May 3, 2024   6:51:57 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 12 หุ้น(ร้อน)เก็งกำไร.."ขาดทุนหนัก"
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 19/08/2006 @ 01:46:08
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เช็คสุขภาพหุ้นเก็งกำไร หลังประกาศผลงานไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือน พบ อาการสาหัส เพียบ!!! โดยเฉพาะ 12 หุ้นเก็งกำไร ยอดแย่ หน้าเดิมๆ


จากการสำรวจหุ้นที่เข้าข่าย เก็งกำไร ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก พบว่า มี 6 บริษัทที่มีผลงานแย่ที่สุด ได้แก่ SGF IEC EWC BLISS PICNI และ BNT

โดย SGF เป็นหุ้นในกลุ่ม หุ้นร้อน ที่มีผลขาดทุนมากสุด ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ ถึง 587.66 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่กำไร 15.65 ล้านบาท ขณะที่ผลงานงวด 6 เดือนปีนี้ มีผลขาดทุน 580 ล้านบาท จากที่มีกำไรก่อนหน้า 8.6 ล้านบาท..แย่ที่สุดในกลุ่ม

ขณะที่ IEC มีผลขาดทุน(มาก)รองลงมา ในไตรมาสที่ 2 มีผลขาดทุน 192.85 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 10.33 ล้านบาท

IEC เป็นหุ้นเก็งกำไรที่ เจ้ามือ พยายามหาสตอรี่ใหม่ๆ มาเล่นอยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดไปซื้อหุ้น BLISS แต่หุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน คือ ตัวธุรกิจเริ่มมีปัญหา จากนี้การทำราคาหุ้นจึงยากลำบากมากขึ้น ราคาหุ้นจึงถูก ทิ้ง อย่างรุนแรง

ทั้งนี้บริษัทได้แจ้งว่า ผลขาดทุนเกิดจากรายได้จากการขาย และอัตรากำไรขั้นต้นลดลง จึงทำให้กำไรขั้นต้นไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร นอกจากนี้บริษัทย่อยแห่งหนึ่งได้มีการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการตีราคาหลักทรัพย์เพื่อค้าอีกจำนวน 65 ล้านบาท

ส่วนหุ้น BLISS ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มีผลการดำเนินงานออกมาขาดทุนมากถึง 293 ล้านบาท ลดลงถึง 743% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไร 34.77 ล้านบาท ใกล้เคียงกับผลงานงวด 6 เดือนที่มีผลขาดทุน 292 ล้านบาท

บริษัทแจ้งว่าผลขาดทุนเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จากราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ผู้บริโภคจึงมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเฉพาะด้านราคาขาย บริษัทจึงจำเป็นต้องเร่งระบายสินค้าคงเหลือที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยลดราคาขายของสินค้า

อีกตัวคือหุ้น EWC ไตรมาสที่ 2 มีผลขาดทุนถึง 516.32 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนยังมีผลกำไร 28.65 ล้านบาท และงวด 6 เดือน มีผลขาดทุน 476 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันมีกำไร 49.37 ล้านบาท

EWC หาทางออกธุรกิจได้ค่อนข้างยาก เพราะเงินสด 500 ล้านบาท ที่ปล่อยกู้ให้ SGF นำไปปล่อยกู้ต่อไม่ได้รับชำระคืน ยิ่งบริษัทมีผลขาดทุนสะสมมากขึ้นจะยิ่งอยู่ได้ลำบากในสถานการณ์เช่นนี้ นักวิเคราะห์รายหนึ่งตั้งข้อสังเกต

ด้านหุ้น PICNI ก็มีปัญหา ผู้สอบบัญชีไม่รับรองงบการเงิน และอยู่ในสภาพมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไตรมาสที่ 2 มีผลขาดทุนถึง 162.72 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนมีผลขาดทุนถึง 982.51 ล้านบาท จากที่เคยมีกำไรช่วงเดียวกัน 101.95 ล้านบาท

