arthor
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 803 |  วันที่: 23/08/2006 @ 10:15:57 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต PATKLงานใหม่จ่อคิว2-3พันล.[/color:25e151377d">
--------------------------------------------------------------------------------
บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PATKL ลุ้นคณะกรรมการเอทานอลอนุมัติให้ผู้ประกอบสร้างโรงงานได้ภายในสัปดาห์หน้า หลังเจรจาข้อตกลงราคาและเงื่อนไขกับลูกค้ารายใหม่ผู้ส่งออกมันสัมปะหลังไว้เสร็จสรรพแล้ว รอเพียงผลอนุมัติเท่านั้น หากได้ไฟเขียวพร้อมเซ็นสัญญารับงานใหม่ได้ทันที ?ปิยะ จงวัฒนา? ผู้บริหาร
มั่นใจครึ่งปีหลังคว้างานได้ 2,000-3,000 ล้านบาท ผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตถึง 3,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากปีก่อนที่ทำได้ 2,700 ล้านบาท เพิ่มขีดจ่ายปันผลได้สูงกว่าปีก่อนที่ 0.10 บาทต่อหุ้น แย้มแผนเพิ่มทุนขายพีพีให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 28.50 ล้านหุ้น ใช้เป็นทุนสำรองเพิ่มศักยภาพในการรับงานก่อสร้างโรงงานเอทานอลให้ครบวงจร รอเพียงแค่ภาวะตลาดหุ้นเป็นใจ ส่วนโบรกมองผลงานปีนี้เติบโตได้ดีใกล้เคียงเป้าหมายที่ผู้บริหารคาดหวัง ให้ราคาเหมาะสมที่ 3.52-3.92บาท ขณะที่ราคาในกระดานยังต่ำกว่าบุ๊กแวลูที่ 3.36 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PATKL วานนี้(22ส.ค.) ปิดตลาดทรงตัวที่ 2.90 บาท และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 124,250 บาท
นายปิยะ จงวัฒนา ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พัฒน์กล จำกัด (มหาชน) หรือ PATKL กล่าวให้สัมภาษณ์ นสพ.ทันหุ้นว่า ภายในเดือนสิงหาคมนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญารับงานการก่อสร้างโครงงานเอทานอลรายใหม่ได้ เพราะขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจากับลูกค้าไว้แล้ว ซึ่งรอเพียงแค่คณะกรรมการเอทานอลอนุมัติให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างโรงงงานได้ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลได้ในช่วงสัปดาห์หน้า จึงคาดว่าในครึ่งปีหลังจะได้งานก่อสร้างโรงงานเอทานอลทั้งหมดประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท
?บริษัทเชื่อว่าในสัปดาห์หน้านี้จะมีการประกาศอนุญาตในห้มีการก่อสร้างโรงงานเอทานอลใหม่เพิ่มขึ้น เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับการขยายตัวของความต้องการใช้พลังงานทดแทนที่จะมีการนำเอทานอลมาทดแทนน้ำมันเบนเซน 95 ที่จะหยุดใช้ไปในอนาคต ซึ่งบริษัทได้มีการเจรจากับผู้ส่งออกมันสัมปหลังรายใหญ่ในประเทศ เพื่อก่อสร้างโรงงานเอทานอล โดยเหลือเพียงการอนุมัติจากคณะกรรมการเอทาอนอลเท่านั้น จึงคาดว่าในครึ่งปีหลังจะได้งานใหม่เพิ่มสูงถึง 2,000-3,000 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรกที่ได้งานก่อสร้างโรงงานเอทานอลของ บริษัท ราชบุรี เอทานอล จำกัด มูลค่า 500 ล้านบาท?นายปิยะกล่าว
มั่นใจรายได้ทะลุ3พันล.
