May 3, 2024   9:15:00 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > รอฟังคำตอบของอิหร่าน
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 21/08/2006 @ 22:36:58
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

22 ส.ค.นี้ รอฟังคำตอบของอิหร่านที่จะให้กับสหประชาชาติ แต่คาดยูเอ็นต้องผิดหวัง เพราะอิหร่านอาจไม่ยุติโครงการเสริม สมรรถภาพนิวเคลียร์ และเป็นปัจจัยหลักดันราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอีกระลอก จังหวะนี้วงการหุ้นไทยแนะนำเล่นเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน โดย หาโอกาสซื้อเมื่ออ่อนตัวสำหรับ PTT-PTTEP-TOP-RRC
ประเด็นโครงการนิวเคลียร์ในอิหร่าน จะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง เนื่องจากในวันที่ 22 ส.ค.นี้ จะครบกำหนดขีดเส้นตายที่อิหร่านจะให้คำตอบกับทางสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้อิหร่านยุติโครงการเสริมสมรรถภาพนิวเคลียร์เพื่อแลกกับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด ของอิหร่าน ได้ให้สัมภาษณ์ โดยยืนยันว่าอิหร่านจะไม่อ่อนข้อให้แก่ชาติ ตะวันตกที่กดดันให้อิหร่านล้มเลิกโครงการเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์
และสำหรับตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ ได้ยืนอยู่ในแดนลบตลอด โดยวานนี้ปิดที่ระดับ 705.93 จุด ลดลง 2.56 จุด มีมูลค่าการซื้อขายรวม 8,016.68 ล้านบาท นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศ
ไทย) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง คาดว่ามีสาเหตุมาจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับเรื่องของอิหร่าน เพราะมีท่าทีว่าอิหร่าน จะไม่ตอบรับข้อเสนอของชาติมหาอำนาจ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ฟาร์อีสท์ ให้ความเห็นว่าหากอิหร่านตัดสินใจที่จะดำเนินการเสริมสมรรถภาพนิวเคลียร์ต่อไป อาจจะทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียดอีกครั้งได้ และอาจทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันราย ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก จะใช้น้ำมันเป็นเครื่องต่อรองกับนานาชาติ โดยปัจจัยดังกล่าวอาจทำให้มีการกลับเข้าไปเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมัน หลังจากที่ในช่วงสัปดาห์ก่อนราคาน้ำมันดิบได้มีการปรับตัวลงอย่างแรงถึง 7 % จากการคลายความกังวลเกี่ยวกับการสู้รบในเลบานอนและการหยุดการผลิตในแหล่งพรูโด สหรัฐ แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ตลาดค้าน้ำมันได้เริ่มกลับมากล่าวถึงกรณีของ อิหร่านเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งความกังวลดังกล่าวอาจทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยฯ คาดว่าหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันอย่าง PTT, PTTEP, TOP, RRC จะกลับมา ได้รับความสนใจอีกครั้ง จึงแนะนำ ? ซื้อเก็งกำไร? โดยควรหาจังหวะซื้อที่ราคาอ่อนตัว

-บล.พัฒนสิน แนะเก็งกำไร PTT ตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น
PTT เก็งกำไรตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น (Fair Price 315 บาท Downside 248.50 บาท)
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับ 1 เดือน : แนะนำเก็งกำไร ตามราคาน้ำมันดิบ
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับ 6-12 เดือน : แนะนำ ซื้อสะสม
การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น : ราคาหุ้น PTT ในช่วง 1 เดือนและ 3 เดือนที่ผ่านมา ปรับสูงขึ้น 2.35% และลดลง 5.94% เมื่อ เทียบกับราคาปิดที่ 244 บาท และยังคงมีส่วนลด 22.54% เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสม 315 บาท ค่า PER ปี 49 อยู่ที่ 6.91 เท่า และในปี 50 ที่ 8.04 เท่า

ประเด็น
ท่อก๊าซเส้นที่ 3 คาดว่าจะล่าช้ากว่ากำหนดเดิมเล็กน้อย : ท่อก๊าซเส้นที่ 3 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ล่าช้าจากกำหนด เดิมเล็กน้อยจากเดิมกลางปี 49 เป็นเดือนต.ค. 49 ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 4-5% จากประมาณการเดิมที่ 8%
กลุ่มโรงกลั่นยังคงมีแนวโน้มแข็งแกร่ง : แนวโน้มค่าการกลั่นใน 2H49 คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงตามภาวะอุปสงค์และ อุปทานที่ยังมีแนวโน้มตึงตัว สำหรับการควบรวมกิจการระหว่าง RRC และ ATC คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ สำหรับการนำโรงกลั่น SPRC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทคาดว่าจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 25% (จาก 36% ในปัจจุบัน) ทั้งนี้บริษัทยังคงนโยบายที่จะควบรวมกิจการโรงกลั่นในเครือให้เหลือเพียงบริษัทเดียว
แนวโน้มอุตสหกรรมปิโตรเคมีปรับตัวดีขึ้น : แนวโน้มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลังและในปีหน้าปรับตัวดีขึ้น และอุปสงค์และอุปทานของอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ส่งผลให้ราคาและ Spread ของปิโตรเคมีมีแนวโน้มที่จะไม่ปรับตัวลด ลงอย่างมีนัยสำคัญอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
พัฒนาการเชิงบวกสำหรับ TPI : สำหรับ TPI ในเบื้องต้นมีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงานปัจจุบันก่อนโดยเฉพาะ อย่างยิ่งในส่วนของโรงกลั่นและโรงไฟฟ้า นอกจากนั้นบริษัทอยู่ระหว่างการทำ bridge financing ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อยุติในเร็ว ๆนี้ ดังนั้นจึง มีความเป็นไปได้ที่ TPI จะจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 49 อย่างไรก็ตาม PTT จะแยก TPI ไว้ต่างหากก่อนเนื่องจากมีลักษณะ เป็น Integrated

