตัวในสัปดาห์นี้คาดว่าจะประกอบไปด้วยนักธุรกิจใหญ่ ซึ่งน่าจะทำให้รัฐบาลชุดนี้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

?คณะรัฐมนตรีชุดใหม่น่าจะมีภาพลักษณ์ที่ดีและเพิ่มความเชื่อมั่นได้ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่มีรายชื่อของผู้ที่มีความรู้ความสามารถอาทิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ,นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฏ์ ผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงเทพ และดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ซึ่งเชื่อว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้กับรัฐบาลรักษาการชุดนี้ได้อย่างแน่นอน?

ยุคเศรษฐกิจพอเพียง
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าในช่วงที่เหลือของปี 2549 คาบเกี่ยวไปถึงปี 2550 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสำหรับประเทศไทย ซึ่งจะมีการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่จากการเน้นการเติบโตของเศรษฐกิจแบบสุดโต่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กลับมาเป็นแบบเศรษฐกิจพอเพียง

ทั้งนี้มองว่าการที่มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจนทำให้มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์ลงทุน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำซื้อหุ้นธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL ราคาเป้าหมาย 130 บาท และ SCIB ราคาเป้าหมาย 23 บาท ซึ่งได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวลง และบริษัทผู้ผลิตที่ได้ประโยชน์จากต้นทุนการผลิตที่ลดลง โดยแนะนำซื้อ SCC ให้ราคาเป้าหมายที่ 299 บาท

รวมทั้งหุ้นที่มีเหตุการณ์เฉพาะตัวเป็นปัจจัยผลักดันราคาหุ้นแนะ?ซื้อ? BANPU เป้าหมาย 155 บาท หุ้น TPI เป้าหมาย 9.60 บาท หุ้น AOT เป้าหมาย 75 บาท และหุ้น TCAP เป้าหมาย 18 บาท และกลุ่มหุ้นที่ไม่ผันผวนกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศแนะนำซื้อ TUF ราคาเป้าหมาย 32 บาท หุ้น PSL ราคาเป้าหมาย 48 บาท และ SATTEL เป้าหมาย 22.00 บาท


[/color:2332a7220f">

.000009 .000009 .000009

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com