แก๊งปั่นหุ้นเริ่มแตกสามัคคี วงการนี้เหลียวหลังได้ทีไหน เลือดอาบตัว เพราะทุกอย่างคุยกันด้วยเงิน
และเรื่องเงินไม่มีใครยอมขาดทุน แค่เห็นอีกฝ่ายกำไรมากกว่าก็ตาร้อนแล้ว อาการเริ่มออกมากขึ้นเรื่อย ๆ ....@

APURE โรจน์ บุรุษรัตนพันธุ์ เอ็มดีขอประกาศลาออก ไม่แจ้งสาเหตุและอาการ
บริษัทแต่งตั้งมนต์ชัย พงษ์สถาบดี แทน
ส่อแววเหมือนปิคนิค ที่ผู้บริหารทะยอยประกาศลาออกตลอดแม้แต่ประธานบอร์ดก็อยู่ไม่ได้....@

EWC-SGF น่าจะเป็นรายต่อไป นพ สัตยาศัยจะนั่งได้อีกนานแค่ไหน
ตลาดฯกระชากหน้ากากลูกหนี้แสบ 7 รายที่กู้เงินไป 500 ล้านบาท
เป็นเงินกู้จากอีสเทิร์นไวร์ปรากฎว่าพัวพันกับปิคนิคและEWC...@

นพ จะปฏิเสธความรับผิดได้อย่างไรว่าไม่รู้ ไม่เห็น เป็นเรื่องของเอสจีเอฟ
เข้าข่ายไซ่ฟ่อนเงินผ่านสยามเจอเนอรัลของวิชัย ทองแตง
ทั้ง 2 บริษัทส่อนัยปกปิดข้อมูลผุ้ถือหุ้นรายอื่น ..
เป็นไปได้อย่างไรรับเงินมาให้กู้โดยไม่รู้ลูกหนี้ทั้ง 7 มีความพัวพันกับผู้ให้กู้ ...@

น่าสงสารผู้ถือหุ้นรายย่อยของ 3 บริษัทนี้มาก
ผู้ถือหุ้นใหญ่มีพฤติกรรมไม่จริงใจ เจตนาไปในทางดูดเงินจากบริษัทไปช่วยกิจการครอบครัว....@

ใคร ๆ ก็รู้ เจเจแลนด์ คือบริษัทของเมียสุริยา ลาภวิสุทธิสิน
แล้วผู้บริหารSGF ยังกล้าบอกอีกหรือว่าไม่รู้
ถ้าเรื่องนี้ทั้ง 2 บริษัทมีเหตุผลชี้แจงไม่เพียงพอ น่าเสียดายความเก่งของ...@

ทนายหน้าหอวิชัย ใคร ๆ ก็เชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SGF
ยุคนี้คนทั่วไปถึงพูดว่า เป็นยุคตกต่ำของนักกฎหมาย ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อพวกพ้องมากกว่าประโยชน์สังคม...@

ถึงได้เห็นดร.วิษณุ เครืองาม และ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ลาออกจากรัฐบาลไทยรักไทย หนังเรื่องนี้ยังไม่จบง่าย ๆ ...@
ใครจะทำหน้าที่ทวงเงิน 800 กว่าล้านบาทที่ EWC ให้กู้ไปกับ เจเจแลนด์ คืนมา
วิหคเหิน รู้ตลาดฯและก.ล.ต.หนักใจหลายเรื่องที่ผ่านมาแต่ทำอะไรไม่ได้ จิ้มไปตรงไหนก็เจอนักการเมือง...@

ผู้ยิ่งใหญ่ แก๊งปั่นหุ้นที่พูดถึงยามนี้ คนในวงการรู้หมดไม่ใช่เสี่ยปู่ หรือ หมอย้ง
คือผู้มีอิทธิพลแตะไม่ได้ แต่ละคนแสวงหาเงินในตลาดหุ้น ใกล้ชิดกับผู้นำประเทศทั้งนั้น...@

ไม่ได้มีเสี่ยพ.คนเดียว เสี่ยส.(ไม่ใช่สอง)ก็มีด้วย ทั้ง ส. หญิง และ ชาย
แม้กระทั่ง พ. ก็ไม่ใช่แค่ พายัพ ชินวัตร ยังมีพ.อื่นอีกที่เป็นนักการเมือง
รวมทั้งส.ที่มีมากกว่า สุริยา เปลี่ยนแค่ สระตัวหลังก็คือผู้มีอิทธิพลในปัจจุบัน...@