-บล.ฟิลลิป แนะนำซื้อ RRC ระบุราคาพื้นฐาน 25 บาท
RRC รายงานผลประกอบการ 2Q49 มียอดขายเท่ากับ 46,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85%YoY , 4%QoQ กำไรสุทธิเท่ากับ 3,421 ล้านบาท เติบโต 58%YoY , 46%QoQ กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.40 บาท และในงวดนี้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 483 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว (2Q48) บันทึกขาดทุน แต่ลดลง 37%QoQ ดังนั้นถ้าไม่รวมผลกระทบอัตรแลกเปลี่ยนบริษัทมีกำไรจากการ ดำเนินงานเท่ากับ 2,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%YoY, 88%QoQ กำไรสุทธิ 1H49 เท่ากับ 5,759 ล้านบาท เทียบเป็นสัดส่วนเท่ากับ 57% ของประมาณการปี 2549 ที่เราคาดไว้ที่ 10,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54%YoY (เปรียบเทียบไม่รวมกำไรจากปรับโครงการหนี้) กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 3.61 บาท บนสมมติฐานค่าการกลั่นที่ 7.10 เหรียญต่อบาร์เรล คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานเท่ากับ 25 บาท

-บล.สินเอเซียแนะนำซื้อ TOP ลงทุนระยะยาว ที่ราคาเป้าหมายปี 49 ที่ 75 บาท
แนะนำ ?ซื้อ? ลงทุนระยะยาว TOP ที่ราคาเป้าหมายปี 49 ที่ 75 บาท ใช้ P/E ที่ 9 เท่า โดยผลกำไรปกติ 1H49 คิดเป็น 51% ของประมาณการกำไรปกติปี 49 ของ ACLS โดยคาดว่าในระยะยาว TOP ยังเป็นหุ้นที่มีโอกาสเติบโตจากการขยายกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นบาร์เรลต่อวันในช่วงกลางปี 50 และการกระจายไปยังธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นและปิโตรเคมีจะช่วยลดความผันผวนจากค่าการกลั่นของธุรกิจโรงกลั่นได้ดีขึ้น

ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน
รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 20.7% YoY และ 13.8% QoQ : รายได้สูงขึ้น YoY โดยใน 2Q49 กำลังการกลั่นที่ 110% ใกล้เคียงกับ 2Q48 ที่มีอัตรา 109% แต่เพิ่มขึ้นมากจาก 106% ใน 1Q49 เนื่องจาก 1Q49 มีการหยุดเดินเครื่อง และตั้งแต่ 2Q49 TOP มีกำลังการกลั่น เพิ่มขึ้นจากโครงการ Hot Oil ที่เชื่อมโยงระบบของไทยลู้บเบส (TLB) ให้ส่งความร้อนมาเพิ่มอุณหภูมิของน้ำมันดิบให้สูงขึ้นก่อนเข้าสู่หน่วย กลั่นที่ 1 ส่งผลให้มีกำลังการกลั่นเพิ่มอีก 5 พันบาร์เรลต่อวันรวมเป็น 2.25 แสนบาร์เรลต่อวันค่าการกลั่น (Gross Refinery Margin) ใน 2Q49 อยู่ที่ 10.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล : ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับ 6.55 ดอลลาร์ สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 2Q48 และ 4.65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลใน 1Q49 เป็นผลจากความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปที่เพิ่มขึ้นใน อินโดนีเซีย และกำลังการผลิตที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายแห่งในภูมิภาคทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตรา ที่สูงกว่าราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากความกังวลด้านอุปทานจากกรณีนิวเคลียร์ของอิหร่านและสถานการณ์ความไม่สงบในไนจีเรีย

-บล.ซีมิโก้แนะนำเก็งกำไร PTTEP มูลค่าพื้นฐานปี 50 ที่ 124 บาท
แม้ว่าปรับลดเป้าหมายการผลิตของ PTTEP อาจส่งผลจิตวิทยาเชิงลบต่อนักลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นก็จะยังส่งผลต่อการเก็งกำไรในหุ้นนี้ เรายังคงคำแนะนำ ?เก็งกำไร? ที่มูลค่าพื้นฐานปี 50 ที่ 124 บาท คาดว่า ราคาหุ้นจะยังมีการเคลื่อนไหวที่ผันผวนตามการแกว่งตัวของราคาน้ำมันดิบ

efinancethai.com[/color:9447fbf2ed">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com