.0005

[b:4e3f26d87f">1) PS ตั้ง 2 บริษัทย่อยทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัย [/b:4e3f26d87f">

รายละเอียดของแต่ละบริษัท เป็นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านที่อยู่อาศัย มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แบ่งเป็น 10,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท โครงสร้างการถือหุ้น PS ถือหุ้น 9,993 หุ้น สัดส่วน 99.93% และ ผู้ถือหุ้นรายย่อย 7 ราย จำนวน 7 หุ้น สัดส่วน 0.07%
แหล่งที่มาของเงินทุน เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

[b:4e3f26d87f">2) TOP ขายที่ดินพร้อมสถานีบริการน้ำมันให้ PTT ในราคา 105 ลบ. [/b:4e3f26d87f">

นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บมจ.ไทยออยล์(TOP) เปิดเผยว่า ด้วยคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2549 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ขายที่ดินพร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างสถานีบริการน้ำมันของบริษัทฯ บริเวณหน้าโครงการธนาซิตี้ ตามโฉนดที่ดินหมายเลข 62042 และ 80376 ตำบลบางโฉลง อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ให้แก่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) ในราคา 105 ล้านบาท

และมีการประเมินราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด โดย American Appraisal Thailand LTD (AAT) ซึ่งเป็นบริษัทประเมินราคาอิสระราคาประเมินในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 เป็นจำนวนเงิน 102 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เป็นผู้รับผิดชอบค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนทั้งหมด

ดังนั้น บริษัทฯ และ ปตท. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2549 โดยปตท.เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ จำนวน 1,010,647,483 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 49.54 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ

บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์ด้านการตัดลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการสถานีบริการน้ำมันตามแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากปัจจุบันสถานีบริการน้ำมันดังกล่าว มีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก และครบกำหนดต้องซ่อมแซมบูร
ณะครั้งใหญ่ ซึ่งต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผลประกอบการที่ได้รับ ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสภาพ และไม่คุ้มค่าที่จะเปิดดำเนินการต่อไป





^_^

.0003

[b:6bbda27656">3) บอร์ด CITY อนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 48/49 หุ้นละ 0.16 บ. จ่าย 27 ธ.ค. [/b:6bbda27656">
[b:6bbda27656">
4) บอร์ด PA อนุมัติเข้าซื้อโรงแรมเชดี ภูเก็ต มูลค่า 241.17 ลบ.[/b:6bbda27656">

[b:6bbda27656">5) D1ทุ่มทุนสร้างA-Host 23ล้าน [/b:6bbda27656">

ดราก้อน วัน พ่นไฟแผ่รัศมีเพิ่มทุนใน A-Host จาก11 ล้านบาท เป็น 23 ล้านบาทหวังกุมบังเหียนผู้ถือหุ้นรายใหญ่100% ระบุแผนการลงทุนครั้งนี้เพราะมองศักยภาพ A-Host นั้นแจ๋วจริงเหมาะแก่การสร้างผลกำไรในอนาคต พร้อมทุ่มงบ 3.2 ล้านบาทจัดตั้งบริษัทย่อยดราก้อน ดูไบ ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนสำหรับนักลงทุนในดูไบที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย บทวิเคราะห์ค่ายแอ๊คคินซันประเมิน A-Host จะสร้างรายได้ให้บริษัทไตรมาส 4/2549 สูงถึง 100 ล้านบาทแนะนำ ?ซื้อ? ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท [/color:6bbda27656">




^_^

ฟฟฟฟ2

[b:0f10383e0a">6) TCB ร่วมทุนบ.ใหม่ในโอมานถือหุ้น 49%, เพิ่มทุนบ.ย่อยในจีนช่วยคล่องตัว [/b:0f10383e0a">

โดยบริษัทใหม่ในประเทศโอมาน TCB จะถือหุ้นในสัดส่วน 49% , Alexandria Carbon Company, SAE, Egypt ถือ 21% และ Omzest Group, Oman ถือ 30%

ทั้งนี้เงินลงทุนเริ่มแรกในบริษัทใหม่ดังกล่าวสูงสุดไม่เกิน 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ และ TCB จะลงทุนประมาณ 637 เหรียญสหรัฐ

