samjin สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 352 | #1 วันที่: 04/10/2006 @ 01:49:28 : re: กูรูแนะหนีหุ้นสายการเมือง หวั่นเจอหางเลขตรวจสอบถล่มซ้ำ - นายกฯเร่งเรียกความมั่นใจกลับคืน
อย่างไรก็ตาม ความไม่มั่นใจในความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ของนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนออกมาให้เห็นผ่านการเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มธนาคาร ที่โดนเทขายออกมาอย่างหนัก ซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งเป็นการโยกเงินลงทุนไปลงทุนในหุ้น IPO ของธนาคารไอซีบีซี ยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้กลางเดือน ต.ค.นี้ และการขายสุทธิอีกหลายครั้งของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยส่งผลให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่เร่งเรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนกลับคืนมา
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ก็มีการพยายามทาบทามบุคลากรที่ได้รับการยอมรับในวงการต่างๆ มาร่วมอยู่ในคณะรัฐมนตรี เพื่อเรียกความมั่นใจที่มีต่อประเทศไทยรวมทั้งการลงทุนกลับคืนมา โดยหลังจากที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตอบรับเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีแล้ว ล่าสุดนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธ.กรุงเทพ(BBL) เผยว่าเขาจะเข้าร่วมรัฐบาลในกระทรวงด้านเศรษฐกิจด้วย แต่ยังไม่ระบุตำแหน่งว่าจะเข้านั่งในตำแหน่งใด
ตกลงจะเข้าร่วมรัฐบาล แต่ยังไม่รู้ว่าท่านนายกฯจะให้อยู่กระทรวงไหน ตำแหน่งอะไร แล้วแต่ท่านนายกฯจะพิจารณาให้ตามความเหมาะสม แต่คงเป็นกระทรวงทางด้านเศรษฐกิจ จะอยู่ตามวาระรัฐบาลชุดนี้ 1 ปีนายโฆสิต กล่าว
สำหรับนายโฆสิต เป็นหนึ่งในคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจชุดที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นประธาน ซึ่งคณะที่ปรึกษาชุดนี้แต่งตั้งโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา
ขณะที่นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยหลังการหารือกับ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ว่านายกรัฐมนตรีเตรียมตัวที่จะเดินทางเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศอย่างน้อย 3 รายการ หลังจากเข้ารับตำแหน่ง โดยเริ่มจากการประชุมซัมมิทอาเซียน-จีน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 30-31 ต.ค.นี้ที่เมืองหนานหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน
หลังจากนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 11-13 พ.ย. และการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่เวียดนาม ในระหว่างวันที่ 15-19 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ตามที่ได้กำหนดไว้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อของบุคคลที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีได้
- สมาคมนักวิเคราะห์ยืนยันเป้าดัชนีหุ้นเดิมที่ 740 จุด
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์ฯ กล่าวว่าสมาคมฯ ยังไม่มีการปรับดัชนีหุ้นเป้าหมายปลายปี พ.ศ. 2549 โดยยังคงอยู่ในระดับ 740 จุด ตามที่เคยทำการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2549 และคาดว่าสมาคมฯ จะทำการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์อีกครั้งประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ เพื่อสำรวจว่าสมาชิกมีการปรับดัชนีหุ้นเป้าหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่
ทั้งนี้ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ได้จัดทำแบบสอบถามนักวิเคราะห์ ถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้น ในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2549 ซึ่งรวมถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ รวมถึงน้ำหนักความสำคัญของข่าวการเตรียมวางระเบิดลอบสังหารรักษาการนายกรัฐมนตรี ผลกระทบหากการเลือกตั้งล่าช้าออกไป 30-60 วัน แนวโน้มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน กลุ่มธุรกิจที่แนะนำให้ลงทุน รวมถึงสรุปคำแนะนำ ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์แสดงความเห็นรวม 19 แห่ง
ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงเดือนกันยายน ? ธันวาคม 2549 ในความเห็นของนักวิเคราะห์ 3 อันดับแรก คือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทรงตัวเนื่องจากน่าจะถึงหรือใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งมีผู้ตอบร้อยละ 68 อันดับที่สองมีสองปัจจัยที่มีผู้ตอบเท่ากันหรือร้อยละ 53 คือ ปัจจัยการเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น โดยจะมีการเลือกตั้งและรัฐบาลชุดใหม่ในอีกไม่นาน และการมีกระแสเงินทุนไหลเข้า และอันดับที่สามคือ อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งมีผู้ตอบร้อยละ 37
สำหรับปัจจัยลบที่สำคัญตามความเห็นของนักวิเคราะห์ ลำดับแรกที่เสียงเกือบทั้งหมดเห็นตรงกันคือ ประเด็นทางการเมือง ซึ่งรวมถึงความขัดแย้งและการเลือกตั้งที่ล่าช้า โดยมีผู้ตอบร้อยละ 95 รองลงมามีผู้ตอบร้อยละ 47 คือราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และลำดับที่สาม คือ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มีผู้ตอบร้อยละ 37
นักวิเคราะห์เกือบทั้งหมดที่ตอบคำถามหรือร้อยละ 79 ให้ความสำคัญน้อยต่อข่าวเรื่องความพยายามในการลอบสังหารรักษาการนายกรัฐมนตรี สำหรับผลกระทบของการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปอีก 30-60 วัน ที่มีต่อตลาดหุ้น นักวิเคราะห์ร้อยละ 42 มองว่ามีผลกระทบน้อย และร้อยละ 37 เห็นว่ามีผลกระทบปานกลาง
นักวิเคราะห์ปรับประมาณการตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2549 ลดลงจากผลสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ หรือ GDP Growth เฉลี่ยที่ 4.2% ซึ่งใกล้เคียงกับการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 4.3% โดยมีผู้ประมาณการสูงสุดในรอบนี้ที่ 4.9% และต่ำสุดที่ 3.8% ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน หรือ EPS Growth ลดลงเมื่อเทียบกับการสำรวจครั้งก่อน โดยมีอัตราเฉลี่ยที่ -0.7% จากเดิม 2.8% ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลเฉลี่ย 30 ล้านดอลลาร์สรอ. จากที่เคยประมาณการขาดดุล 2.6 พันล้าน โดยในครั้งนี้คาดการณ์ขาดดุลสูงสุดที่ 5 พันล้านและเกินดุลสูงสุดที่ 3.7 พันล้านดอลลาร์สรอ.
สำหรับตัวเลขสำคัญ ณ สิ้นปี 2549 นักวิเคราะห์คาดว่า เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นจากที่คาดไว้เดิม โดยอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและดอลลาร์สรอ. เฉลี่ยอยู่ที่ 37.6 บาท มีผู้ประมาณค่าเงินบาทอ่อนสุดที่ 38.5 และค่าเงินแข็งสุดที่ 36.5 บาท มุมมองของนักวิเคราะห์ต่ออัตราดอกเบี้ย RP 14 วัน โดยเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 5.1% จากเดิมที่คาดไว้ 5.3 % และมีอัตราสูงสุดคือ 5.6% ต่ำสุด 5% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Index เฉลี่ยที่ 740 จุด ซึ่งลดลงจากการสำรวจที่ผ่านมาที่ 800 จุด โดยมีประมาณการสูงสุด 800 จุดและต่ำสุด 687 จุด
ส่วนกลุ่มธุรกิจที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ 3 อันดับแรก คือ ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และพลังงานทั้งนี้เห็นว่ากลุ่มธนาคารจะได้ผลดีจากทิศทางอัตราดอกเบี้ยชัดเจน ราคาน้ำมันเริ่มลดลง ทำให้ภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น สินเชื่อและการลงทุนมีโอกาสขยายตัว กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ย และราคาที่ปรับตัวลงมามากแล้ว ในขณะที่ผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้น
ส่วนกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ มีผลกำไรดี และแนวโน้มราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งความต้องการยังมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง นักวิเคราะห์มีคำแนะนำในการลงทุนสำหรับปี 2549 โดยเห็นว่าเป็นช่วงที่ควรทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ หุ้นที่มีพื้นฐานดี หุ้นปันผลสูง หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายรัฐ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในช่วงสิ้นปี เนื่องจากเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุดแล้ว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังชะลอตัวลง และเชื่อว่าความมั่นใจผู้บริโภคจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นหลังเลือกตั้งและได้รัฐบาลชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม เตือนผู้ลงทุนจับตาเหตุการณ์สำคัญเพื่อปรับพอร์ตได้ทันเมื่อมีสัญญาณลบเกิดขึ้น
ที่มา efinance.com |