หลักๆ ผลขาดทุนเกิดจากรายได้การขายน้ำมันปิโตรเลียมลดลง เนื่องจากบริษัทได้เปลี่ยนแปลงวิธีการค้าน้ำมัน ทำให้กำไรขั้นต้นลดลงและรับรู้ผลขาดทุนจากการยกเลิกสิทธิการใช้เครื่องหมายการค้า รวมถึงมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ตลอดจนมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นหลังจากอัตราดอกเบี้ยในตลาดได้ปรับสูงขึ้น

หุ้นร้อนอีกตัวได้แก่ BNT ก็มีสภาพไม่แตกต่างกันมากนัก มีผลขาดทุนไตรมาสที่ 2 มากถึง 267.47 ล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 185.23 ล้านบาท คิดเป็นผลขาดทุน 225% และงวด 6 เดือน ขาดทุน 341.24 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังมีหุ้นเก็งกำไร อีก 6 ตัว ที่ขาดทุนอย่างมากเช่นเดียวกัน ได้แก่ N-PARK, ASL, GBX, SUPER, POWER และ TFD

นักวิเคราะห์จาก บล.ไซรัส ให้คำแนะนำว่า นักลงทุนรายย่อยควรจะหยุดเล่นหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็ก ที่มีพื้นฐานไม่แข็งแกร่งได้แล้ว และควรหันไปพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่และพื้นฐานแข็งแรงอย่างกลุ่มพลังงานจะดีกว่า โดยหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงเขาแนะนำให้ลงทุนเพิ่มเป็น 50% ของเงินในพอร์ต จากปัจจุบันที่แนะนำให้ลงทุนเพียง 30% เท่านั้น

ถ้าหากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวและมีการเลือกตั้ง ภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจะยิ่งย่ำแย่ เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนจะหดตัวลงไปเรื่อยๆ ขณะที่ธุรกิจขนาดเล็กและมีผลขาดทุนสะสมจำนวนมากๆ จะยิ่งอยู่ลำบากมากขึ้น จึงแนะให้นักลงทุนหยุดเล่นหุ้นเก็งกำไรจะดีกว่า นักวิเคราะห์คนเดิมกล่าว

ด้านนักวิเคราะห์อีกราย กล่าวว่า บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากผลกระทบราคาน้ำมันและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนธุรกิจ ขณะเดียวกันบริษัทก็ขายสินค้าและบริการได้ยาก ยิ่งเป็นหุ้นประเภทเก็งกำไรจะโดนผลกระทบหนักกว่า เพราะพื้นฐานของธุรกิจไม่แน่น

ยิ่งบริษัทพวกที่ถูกเทคโอเวอร์ หรือพวกที่หลุดออกจากหมวดฟื้นฟูกิจการด้วยแล้ว ผลงานจะยิ่งตกมาก เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากการแต่งงบให้สวยงาม ไม่ใช่ธุรกิจที่ดีจริง

เขายังกล่าวเสริมด้วยว่า ที่ผ่านมาสาเหตุที่ราคาหุ้นสามารถยืนอยู่ได้ ก็เป็นเพราะมีการทำราคาของเจ้ามือหรือไม่ก็เจ้าของบริษัทเข้ามาเล่นเอง หลังจากธุรกิจประสบกับปัญหาต้นทุนสูงขึ้นทำให้ธุรกิจของบริษัทเริ่มไปไม่รอด ใครที่เข้าไปเล่นหุ้นกลุ่มนี้จะยิ่งเจ็บตัวหนัก เพราะเจ้าของรอจังหวะลากหุ้นขึ้นมาขายหุ้นทิ้งอย่างเดียว

--------------------------

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 19/08/2006 @ 16:22:14 : re: 12 หุ้น(ร้อน)เก็งกำไร.."ขาดทุนหนัก"
อย่ากั๊ก วิเคราะห์มั่ว
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com