การลงทุนดังกล่าวเนื่องจากคณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่าปัจจุบันบริษัทกำลังเติบโตในธุรกิจคาร์บอนแบล็คและกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนใน Greenfield projects และโครงการร่วมทุน ในหลายประเทศซึ่งรวมทั้งประเทศโอมานด้วย ดังนั้นคณะกรรมการจึงเห็นควรให้ตั้งบริษัทในประเทศโอมานเพื่อดำเนินธุรกิจผลิตคาร์บอนแบล็ค

ทั้งนี้บริษัทจะรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศโอมานให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบต่อไปว่ารูปแบบการลงทุนจะเป็นการจัดตั้งบริษัทใหม่หรือเป็นการซื้อหุ้นบริษัทที่จัดตั้งแล้ว เมื่อบริษัทได้ดำเนินการตัดสินใจและมีการลงทุนจริง

นอกจากนี้คณะกรรมการได้พิจารณาเห็นว่าบริษัทย่อยในประเทศจีน คือ บริษัท เหลียวหนิง เบอร์ล่า คาร์บอน จำกัด ปัจจุบันได้ประสบปัญหาในการดำเนินงาน เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มแรกของการดำเนินกิจการ ปัจจุบันบริษัทมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและต้นทุนของโครงการเพิ่มขึ้น เงินทุนหมุนเวียนของกิจการปัจจุบันได้จากการกู้เงินกู้ระยะสั้นจากธนาคารเท่านั้น ปัจจุบันบริษัทมีภาระหนี้สูง

ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้นเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงานและสามารถชำระเงินกู้ และสอดคล้องกับความต้องการเงินทุนหมุนเวียน บริษัทมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนอีกRMB 78.56 ล้าน หรือเทียบเท่ากับ US$ 9.82 ล้านเหรียญ ซึ่งการเพิ่มทุนดังกล่าวจะทำให้บริษัทความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

ทั้งนี้ TCB จะเพิ่มทุนในบริษัทย่อยทั้งหมด 100% โดยผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 23%ในบริษัทย่อย จะไม่เพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น เนื่องจากไม่มีความสามารถในการเพิ่มทุนในสัดส่วนดังกล่าว

ทั้งนี้หลังการเพิ่มทุนแล้วบริษัทจะมีเงินลงทุนในบริษัทย่อยทั้งสิ้น RMB 139.06 ล้าน คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยเท่ากับ 88.54% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก RMB 60.30 ล้าน หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นเดิมเท่ากับ 77%

[b:0f10383e0a">7) หุ้น MCOT ร่วง 11% หลังมิ่งขวัญและบอร์ดลาออก โบรกฯมองอาจลงไม่มาก [/b:0f10383e0a">

หุ้น MCOT ร่วง 11.1% เมื่อเปิดตลาด มาที่ 29.75 บาท ลบ 3.75 บาท มูลค่าซื้อขายหนาแน่น ซึ่งเป็นราคาต่ำสุด และเป็นราคาต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน
บล.เกียรตินาคิน ระบุยังคงไม่มีการปรับประมาณการผลการดำเนินงานและมูลค่าพื้นฐานของบริษัท จากเหตุการณ์นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และคณะกรรมการบริษัททั้งคณะประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อองค์กรมีผลวันนี้

ณ ปัจจุบันเรายังคงไม่มีการปรับประมาณการผลการดำเนินงานและมูลค่าพื้นฐานของบริษัท เนื่องจากต้องรอดูแผนงานการทำงานและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดใหม่ก่อน ว่าจะสามารถสานงานต่อจากคณะกรรมการชุดก่อนได้มากน้อยเพียงไร หลังจากนั้นเราจึงจะพิจารณาว่าควรจะมีการปรับประมาณการผลการดำเนินงานของบริษัทหรือไม่อีกครั้ง
ระยะสั้นมองแนวรับที่ 32.50 บาท และ 31.50 บาท ที่ผ่านมา 4 วัน หลังการปฏิรูปการปกครอง ราคาหุ้น MCOT ได้ปรับตัวลดลงสะท้อนกับปัจจัยดังกล่าวบ้างแล้ว (ลดลง 16%) เราจึงมองว่าราคา MCOT อาจจะลดลงจากปัจจุบันอีกไม่มาก

และจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้การบริหารงานของคณะกรรมการชุดก่อน ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารงานของคณะกรรมการชุดก่อนค่อนข้างมาก ในระยะสั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการและผู้บริหารบริษัทเราคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนกับหุ้น MCOT พอสมควร

ส่วนในระยะยาวยังคงมูลค่าพื้นฐานที่ 37.62 บาท คงคำแนะนำ ?ถือ? เพราะยังไม่มีการปรับประมาณการผลดำเนินงานของบริษัทเนื่องจากรอดูแผนงานการทำงานและผลการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดใหม่ก่อน ว่าจะสามารถสานงานต่อจากคณะกรรมการชุดก่อนได้มากน้อยเพียงไร หลังจากนั้นเราจึงจะพิจารณาว่าควรจะมีการปรับประมาณการผลการดำเนินงานของบริษัท และมูลค่าพื้นฐานของบริษัทหรือไม่อีกครั้ง[/color:0f10383e0a">

^_^

.000001

8) THAINVDR ซื้อหุ้น BIGC เพิ่ม 0.01% รวมถือ 5.0%
ขายหุ้น LANNA ออก 0.22% คงเหลือ 4.83%
เก็บ SVOA เพิ่ม 1.67% รวมถือ 11.51%


^_^

.000002

[b:2d5c804bee">9) TRT ได้งานในส่วนลูกค้าเอกชนเพิ่ม 164 ลบ. คาดรับรู้รายได้ใน Q1-Q2/50 [/b:2d5c804bee">

งานที่มีเข้ามาในช่วงนี้จนถึงสิ้นปี จะเป็นการรับรู้รายได้ในปี 2550 เนื่องจากปีนี้บริษัทมี Backlog แล้วมากกว่า 1,700 ล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปี 2549 นี้ และส่วนหนึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2550 นายสัมพันธ์ กล่าว

นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ในขณะนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมเพิ่มศักยภาพในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังขนาดใหญ่ถึง 300 MVA แรงดันไฟฟ้า 230 kV ภายหลังจากได้รับใบรับรองจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าดังกล่าวแล้ว ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการคนไทยเพียงรายเดียวที่ผลิตได้ เนื่องจากต้องมีความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีชั้นสูง ส่งผลให้บริษัทมีความพร้อมที่จะรับงานทั้งในและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเริ่มต้นบริษัทฯจะเข้าไปรับงานกฟผ.ซึ่งมีความต้องการใช้จำนวน 10 เครื่อง มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และในปีแรกจะผลิตให้ประมาณ 1-2 เครื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100-200 ล้านบาท

?นอกจากนี้ประเทศในแถบเอเชีย อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไน ศรีลังกา ที่มีกำลังการผลิตหม้อแปลงขนาดใหญ่ไม่เพียงพอ หรือยังผลิตเองไม่ได้ ก็เป็นช่องทางที่บริษัทจะเข้าไปขยายตลาดเพิ่มมากขึ้นด้วย? นายสัมพันธ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัท จะใช้เงินสำหรับการลงทุนด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีประมาณ 50 ล้านบาท เป็นเงินจาก IPO เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 30 ล้านบาท ที่เหลือมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และจะเริ่มทยอยการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550



^_^

.0007


[b:cdbe9a5d54">10) หุ้น ATC ราคาขยับขึ้น 2.29% มาอยู่ที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท [/b:cdbe9a5d54">

มูลค่าซื้อขาย 92.38 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.32 น. โดยเปิดตลาดที่ 33 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 33.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 32.75 บาท

วานนี้ บริษัท พีทีที ฟีนอล ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง PTT, PTTCH และ ATC ประกาศจะลงทุน 8.3 พันล้านบาท สร้างโรงงานผลิตฟีนอลแห่งแรกของไทยเพื่อทดแทนการนำเข้า คาดว่าจะก่อสร้างได้ภายในปีนี้และแล้วเสร็จในปี 2551 ซึ่งจะส่งผลดีต่อ ATC ขณะที่บทวิเคราะห์ของบล.กิมเอ็ง ระบุว่า การรวมกิจการระหว่าง RRC และ ATC ใกล้จะได้ข้อสรุปต้นปีหน้า