ตลาดฯจะทำอะไรได้ ยุคนี้บทลงโทษจึงอ่อนแอ เฉพาะคนมีเส้นแต่ถ้าไม่มีตายอย่างเดียว....@

หุ้นไทยยามนี้เหี่ยวเฉา เหมือนหัวใจ ป๋า ร่วงโรยตามการลงทุน
ซื้ออะไรก็โด๊พไม่ขึ้น ป๋า อย่าโทษตัวเองไร้น้ำยา ..
มันไม่ใช่ความผิดของนักลงทุนต้องโทษนักการเมือง สร้างความวุ่นวายทุกอย่าง ทั้งภายนอกและในตลาดฯ....@

สัปดาห์นี้คือเทศกาลขึ้น XD มีหุ้น 43 ตัวพาเหรด ติดป้ายทะยอยมีทุกวันทั้งอาทิตย์
วานนี้มี13 ตัว ส่วนวันนี้มีอีก 13 ตัว และวันศุกร์ที่ 25 จะหนักสุดเป็นรอบของหุ้นใหญ่เช่น แอดวานซ์ชิน ฯลฯ....@

หุ้นจึงหงอยเป็นธรรมดา ตลาดฯจึงหมดข่าวดีเล่น การเมืองก็ไม่ชัดเจนโลเลตลอด
15 ตุลาฯนี้จะได้เลือกตั้งหรือไม่ก็ยังไม่ชัวร์ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าเลื่อนเลย
ถ้ากกต.ใหม่ 5 คนยังไม่ชำนาญงานก็ดึงศาลฯในแต่ละพื้นที่มาร่วมทำงาน...@

ทุกคนเฝ้ารอดูโฉมหน้ากกต.ใหม่จะเป็นใครบ้าง ส.ว.รักษาการจะทำเสร็จ 24 สิงหาฯนี้หรือไม่
ตลาดหุ้นจากนี้ไปจะเล่นกับข่าวการเมืองเป็นหลัก ถ้า 15 ตุลาฯได้เลือกตั้ง หุ้นสดใสระยะสั้น ไม่ยาว....@

ขึ้นกับพรรคใดได้เป็นรัฐบาล ป๋า ใจจรดจ่อประเด็นนี้มาก จะลงเอยเช่นไร
เหมือนวันรอคอยจะได้เสียกับกิ๊ก จังหวะนี้ให้เลือกหุ้นที่รับผลดีกับเศรษฐกิจ...@

เช่น กลุ่มที่ดิน ยอดขายไตรมาส 4 ดูดีกว่าทุกควอเตอร์ในปีนี้เพราะดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง
กลุ่มได้รับผลดีจากค่าบาทแข็งตัว พวกมีหนี้เป็นสกุลต่างประเทศ @

แม้เหลือหนี้นอกไม่มาก ก็ยังดีเงินที่เคยใช้เท่าเดิมแต่ลดภาระได้มากขึ้น
โดยเฉพาะ TPIPL วานนี้ปรับตัวลดลง จากข่าวขายเพิ่มทุนไม่หมด
บริษัทได้เงินกลับมาราว 12,000 ล้านบาท จาก 16,000 ล้านบาท ก็ไม่น่าเกลียด.....@

ได้เท่านี้ก็ถือว่ามาก และเงินที่เคยชำระหนี้เป็นรายเดือน ต่อจากนี้ไปลดภาระ เงินส่วนนี้ผลักมาเป็นรายได้
วิหคเหินกล้าท้าพนัน ปีนี้โพลีนจะมีปันผล แม้กระทั่งระหว่างกาลก็ลุ้นได้...@

เราถึงได้เห็นภาพ เสี่ยป.ชอบทุบหุ้น ไม่อยากให้หุ้นไปอยู่ในมือรายใหญ่มาก
ลองคิดดูเสี่ยควักเงินกว่าหมื่นล้านบาทเอาทีพีไอโพลีนไว้ ของอย่างนี้จะไม่ถอนทุนคืนได้อย่างไร...@
ยิ่งช่วงหน้าสิ่ว หน้าขวาน ใกล้เลือกตั้ง ใคร ๆ ก็ร้องเพลงเงินน่ะมีมั้ย...@