May 3, 2024   6:04:53 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > สอบนอมินีถือหุ้นชินคอร์ป ป่วนตลาดหุ้น
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 23/08/2006 @ 22:29:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผลสอบนอมินีถือหุ้นชินคอร์ป ป่วนตลาดหุ้น ทำดัชนีหลุด 700 จุด หลัง ก.พาณิชย์ ระบุชัดอีก 2 เดือนรู้ผล ขระเดียวกันลั่น พร้อมตรวจสอบทุกบริษัทเข้าข่ายนอมินีหรือไม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก-โทรคมนาคม ด้าน สมคิด ยันงานนี้ไม่มีการเมืองแทรกแซงแน่ นักวิเคราะห์ชี้ งานนี้กระทบความมั่นใจนลท.อาจชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการตรวจสอบ แนะเลี่ยงเล่นหุ้นเครือชินคอร์ปและหุ้นที่เกี่ยวข้อง หันเล่นหุ้นสื่อสารตัวอื่น-แบงก์แทน
กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งสำหรับการซื้อขายหุ้น SHIN ของตระกูลชินวัตรให้กับกองทุนเทมาเส็คขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากวานนี้กระทรวงพาณิชย์ โดยคณะกรรมการตรวจสอบนอมินี บริษัทกุหลาบแก้ว จำกัด และบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด ได้มีการพิจารณากรณีดังกล่าวเป็นนัดแรก ตามที่พรรคประชาธิปัตย์ สมาพันธ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และวุฒิสภา ได้ร้องเรียน ซึ่งข้อร้องเรียนของทั้ง 3 หน่วยงาน ระบุว่าตามกฎหมายแล้วหากพบว่ามีบริษัทต่างด้าว หรือสัดส่วนหุ้นต่างด้าวเกินกว่า 49% จะถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งหมายถึงอาจทำกรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปกลายเป็นโมฆะทันที จนอาจทำให้ต้องมีการยึดสัมปทานการประกอบธุรกิจโทรคมนาคมคืนจากชินคอร์ปได้ จนทำให้กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง โดยก่อนหน้าที่จะมีการประชุมวานนี้ นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการะทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจ เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบในเบื้องต้น และสรุปว่าการซื้อหุ้นดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายประกอบธุรกิจต่างด้าว อย่างไรก็ตามผลสรุปของกรมพัฒนาธุรกิจ ยังต้องรอการสรุปจากคณะกรรมการฯชุดดังกล่าวอีกครั้งว่ามีความผิดจริงหรือไม่
โดยผลการประชุมเบื้องต้นที่ออกมาคณะกรรมการฯคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบนอมินีของกุลาบแก้ว-ซีดาร์ฯ ประมาณ 2 เดือน จากนี้ รวมไปถึงสั่งการให้มีการตรวจสอบนอมินีในธุรกิจโทรคมนาคมและค้าปลีก รวมถึงบริษัทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามจากประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ทันที เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลและขาดความมั่นใจจึงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงบ่ายที่มีการแถลงข่าว
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นวานนี้(23 ส.ค.) หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศจะตรวจสอบนอมินีทุกบริษัทส่งผลให้มีแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องจนดัชนีตลาดหุ้นหลุดระดับ 700 จุด โดยปิดตลาดที่ระดับ 698.01 จุด ลดลง 8.29 จุด หรือ -1.17% ขณะที่มูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบางเพียง 9,073.09 ล้านบาท โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบนอมินีของ กุหลาบแก้ว ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงได้แก่

SHIN ราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 30.50 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 9.07 ล้านบาท ADVANC ปิดตลาดที่ระดับ 91.00 บาท ลดลง 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 42.88 ล้านบาท ITV ปิดตลาดที่ระดับ 3.46 บาท ลดลง 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 24.25 ล้านบาท SC ปิดตลาดที่ระดับ 10.20 บาท ลดลง 0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 22.42 ล้านบาท และ SCB ซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้ให้บริษัทกุหลาบแก้วและถือหุ้นในบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง ปิดตลาดที่ระดับ 58.00 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 436.17 ล้านบาท

