บรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นวานนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หรือน่าวิตกกังวล
เพราะการแกว่งตัวไปมาของดัชนีทั้งในแดนบวก และแดนลบ เป็นการทดสอบประสาทของนักลงทุนแข็งแกร่งเพียงใด
หลังตลาดหุ้นถูกรุมล้อมด้วยปัจจัยลบต่างๆ นาๆ จนแทบจะยืนไม่ติดนะซี

*โชคดีที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เล็งเห็นโอกาสมากกว่าวิกฤติ เลยแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นมากกว่าเทขายหุ้น
ผลสุดท้ายเลยเป็นการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อย กับแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ
ส่วนบทสรุปจะออกมาเป็นเช่นไร อันนี้ต้องติดตามดูกันเอาเองพะยะค่ะ

*ส่วนเรื่องที่ทำให้ โมนิก้า เจ็บกระดองใจมากเป็นที่สุด
ก็คือ การโกหกคำโตของผู้บริหารบริษัทอื้อฉาวที่ออกมายืนยัน นั่งยัน และตะแคงยันว่า
กลุ่มบุคลที่เข้ามาทำธุรกิจกับบริษัทมิได้มีความสัมพันธ์แนบแน่นสนิทชิดเชื้ออย่างที่มีการกล่าวหา
ซึ่งเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจดำดวงน้อยๆ ของเดี๊ยนเป็นอย่างมาก
เพราะนึกไม่ถึงว่าคนเคยร่วมเตียงเคียงหมอนจะออกมาพูดหน้าด้านๆ

*จริงอยู่ว่า ทางนิตินัยอาจไม่เกี่ยวข้อง แต่ทางพฤตินัยปฏิเสธไม่ได้ดอก
เพราะคนวงในต่างรู้ดีแท้ที่จริงมันก็คือ คนกลุ่มเดียวกัน
หากตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังหลงเชื่อคำชี้แจงที่ฟังดูทะแม่งๆ และไม่มีความน่าเชื่อถืออีกหล่ะก้อ...
โมนิก้า คิดว่าผู้บริหารตลาดฯชุดนี้หน่อมแหน่มไปหน่อย ...
เพราะชาวบ้านชาวเมืองเข้ารู้กันทั่วคุ้งทั่วแควว่าอะไรเป็นอะไรทั้งนั้นนะจะบอกให้

*ทางที่ดี เจ๊ภัทรียา เบญจพลชัย สั่งการตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวดังกล่าวโดยด่วนจะดีกว่า
เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะกอบกู้วิกฤติศรัทธาคืนมาได้
หลังจากปล่อยให้เรื่องรวบตัวแก๊งปั่นหุ้น IEC 33 รายที่บอกว่ารู้มีใครบ้าง เงียบเป็นเป่าสาก และสลายไปกับลม...
มันทำให้ภาพลักษณ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เหม็นเน่าขึ้นเรื่อยๆ พับผ่าซิ

*เนื่องจากองค์กรแห่งนี้ไม่ค่อยทำอะไรประทับใจนักลงทุนรายย่อย
แถมที่ผ่านมาก็ต้องให้เดี๊ยนเป็นปากเป็นเสียงแทนนักลงทุนทุกครั้งไป
แบบนี้ ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจกันบ้างเลยหรืองั้ย...
มิหน่าเขาถึงว่ากันว่า คนในตึกนั้นมีอาการตายด้านกันหมด และชอบทำเรื่องใหญ่ๆให้เป็นเรื่องเล็กๆ
แต่พอเรื่องเล็กๆ กลับทำเป็นเรื่องใหญ่ๆ...
จริงหรือไม่อย่างไร ลองต่อสายไปถาม บจ.ขนาดเล็ก ที่เคยโดนตลาดฯ สอยดูซิ
แล้วจะรู้ซึ้งถึงคำพังเพยที่ว่า ...ไม่อึ ถ้าไม่มีมูล นั้นเป็นเช่นไร อิอิอิอิ

