May 3, 2024   9:01:30 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ใกล้ฤดู IPO อีกแล้ว
 

arthor
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803
วันที่: 23/08/2006 @ 10:22:44
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ใกล้ฤดู IPO อีกแล้ว [/size:8d58176f7b">
--------------------------------------------------------------------------------

ในช่วงเดือนกันยายนถึงกลางเดือนธันวาคมของแต่ละปีเป็นช่วงที่จะมี IPO ใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด ซึ่งไม่ได้เป็นปรากฎการณ์เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น แต่จะเป็นเช่นนี้ทั่วโลก สาเหตุหนึ่งคือเพราะว่าตลาดจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกทีหลังช่วงฤดูร้อนของยุโรปและอเมริกา ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงก่อนหยุดเทศกาลคริสมาสต์
ถึงแม้ว่าฤดูกาลของบ้านเราจะไม่เหมือนกับในต่างประเทศ แต่ตลาด IPO บ้านเราก็พลอยเป็นไปตามเขาด้วย ซึ่งเห็นได้ว่าในช่วง ?ซัมเมอร์? ของฝรั่งที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมนี้ เราแทบจะไม่มีหุ้นออกใหม่เลย หุ้นขนาดใหญ่ตัวสุดท้ายที่เข้าตลาดคือ RRC ที่เข้าเทรดในช่วงเดือนมิถุนายน แต่ว่าขาย IPO ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม และมีการทำโรดโชว์มาตั้งแต่ต้นไตรมาสที่สองแล้ว คือ RRC นั้นนำหุ้นเข้าตลาดได้ทันเวลาพอดีก่อนที่จะถึงช่วงซัมเมอร์
ดังนั้นหุ้นขนาดใหญ่ที่รอเข้าตลาดจะขายได้ดีก็เฉพาะในช่วงใกล้ปลายปี และช่วงต้นปีเท่านั้น และต้องหลีกเลี่ยงช่วงซัมเมอร์ โดยส่วนมากแล้วจะนิยมนำหุ้นเข้าตลาดก่อนปลายปี โดยเฉพาะในตลาดไทยเพราะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นค่อนข้างจะคึกคักและดัชนีมักจะปรับขึ้น
แต่ทำไมเราถึงต้องเป็นไปตามตลาดต่างประเทศ
คำตอบคือหุ้นขนาดใหญ่ควรจะมีนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศมาจองหุ้น เพราะลำพังกำลังซื้อในประเทศอย่างเดียวอาจจะไม่พอ และต้องระวังเรื่องประเภทของผู้ถือหุ้นด้วย เพราะถ้าเป็นรายย่อยถืออย่างเดียวก็อาจจะมีการขายทำกำไรมากเกินไปในช่วงที่เริ่มเทรด ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมา แต่ถ้ามีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศมากเกินไป หุ้นก็อาจจะเทรดไม่มาก ราคาก็จะไม่ดีอีก วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามหาสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้มีการหมุนเวียนซื้อขายเปลี่ยนมือกันพอสมควร ทำให้หุ้นมีสภาพคล่องและปรับขึ้นได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่ถ้าเป็นหุ้นขนาดเล็กก็ไม่จำเป็นต้องมีนักลงทุนต่างชาติมาร่วมวง ผลเสียก็คือตัวหุ้นอาจจะเสียสภาพคล่องไปในที่สุด หรือไม่ราคาก็จะลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เห็นในหุ้น IPO ขนาดเล็กหลายตัว
อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องกำลังซื้อ เรารู้กันดีอยู่แล้วว่านักลงทุนต่างชาติซื้อตลาดไทยสุทธิมาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว โดยซื้อสุทธิรวมทั้งหมด 186,473 ล้านบาท โดยซื้อสุทธิ 74,362 ล้านบาทในปีนี้ แต่นอกจากนี้แล้วนักลงทุนต่างชาติยังเป็นผู้ซื้อหุ้นในตลาดแรกอีกด้วย ในจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกันทุกปี โดยในปี 2547 ซื้อ 14,272 ล้านบาท ปี 2548 ซื้อ 18,307 ล้านบาท และซื้อ 18,018 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2549 รวมทั้งหมดแล้วซื้อในตลาดแรกถึง 50,597 ล้านบาท ในช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา
ในช่วงปลายปีนี้คงจะไม่มีหุ้นจองขนาดใหญ่มากนัก ดูจากรยการที่ทำไฟลิ่งไว้กับก.ล.ต. แล้ว ก็คงจะมีรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ที่มีขนาดใหญ่หน่อย มีบริษัทหลักทรัพย์อย่างเช่น บล. บีฟิท นอกนั้นดูแล้วค่อนข้างจะเล็ก หรือไม่ก็ทำไฟลิ่งมาตั้งนานแล้วแต่ยังหาจังหวะเข้าไม่ได้เสียที และยังมีบริษัทรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้ทำไฟลิ่ง ในปีหน้าคงจะมีโรงกลั่นอีกโรงคือ โรงกลั่นน้ำมันสตาร์ฯ ซึ่งจะคล้ายๆ กับ RRC
ส่วนในต่างประเทศนั้นจะคึกคักกว่าบ้านเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องคอยระวังเหมือนกัน เพราะอาจจะทำให้เม็ดเงินไหลออกจากตลาดไทยไปจองหุ้นในประเทศอื่นได้
จีนจะเป็นประเทศที่มี IPO มากที่สุด โดยจะเป็นกลุ่มธนาคารเป็นส่วนใหญ่ ธนาคาร Industrial & Commercial Bank จะมี IPO ขนาด 15,000-19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เลยทีเดียว ซึ่งคาดว่าจะเป็น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในรอบ 7 ปี และจะเสนอขายในช่วงเดือนตุลาคม ? พฤศจิกายน ซึ่งดีลนี้ใหญ่กว่าการขาย IPO หุ้น Bank of China จำนวน 11,190 ล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเสียอีก ส่วนในเดือนกันยายนนี้ก็จะมี China Merchants Bank ขายประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com