ส่วนบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส แนะซื้อเก็งกำไรหุ้น ATC ให้เป้าหมาย 36.50 บาท อิง P/E ปี 50 ที่ 6.5 เท่า คาดกำไรปกติ 3Q49 เป็น Peak ของปีในระดับ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 2.2 เท่า Q-Q และ Y-Y ปัจจัยหลักจาก Product spread สูงขึ้นเฉลี่ย US$170/ตัน เพิ่มจาก US$110/ตัน ในไตรมาสก่อน และ US$124/ตันใน 3Q48 รวมทั้งปริมาณผลิตเพิ่ม Y-Y ส่วน Spot Price ของ PX และ BZ ชะลอลง แต่ Product spread ยังสูง จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามราคาน้ำมัน


[b:cdbe9a5d54">11) หุ้นแม่-ลูก BLISS พุ่งแรง โบรกมองเปลี่ยนตัวเล่นเก็งกำไร [/b:cdbe9a5d54">

หุ้นแม่-ลูก BLISS และ BLISS-W1 ราคาพุ่งแรง เมื่อเวลา 11.42 น. BLISS อยู่ที่ 4.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.84 บาท (+25.77%) ราคาปรับขึ้นสูงสุด 4.20 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 3.46 บาท
BLISS-W1 อยู่ที่ 1.71 บาท เพิ่มขึ้น 0.72 บาท (+72.73%) ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 1.84 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 1.01 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า หุ้น BLISS และ BLISS-W1 ราคาขึ้นแรง น่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวเล่นเก็งกำไร ตอนนี้ไม่มีข่าวอะไรเป็นพิเศษเป็นการเล่นตามตลาด ในแง่พื้นฐานทั้ง BLISS และ IEC ตอนนี้ไม่มีความคืบหน้า

ราคา BLISS วันนี้เกือบซิลลิ่ง ในแง่พื้นฐานไม่มีอะไรคืบหน้า ถ้าดูผลประกอบการไตรมาส 3/49 ไม่น่าจะดี อาจจะขาดทุนเพราะไตรมาส 2/49 ก็ขาดทุนสูง 293.11 ล้านบาท และสถานการณ์ของ BLISS ก็ไม่ดี มาร์จินยังน่าจะต่ำอยู่เพราะมีปัญหาเรื่องการบริหารสินค้าคงเหลือเยอะ ซื้อมาแล้วสินค้าตกรุ่นขายไม่ออกก็ต้องระบายออกต้องบันทึกขาดทุนเข้าไปสูง นักวิเคราะห์ กล่าว

ราคาหุ้นขณะนี้แนะลดการลงทุนให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานที่ 4.70 บาท[/color:cdbe9a5d54">
^_^

.000003

[b:9543aac568">12) RRC เทรดคึกคัก โบรกฯแนะซื้อรอค่ากลั่นฟื้นใน Q4/เก็งรวมกับ ATC ปีหน้า [/b:9543aac568">

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะซื้อหุ้น RRC เห็นว่าระดับราคาหุ้นที่ต่ำกว่า 19 บาทเป็นระดับที่มีความเสี่ยงขาลงไม่มาก จากระดับ PER ที่ต่ำกว่า 5.8 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.3% นอกจากนั้นการฟื้นตัวของค่าการกลั่นในไตรมาส 4/49 และการเก็งกำไรการรวมกิจการกับ ATC ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปีหน้า น่าจะทำให้หุ้นมีอัตราผลตอบแทนที่คุ้มกับความเสี่ยงอีกด้วย พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 25.50 บาท อิง PER ที่เหมาะสม 8 เท่า