***กระทรวงพาณิชย์คาดตรวจสอบ กุหลาบแก้ว เสร็จภายใน 2 เดือนพร้อมเตรียมสอบนอมินีในธุรกิจโทรคมนาคม-ค้าปลีกต่อ


นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานชุดตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้ว เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับคณะทำงานซึ่งประกอบไปด้วย ตัวแทนจากกระทรวงการคลัง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) คณะกรรมการกฤษฎีกา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ว่าการประชุมดังกล่าวได้มีการกำหนดประเด็นในการตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้วและบริษัทอื่นๆ ที่ถือหุ้นในชินคอร์ป จากข้อร้องเรียนของตัวแทนทั้ง 3หน่วยงานคือ พรรคประชาธิปัตย์ สมาพันธ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และวุฒิสภา
สำหรับประเด็นที่จะเข้าตรวจสอบ ได้แก่ 1.การที่คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว(นอมินี)2.คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยไม่ถูกต้อง และ3. ตรวจสอบว่าการถือหุ้นในชินคอร์ปเป็นโมฆะหรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการจะเข้าตรวจสอบ อีก 3 บริษัทที่ถือหุ้นอยู่ในชินคอร์ปด้วย นอกเหนือจากการตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้ว ได้แก่ บริษัท เอสแพน โฮลดิ้ง บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง และบริษัท ไซ เพรส โฮลดิ้ง
? เราจะเข้าไปตรวจสอบบริษัทอื่นๆ ด้วยนอกเหนือจากกุหลาบแก้ว ทั้งเอสแพน โฮลดิ้งส์ บริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และบริษัทไซเพรส โฮลดิ้งส์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ในชินคอร์ป ต้องตรวจสอบการถือหุ้นที่เรียกว่านอมินี และประเด็นการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนให้ต่างด้าวมาทำธุรกิจในไทย ดังนั้น จึงไม่ใช่มุ่งตรวจสอบเพียงประเด็นเดียวและรายเดียวแต่ต้องให้ครบทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง? นายยรรยง กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากผลการตรวจสอบออกมาพบว่า การถือหุ้นของทั้ง 4 บริษัทในชินคอร์ปเป็นโมฆะจะส่งผลให้ชินคอร์ปต้องถูกยกเลิกสัมปทานหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์เพราะเป็นเรื่องในทางกฎหมาย กระทรวงฯมีหน้าเพียงตรวจสอบไปตามที่มีผู้ร้องเรียนเข้ามาและเมื่อผลการตรวจสอบออกมาอย่างไร ก็จะตั้งเป็นสมมติฐานเพื่อส่งให้หน่วยงานทางด้านกฎหมายไปจัดการต่อไป
สำหรับ กรอบเวลาในการตรวจสอบกรณีดังกล่าวคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนซึ่งกรรมการตรวจสอบพยายามเร่งสรุปเรื่องนี้ให้จบโดยเร็วที่สุดโดยอย่างน้อยจะมีการประชุมกันทุก 2 สัปดาห์และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ร้องเรียนและผู้ที่ถูกร้องเรียนด้วย เพื่อให้เข้ามาชี้แจงในประเด็นที่ทั้ง 3 หน่วยงานร้องเรียนเข้ามาและจะขอดูข้อมูลเชิงลึกจากทั้ง 3 หน่วยงานด้วย
นายยรรยง กล่าวต่อว่า การตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้วจะต้องมีการตรวจสอบในประเด็นตัวบุคคลด้วย เนื่องจากคำว่านอมินีหมายถึงคนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าตัวบุคคลเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เกี่ยวข้องในการถือหุ้น
ส่วนการเข้าตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้ว จะเป็นบรรทัดฐานที่ใช้กับบริษัทอื่นๆ หรือไม่นั้น ยอมรับว่าขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าไปตรวจสอบประเด็นนอมินีในบริษัทที่ทำธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจโทรคมนาคมแล้วเพราะช่วงนี้ได้รับการร้องเรียนเข้ามามาก ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็จะเข้าไปตรวจสอบโดยไม่จำเป็นต้องรอให้กรณีของบริษัทกุหลาบแก้วเสร็จสิ้นโดยใช้แนวทางการตรวจสอบดังกล่าวกับบริษัทอื่นได้เลย
?ผมได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าว่าให้นำแนวทางการตรวจสอบกรณีการถือหุ้นแทนไปตรวจสอบกรณีอื่นด้วย เพราะขณะนี้มีสมาคมผู้ค้าปลีกและธุรกิจสาขาคมนาคมร้องเรียนเข้ามามากเกี่ยวกับประเด็นนอมินี ซึ่งหากมีข้อร้องเรียนเข้ามาเราก็จำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบและไม่ต้องรอให้กรณีบริษัทกุหลาบแก้วเสร็จก่อน? นายยรรยง กล่าว
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า คณะกรรมการทำงานชุดตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้วที่ตั้งขึ้นมาใหม่นี้เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้อย่างอิสระโปร่งใส ไม่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง เพราะข้าราชการไทยย่อมรู้จักหน้าที่ของตนเองดีว่าจะต้องทำงานให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
ทั้งนี้ ได้ให้แนวทางไปยังคณะกรรมการตรวจสอบชุดดังกล่าว ผ่านนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ดูในเรื่องของระยะเวลาด้วยเมื่อผลการตรวจสอบออกมาเป็นที่สรุปแล้วให้รีบประกาศทันที นอกจากนี้ระหว่างการตรวจสอบหากมีข้อมูลใหม่มาเพิ่มเติมจะต้องมีการสื่อความให้สาธารณชนรับทราบด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานโครงการผู้ถือหุ้นบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) ณ วันปิดสมุดทะเบียน 7 เม.ย.49 มีบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 1,571.51 ล้านหุ้น หรือ 51.98% และอันดับ 2 ได้แก่ บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 1,334.35 ล้านหุ้นหรือ 44.14% โดยทั้ง 2 บริษัทมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กองทุนเทมาเส็ค