*ส่วนการลาออกจากตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ใน อสมท.(MCOT)
ของเฮีย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พร้อมกับคณะกรรมการนั้น
มีคนถาม โมนิก้า ว่าควรรู้สึกดีใจ หรือเสียใจ เดี๊ยนถึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้ตอบให้หายข้องใจว่า
คนที่มากับการเมืองก็ต้องไปพร้อมกับการเมือง เลยรู้สึกเฉยๆ กับข่าวการลาออกยกกะบิ
เพราะเป็นทางออกที่สวยสดงดงามที่สุดในยามนี้

*เดี๊ยนเลยบอกไม่ได้ว่า ดีใจ หรือเสียใจ
แถมที่ผ่านมาพี่มิ่งขวัญไม่เคยทำตัวเป็นตัวแทนภาครัฐที่คอยปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ
แต่กลับแสดงออกด้วยการขานรับรัฐบาลเต็มๆ ถึงไม่แปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...
และคนที่เสียดายสุดๆ ก็คงเป็นพนักงานของ อสมท.เพราะตั้งแต่คุณพี่เข้ามาดำรงตำแหน่ง
รายได้และกำไรของบริษัทโตขึ้นมาก รวมทั้งสวัสดิการและโบนัสก็เพิ่มขึ้นมากโข
การจากไปของผู้บริหารรายนี้ น่าเป็นข่าวร้ายสำหรับพนักงานโดยตรง
ส่วนราคาหุ้นในกระดานวานนี้ปิดราคาต่ำสุดของวันที่ 33.50 บาท จากราคาสัปดาห์ก่อน 40 บาท

*ผิดกับในรายของ สรยุทธ์ สุทัศนจินดา เขาว่ากันว่าเป็นผู้ที่ดีใจมากสุด
เพราะการจากไปของผู้บริหารรายนี้ ทำให้การเช็คบิลเรื่องการออนแอร์เกินเวลา
และการแบ่งปันรายได้ที่ค้างคายุติลงในทันที่นั่นเอง...
ส่วนข่าวดังกล่าวจะจริงเท็จอย่างไร เดียนก้ไม่ทราบเหมือนกัน เหมือนเขาพูดกันมาแบบนี้ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง...
ขนาดวันก่อน อสมท.ยืนยันว่าไม่มีผู้บริหารลาออก แต่สุดท้ายกลับลาออกยกขบวน
ทำให้เดี๊ยนต้องพูดถึงรายละเอียดทุกแง่ทุกมุมที่ได้ยินมาพะยะค่ะ

*สำหรับหุ้นกลุ่มแบงก์ที่นักวิเคราะห์คาดจะมาแรงเป็นพิเศษ เพราะใกล้ถึงเวลาปิดงบไตรมาส 3
เลยอาจมีการดันราคาเพื่อทำ window dressing นั้น
โมนิก้า ขอให้นักลงทุนอย่าได้หลงเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะใช่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ทุกครั้งไป
ยิ่งตอนนี้นักลงทุนต่างชาติหันมาเทขายหุ้นทุกวี่ทุกวันอย่างนี้
เผลอๆ windowdressing อาจไม่ทำงานเอาดื้อๆ ก็ได้นะค่ะ

เอ.....อ่านติดตามโมนิก้ามา 3 ปี...ชักอยากเจอตัวเป็นๆๆซะแล้ว

จะเตรียมน้ำไปด้วย แม่กะตบล้างน้ำซะหน่อยรู้ดีนัก....

ทำไมไม่บอกชาวบ้านก่อนหุ้นขึ้นล่ะ...หุ้นวิ่งเธอก็แช่งซะ

หุ้นตกเธอสมน้ำหน้า.....ชีวิตเธอคงมีแต่มองในแง่ลบหมด...

อยากเจอ.... ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2 ฟฟฟฟ2