บริษัทจะสามารถใช้ผลขาดทุนสะสมทางภาษีเกิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่ได้บันทึกอีกประมาณ 5,256 ล้านบาท ซึ่งสามารถหักภาษีลงได้ประมาณ 1,577 ล้านบาท ทำให้ประเมินว่าบริษัทจะไม่ต้องเสียภาษีในไตรมาส 3/49 จากที่บริษัทต้องเสียภาษี 32% ในไตรมาส 2/49 ซึ่งทำให้ผลกำไรของบริษัทจะไม่ลดลงไปมากนักจากที่ค่าการกลั่นตกลงมาจาก 10.6 เหรียญ/บาร์เรลใน
ไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ ค่าการกลั่นปัจจุบันเริ่มฟื้นตัวจากระดับ 3 เหรียญ/บาร์เรล มาอยู่ที่ประมาณ 6.04 เหรียญ/บาร์เรลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยืนยันในมุมมองการฟื้นตัวตามความต้องการน้ำมันเพื่อการทำความร้อน (Heating oil) ในช่วงฤดูหนาวตามผลของฤดูกาล โดยประเมินว่าค่าการกลั่นจะกลับไปยืนได้ 6-7 เหรียญ/บาร์เรล ในไตรมาส 4/49 จากค่าการกลั่นเฉลี่ยประมาณ 4.68 เหรียญ/บาร์เรลในไตรมาสนี้

[b:9543aac568">13) ปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ พบมีการซื้อขายบิ๊กล็อต 9 หลักทรัพย์ 15 รายการ
พบ BMCL มีมูลค่าสูงสุด 242.35 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 1.31 บาท[/b:9543aac568">
รายงานหลังปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้
พบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) จำนวน 9 หลักทรัพย์ 15 รายการ ดังนี้

หลักทรัพย์ รายการ จำนวนหุ้น มูลค่า (บาท) ราคาเฉลี่ย (บาท)
BMCL 3 185,000,000 242,350,000.00 1.31
PTT 3 200,000 43,600,000.00 218.00
SCC 2 62,000 15,068,000.00 243.03
MCOT 1 500,000 15,000,000.00 30.00
BBL-F 1 100,000 11,600,000.00 116.00
SCB 2 150,000 9,375,000.00 62.50
KTB 1 500,000 5,950,000.00 11.90
AP 1 1,460,000 5,606,400.00 3.84
BEC 1 300,000 5,130,000.00 17.10


[/color:9543aac568">

^_^

.000004

[b:13b02cca6f">14) บอร์ด ตลท.ย้ายสุทธิชัยดูแล CG ตั้งสุภกิจนั่งฝ่ายกำกับฯแทน [/b:13b02cca6f">
นายสุรพล กุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เกียรตินาคิน ในฐานะคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผย อินโฟเควสท์ ว่า ในวันนี้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมติให้นายสุทธิชัย จิตรวาณิช รองผู้จัดการ ไปดูแลงานด้านบรรษัทภิบาล ขณะที่ได้มอบหมายให้นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ เป็นผู้ดูแลฝ่ายกำกับการซื้อขายหุ้นแทน

เป็นการปรับกลยุทธ์การทำงานของตลาดฯใหม่ โดยได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรให้เน้นนโยบายมากขึ้น นายสุรพล กล่าวภายหลังการประชุม



^_^

.000005

[b:2d8c72801c">15) TFI พุ่ง 8.11% หลังบ.ย่อยเพิ่มทุนสำเร็จเดินหน้าธุรกิจได้ [/b:2d8c72801c">

เช้านี้ TFI แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ นางสุวิมล มหากิจศิริ ได้เพิ่มทุนในส่วนที่เป็นเงินสดทั้งหมดจำนวน 97.32 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 401 ล้านบาท หลังจากที่ TCI เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 800.58 ล้านหุ้น โดยเพิ่มทุนจำนวน 138.25 ล้านหุ้น รวม 1,382.52 ล้านบาท ให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อตามสัดส่วน 4.5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ราคาเสนอขายหุ้นละ 4.12 บาท

นอกจากนี้ ทางบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยขอใช้สิทธิเพิ่มทุนในสัดส่วนของตนด้วยคือ 40.94 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 168.7 ล้านบาท โดยวิธีการแปลงหนี้เป็นทุนด้วย

สำหรับสัดส่วนการถือหุ้นใน TCI ภายหลังการเพิ่มทุน บสท.ถือหุ้น 225,145,708 หุ้นหรือคิดเป็น 29.61% กลุ่มนายประยุทธ มหากิจศิริถือหุ้น 302,630,692 หุ้น หรือคิดเป็น 39.80% และ TFI ถือหุ้น 151,898,138 หุ้นหรือคิดเป็น 19.97%