***เปิดโผผู้ถือหุ้น UCOM-BIGC -MAKRO หลังกระทรวงพาณิชย์เตรียมสอบนอมินี


จากการสำรวจโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน)(UCOM) 4 อันดับแรกได้แก่ อันดับ 1 บริษัท ไทย เทลโค โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 255.09 ล้านหุ้นหรือ 58.69% อันดับ 2 TELENOR ASIA PTE LTD ถือหุ้น 129.66 ล้านหุ้นหรือ 29.83% อันดับ 3 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัดถือหุ้น 8.40 ล้านหุ้นหรือ 1.93 % อันดับ 4 CLEARSTREAM NOMINEES LTD ถือหุ้น 4.84 ล้านหุ้นหรือ 1.11%
ส่วนบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (BIGC) 5 อันดับแรกพบว่า GEANT INTERNATIONAL B.V. ถือหุ้นใหญ่ 287.82 ล้านหุ้นหรือ 35.92 % อันดับ 2 บริษัท เสาวนีย์โฮลดิ้งส์ จำกัดถือหุ้น 218.28 ล้านหุ้นหรือ 27.24 % อันดับ 3 บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัดถือหุ้น 43.829 ล้านหุ้นหรือ 5.47 % อันดับ 4 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR SWITZERLAND ถือหุ้น 31.9 ล้านหุ้นหรือ 3.98% อันดับ 5 THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITEDถือหุ้น 25.9 ล้านหุ้นหรือ 3.23%
ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ 5 อันดับแรกบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) อันดับ1 บริษัท สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัดถือหุ้น 132.01ล้านหุ้นหรือ 55.01% อันดับ 2 ORKAM HOLDING ASIA N.V.ถือหุ้น 14.89 ล้านหุ้นหรือ 6.21% อันดับ 3 INVESTORS BANK AND TRUST COMPANYถือหุ้น 11.89 ล้านหุ้นหรือ 4.96% อันดับ 4 MELLON BANK,N.A.ถือหุ้น 7.41 ล้านหุ้นหรือ 3.09% อันดับ 5 STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY, FOR LONDON ถือหุ้น 6.65 ล้านหุ้นหรือ 2.77 %

