May 7, 2024   4:04:56 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > "หุ้นปันผลสูง"..ในกลุ่ม SET 50
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 10/09/2006 @ 17:34:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สถิติบอกว่า ทุกครั้งที่ดัชนีตลาดหุ้นขึ้นไปสูงมาก ก็จะยิ่งตกลงมาแรง !!!

----------


อย่างในปี 2532 ดัชนีหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 127% แต่ในปีถัดมาก็ลงมาติดลบ -30.29% หรือในปี 2536 ขึ้นไป 88.36% ก็ตกลงมา -19.18%ในปี2537 ล่าสุดปี 2546 หุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงถึง 116.60% แต่จากนั้นกลับ ขาดทุน -13.48% เมื่อปี 2547

ขณะที่ปีนี้นั้น สถานการณ์ต่างๆ ยังไม่แน่นอน ทั้งปัจจัยด้านการเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ตลอดจนนักลงทุนต่างชาติชะลอลงทุน ล้วนกดดันราคาหุ้นทรุดตัวและผันผวนสูง

ทางเลือกชนิด เจ็บตัว น้อยๆ ด้วยการลงทุนหุ้น ปันผลดี และ สม่ำเสมอ จึงเป็นช่องทางการลงทุนที่น่าสนใจ

ย้อนกลับไปตั้งแต่หลังวิกฤติเศรษฐกิจ ผลตอบแทนจากลงทุนในหุ้นปันผลมีความสม่ำเสมอ จะเห็นว่าผลตอบแทนอยู่ในระดับใกล้เคียงกันตั้งแต่ 0.61-2.75%ต่อปี ระหว่างปี 2541-2547 ล่าสุดในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.37% อมฤต ศุขะวณิช รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าว

ส่วนจะเลือกหุ้นกลุ่มไหนดีในภาวะที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง และมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยลบต่างๆเช่นนี้..???

ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย แนะนำว่า ให้เลือกหุ้นในกลุ่ม SET 50 เป็นหลัก เนื่องจากจะมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง และมี มาร์เก็ตแคป ขนาดใหญ่ และที่น่าสนใจ คือ อัตราเงินปันผลตอบแทนต่อปี มีค่าเฉลี่ย มากกว่า ดัชนีหุ้นไทย

จะเห็นได้จากปี 2548 ที่หุ้นกลุ่ม SET 50 ให้ผลตอบแทนถึง 4.93% แต่ดัชนีหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง 3.3%เท่านั้น

อัตราเฉลี่ยผลตอบแทนเงินปันผลต่อปีของหุ้นกลุ่ม SET 50 ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2545-2548 พบว่า มีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยปี 2545 ให้ผลตอบแทนต่อปี 5.02% และ 3.60%ในปี 2546 ส่วนปี 2547 อยู่ที่ 4.31% และ 4.93% ในปี 2548 ส่วนปีนี้(2549) ฝ่ายวิจัยบล.กสิกรไทย ประเมินว่า จะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.92% ต่อปี

เราอยากให้พิจารณาหุ้น Defensive Stock ในกลุ่ม SET 50 เพราะให้ผลตอบแทนสูง แต่ความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องดี โดยเฉพาะในปีนี้ เรามองว่าเป็นจังหวะลงทุนที่ดี (Dividend Theme) ของหุ้นปันผล เนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงมาก

สำหรับการคัดเลือกหุ้นปันผลดีในกลุ่ม SET 50 นั้น อมฤต แนะนำว่า ต้องหาหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุด แต่ต้องมีความเสี่ยงต่ำด้วย

การเลือกลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง จำเป็นต้องประเมินความเสี่ยงด้านอื่นประกอบ เนื่องจากหุ้นบางตัวที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง เป็นเพราะราคาหุ้นได้ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก ไม่ได้เกิดจากการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น ดังนั้น การเลือกลงทุนหุ้นเหล่านี้ ต้องมองถึงแนวโน้มราคาหุ้นประกอบไปด้วย

อมฤต บอกว่า คนส่วนใหญ่จะมองเงินปันผล โดยลืมมองราคาหุ้น ซึ่งตรงนี้ต้องมองประกอบกัน โดยให้ดูผลตอบแทนสมบูรณ์แบบ (Absolute Return) ของหุ้นในแต่ละปี และราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นแต่ละปี (Yearly Return) เช่น หุ้น HANA ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 11% แต่ปีนี้ราคาหุ้นกลับผันผวนมาก หรือหุ้น DELTA ที่ราคาหุ้นแกว่งตัวมากเช่นกัน หากซื้อผิดช่วง ก็เจ็บตัวได้

ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นปันผล นักลงทุนจึงควรดูผลตอบแทนของราคาหุ้น ควบคู่ไปกับเงินปันผลด้วย..