ในส่วน TFI ขณะนี้ยังไม่มีโครงการอะไรใหม่ๆ และยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ เราเป็นเพียงผู้ถือหุ้นใน TCI แล้วเขาก็แจ้งความประสงค์มาว่า เขาให้เพิ่มทุนแล้วเรามีสิทธิ์ที่จะเพิ่มเท่านี้เท่านี้ แต่เราก็ไม่ได้เพิ่ม เพราะเรายังขาดเรื่อง cash flow อยู่นางแค๊ตลียา กล่าว

นางแค๊ตลียา กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตที่เพียงพอที่จะรองรับวัฎจักรขาขึ้นของธุรกิจ ซึ่งทางบริษัทได้มีการขยายไลน์เมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้ว สำหรับการจ่ายเงินปันผลหรือไม่ในปีนี้นั้นคงจะต้องขึ้นอยู่กับกำไรของบริษัทฯ และมติของคณะกรรมการด้วย


^_^

.0008

[b:7b06e83271">16) BANPU บวก 1.4% โบรกฯแนะซื้อลงทุนเหตุมีความเสี่ยงจาก Trubaindo ไม่มาก [/b:7b06e83271">
ซื้อขาย 63.34 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.34 น. โดยเปิดตลาดที่ 143 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 145 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 143 บาท

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะซื้อลงทุนหุ้น BANPU คาดเงินปันผลจ่ายสำหรับ 2H49 จำนวน 4.75 บาท ซึ่งคิดเป็น Remaining Dividend Yield 3.3%)
ขณะที่การพิจารณาเรื่อง Trubaindo ใกล้เสร็จแล้ว โดยตรวจพบว่าน้ำในบางบ่อบำบัดของเหมือง Trubaindo ต่ำกว่ามาตรฐานที่ทางการยอมรับได้ ซึ่งทาง BANPU คาดว่าจะได้รับโทษเพียงแต่ตักเตือน

ส่วนใน 3Q49 บริษัทคาดว่าจะมีบันทึกผลขาดทุนจากการปิดเหมืองใต้ดิน Kitadin ประมาณ 6 ล้าน US$ (ปิดตั้งแต่ก.ค.49) ซึ่งการปิดเหมืองนี้จะทำให้ BANPU ลดค่าใช้จ่ายราว 3 ล้าน US$ ต่อปี และปริมาณการผลิตลดลง 1% ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 49 ลดลง 3% เป็น 4.34 พันล้านบาท (EPS = 15.98 บาท) และราคาตามพื้นฐานลดลงเล็กน้อยเป็น 187 บาท (Sum-of-parts) จากเดิมที่ 188 บาท

ทั้งนี้ หากบริษัทฯไม่ได้รับคืนภาษีส่งออกถ่านหิน กำไรสุทธิในปี 49 จะลดลง 13.3% เป็น 3.77 พันล้านบาท (EPS = 13.85 บาท) และราคาตามพื้นฐาน BANPU จะลดลง 2.44 บาทเป็น 184.56 บาท หากไม่ได้รับคืนภาษีส่งออกถ่านหิน 663 ล้านบาท(หลังหักภาษีรายได้ฯ) ซึ่งได้ใส่ไว้ในประมาณการกำไรสุทธิปี 49 แล้ว


^_^

.000009

[b:d2f181a4cd">17) ตลท.ให้ AJFGCB เปลี่ยนชื่อเป็นAYFGCBมีผลในระบบเทรดตั้งแต่ 2 ต.ค.นี้ [/b:d2f181a4cd">
ตลาดหลักทรัพย์ จะเปลี่ยนแปลงชื่อและชื่อย่อหลักทรัพย์ของกองทุนเปิด เอเจเอฟ โกลบอล คอนเวอร์ติเบิล บอนด์ ในระบบการซื้อขาย ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป เนื่องจากกองทุนได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงชื่อตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยกองทุนเปิด เอเจเอฟ โกลบอล คอนเวอร์ติเบิล บอนด์ ได้เปลี่ยนชื่อเป็นกองทุนเปิด อยุธยา โกลบอล คอนเวอร์ติเบิล บอนด์ และเปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษเป็นAYF Global Convertible Bond Fund รวมทั้งเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น AYFGCB จากเดิม AJFGCB


^_^