***ASP มองช่วงรอผลสอบ กุหลาบแก้ว หุ้น SHIN-ADVANC หง่อย


นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า หากบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN)โดยยึดสัมปทานจริงในกรณีที่มีการตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทกุหลาบแก้วเป็นนอร์มินีของต่างชาติ เชื่อว่าจะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง รวมถึงบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ จากการที่กระทรวงพาณิชย์เรียกแต่ละหน่วยงานมาร่วมกันหารือในประเด็นของบริษัทกุหลาบแก้วว่าเป็นนอร์มินีหรือไม่นั้น วันนี้เรื่องคงยังไม่จบเพราะเป็นเพียงการประชุมนัดแรกจากหน่วยงานหลายฝ่าย แต่ผลกระทบในระยะสั้นน่าจะทำให้ราคาหุ้นของ SHIN กับ ADVANC อ่อนตัวลงจากข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหากมีการสรุปออกมาว่ากุหลาบแก้วเป็นนอร์มินีจริง SHIN อาจจะต้องกลับมาเจรจาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหม่ได้หรือไม่ เช่น อาจจะขายหุ้นให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เข้ามาถือแทนเรื่องนี้ก็น่าจะจบลงได้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ข่าวการตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้วยังไม่มีข้อสรุป จะยังสร้างความอึมครึมให้กับหุ้น SHIN และ ADVANC อยู่ ในขณะที่หุ้นสื่อสารตัวอื่นจะได้รับผลดี ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) หรือบริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (UCOM) ที่อาจจะมีแรงซื้อเข้ามา เนื่องจาก ADVANC เป็นคู่แข่งของทั้ง 2 บริษัทหากมีการยึดสัมปทานจริงจะทำให้หุ้น TRUE กับ UCOM มีความโดดเด่นขึ้นมา
ดังนั้น ช่วงนี้จึงควรหลีกเลี่ยงการลงทุน SHIN - ADVANC แต่ควรหันไปเล่น UCOM กับ TRUE โดย UCOM มีแนวต้านที่ 48.50 บาท แนวรับ 46 บาท ส่วน TRUE มีแนวต้านที่ 8.90 บาท แนวรับที่ 8.50 บาท อย่างไรก็ตาม หากข่าวเรื่องการตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้วจบลงด้วยดีและไม่มีผลกระทบในเชิงลบต่อ ADVANC และ SHIN เชื่อว่า ADVANC น่าจะมีโอกาสขึ้นไปลุ้นแนวต้านที่ 98 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 90 บาท ส่วน SHIN มีแนวต้านที่ 34 บาท แนวรับที่ 31 บาท

***เซียนหุ้นมองหุ้นซึมยาว เหตุนลท.หวั่นนการตรวจสอบนอมินีทุกบจ.


เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายหนึ่ง เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมตรวจสอบบริษัทกุหลาบแก้ว โดยจะใช้เวลา 2-3 เดือน จึงจะรู้ผลว่าเป็นนอมินีหรือไม่ รวมทั้งยังมีแผนที่จะตรวจสอบบริษัทฯ อื่นๆว่า ประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรายอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลกัทรัพย์และไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์รวมทั้งบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกด้วย เนื่องจากทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและกังวล ซึ่งอาจชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพื่อรอดูความชัดเจนในเรื่องนี้ก่อน
ส่วนการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงนี้คงจะเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวและมีโอกาสพักฐานได้ เนื่องจากขาดปัจจัยบวกใหม่ที่มีนัยสำคัญเข้ามากระตุ้น ประกอบกับยังได้รับแรงกดดันจากปัจจัยดังกล่าว โดยมีแนวรับทางเทคนิคอยู่ที่690 จุด และแนวต้านทางเทคนิคอยู่ที่ 715 จุด
ในขณะที่ประเมินว่าบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.) ที่น่าเข้าไปลงทุนและปลอดภัยจากกรณีที่มีการสอบนอมินีประกอบด้วยหุ้นที่มีหน่วยงานของภาครัฐถือหุ้นอยู่ เช่น ธนาคารทหารไทย (TMB) ธนาคารกรุงไทย (KTB) และบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI เป็นต้น โดยแนะนำให้ลงทุน
กรณีตัวอย่าง เช่นแอร์เอเชีย ก็มีให้เห็นแล้ว ที่มีต่างชาติเข้ามาถือหุ้นและมีการตรวจสอบ ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าการตรวจสอบหุ้นชินคงจะเป็นโฆษะเพราะมีบรรทัดฐานให้เห็นแล้ว และหุ้นในตลาดที่จะได้รับผลกระทบก็มีค่อนข้างเยอะซึ่งก็มีคนออกมาพูดในสื่อฉบับหนึ่งว่ามีบริษัทฯ ที่มีต่างชาติเข้ามาถือหุ้นและมีลักษณะเหมือนหุ้นชินประมาณ 500 แห่งก็ถือว่าเยอะแล้ว แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว

efinancethai.com[/color:79f2ef1dec">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com