หากเรามั่นใจว่าในวันที่ 11 กันยายนนี้ จะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ก็ถือเป็นจังหวะดีของการลงทุน เพราะพื้นฐานของหุ้นไทยหลายบริษัทมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับเงินปันผลที่จะได้รับ โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET 50 ถือเป็นหุ้นกลุ่มที่สามารถจ่ายเงินปันผล คิดเป็นผลตอบแทนต่อราคาหุ้นสูงมาก

แต่ต้องเลือกให้ถูกจังหวะ เพราะถ้า ผิดจังหวะ ผิดเวลา ก็มีสิทธิ เจ็บตัว ได้เช่นกัน.. !!

เขายกตัวอย่าง หุ้น LH จัดเป็นหุ้นปันผลดีที่กำลังจะกลับมา ถ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัว จะเห็นได้จากช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มอสังหาได้ปรับตัวขึ้น ราคาหุ้น LH ขึ้นมาถึง 20%

หุ้น LH มีเงินปันผลเป็นตัวช่วยรองรับความเสี่ยง และมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะเพิ่มขึ้น ฝ่ายวิจัยเราคาดว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้จะอยู่ที่ 5.55%ต่อปี แต่ราคาหุ้นยังคงติดลบ 16.6% เทียบกับปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนปันผล 7.02% และขาดทุนจากราคาหุ้น 15.2%

เช่นเดียวกับ หุ้น BEC ที่มองว่า เป็นหุ้นปันผลสูงตัวหนึ่งแต่ราคาหุ้นผันผวนในช่วงที่เรทติ้งไม่ค่อยดี แต่เชื่อว่ากำลังจะพลิกฟื้นกลับมาในปีนี้

BEC เป็นหุ้นที่ติดตามดูได้ง่าย จากเรทติ้งโฆษณา และถือเงินสดไว้จำนวนมากตลอดเวลา จึงคาดว่าจะจ่ายกลับคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นสูงในบางช่วง

ในปีที่ผ่านมา BEC ให้ผลตอบแทนเงินปันผล 6.67% แต่ราคาหุ้นติดลบ 14% ส่วนปีนี้ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ประเมินว่า จะสามารถจ่ายปันผลได้ 4.71% และจะมีกำไรจากราคาหุ้น 22.2%

สำหรับหุ้นดีจ่ายปันผลสูงในกลุ่ม SET 50 ที่ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ประเมินว่า ปีนี้(2549) จะสามารถจ่ายผลตอบแทนได้สูงถึง 4.92% ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา 10 อันดับแรก ประกอบด้วย..

หุ้นฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ (HANA) คาดว่า จ่าย 10.90%,ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC ) 10.42%, อาร์ซีแอล (RCL) 9.21%, แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์(CCET) 8.38%

หุ้นโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) 7.81%, ธนาคารทิสโก้ (TISCO) 7.64% , ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) 7.56%, แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) 7.52%, เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (DELTA ) 7.50% และ หุ้นโกลว์ พลังงาน (GLOW) 7.18%

แต่สิ่งที่ควร ระวัง และ เลี่ยง การลงทุน ก็คือ หุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนเงินปันผลต่ำที่สุด หรือไม่จ่ายเลย...หุ้นพวกนี้จะมีความเสี่ยงสูง จึงควรหลีกเลี่ยง

ในทางกลับกัน หากเป็นบริษัทที่มีความจำเป็นต้องนำเงินไปลงทุนเพิ่ม เพื่อการเติบโตของธุรกิจ จึงจ่ายปันผลน้อย บางบริษัทเป็นหุ้นที่ดี เพราะอัตราการเติบโตของกำไรสูง(Growth Stock) ก็ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจ

*************

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com