ทั้งนี้บริษัทมั่นใจว่าปีนี้แนวโน้มการเติบโตของรายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน
ที่มีรายได้รวม 2,700 ล้านบาท เป็น 3,400 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3/2549 และไตรมาส 4 /2549 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจการก่อสร้างโรงงานเอทานอลเป็นปีแรก ขณะที่ธุรกิจการออกแบบ ผลิต ติดตั้ง เครื่องแช่เย็นในอุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งการก่อสร้างโรงงานยังมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างโรงงานเอทานอลได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2549 โดยปีนี้คาดว่าบริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวประมาณ 400-500 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากการประกอบธุรกิจการอและการก่อสร้างโรงงาน เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ประเภท เครื่องแช่แข็ง เครื่อง การออกแบบถังสแตนเลส รวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเอทานอลที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่ประมาณ 2,200 กว่าล้านบาท และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปีครึ่งปีหลังนี้ประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท
นายปิยะ กล่าวถึงทิศทางของธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2549 ว่า สำหรับในไตรมาสนี้บริษัทคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของรายได้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นประมรณ 20% เมื่อเทียบจากไตรมาส 2/2549 ที่มีรายได้ที่ 810 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 26 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากโครงการเอทานอลประมาณ 300 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสถัดไป
เล็งขายพีพีลุยงานเอทานอล
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการเพิ่มทุนโดยขายหุ้นให้กับนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (พีพี) เพื่อนำเงินมาขยายศักยภาพในการรับงานก่อสร้างโรงงานเอทานอลให้ครบวงจร โดยในเบื้องต้นนั้นบริษัทจะอาจจะมีการจัดสรรหุ้นจำนวน 28.50 ล้านหุ้น ให้กับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับภาวะตลาดด้วย เพราะหากภาวะตลาดยังผันผวนเหมือนเช่นในปัจจุบันแผนดังกล่าวก็อาจจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพราะบริษัทยังมีศักยภาพกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้อีก โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) 2.5 เท่า และมีหนี้ระยะยาวเพียง 300 ล้านบาท และมีนโยบายรักษาระดับสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 2 เท่า
จ่ายปันผลปีนี้เกิน0.10บ.
นายปิยะกล่าวต่อว่า จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจากการหันเข้ามารุกธุรกิจการก่อสร้างโรงงานเอทานอลที่มองว่ามีอนาคตที่สดใสไม่แพ้ธุรกิจหลักแล้ว ดังนั้นคาดว่าในปี 2549 บริษัทน่าจะสามารถจ่ายปันผลได้สูงขึ้น เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีการจ่ายปันผลที่ 0.10 บาทต่อหุ้น
ส่วนความสามารถในการทำกำไรบริษัทยังคงพยายามรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้ให้อยู่ในระดับที่ 15% จากในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14% เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน แม้ว่าบริษัทจะมีการป้องกันไว้แล้วก็ตาม แต่ยังได้รับผลกระทบ รวมทั้งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเหล็ก และราคาสแตนเลสในตลาดโลกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตเครื่องจักรต่างๆ
โบรกมองเป้า3.52-3.92บ.
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินทิศทางการเติบโตรายได้ของ PATKL ในปีนี้ไว้ที่ 3,275 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 116.96 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการก่อสร้างโรงงานเอทานอลประมาณ 200-250 ล้านบาท ประกอบกับธุรกิจหลักคือการผลิต ติดตั้ง ก่อสร้างโรงงานให้กับอุตสาหกรรมอาหารมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งในช่วงกันยายนนี้โรงงานแห่งที่ 2 ที่จังหวัดเพชรบุรีจะมีการก่อสร้างแล้วเสร็จ ดังนั้นเชื่อว่าผลการดำเนินงานของ PATKL จะมีการเติบโตดีขึ้น
ดังนั้นฝ่ายวิจัยแนะนำ ?ซื้อลงทุน? เพราะบริษัทยังมีความเสี่ยงจากสภาพคล่องในการซื้อขายที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอ โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 3.52-3.92 บาท
ราคาต่ำบุ๊คแวลูที่3.36บ.
สำหรับผลการดำเนินงานของ PATKL ในไตรมาส 2/2549 มีกำไรสุทธิ 27 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.11บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.08 บาท
ส่วนในงวด 6 เดือนของปี 2549 มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.23บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 34 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.14 บาท และจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2549 หุ้น PATKL มีมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น 3.36 บาท
|
