[b:2f36fcd04e">กองทุนจ้องซื้อหุ้น?TPI? [/b:2f36fcd04e">
--------------------------------------------------------------------------------
หุ้นบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด(มหาชน) TPI ยังครองแชมป์หุ้นร้อนอย่างเหนียวแน่น นักลงทุนแห่งเก็งกำไรสนั่นเล่นประเด็นปลดเครื่องหมาย?NC? หลังตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันแล้วว่า ภายในสิ้นเดือนนี้คืนสู่อิสรภาพแน่พร้อมย้ายกลับเข้าเทรดในหมวดปกติได้อย่างที่ผู้บริหารคาดหวัง และจากวอลุ่มที่ทะลักเข้ามาสูงสุดติดอันดับหนึ่งวานนี้(16ส.ค.) กว่า 1,400 ล้านบาท ตอกย้ำความมั่นใจของผู้ลงทุนได้ชัดว่ามีลุ้นปลดล็อกภายในสัปดาห์นี้ รอเพียงรายงานข้อมูลสรุปสารสนเทศที่จะเป็นกุญแจสำคัญแจ้งวันปลดล็อกที่รอกันมานาน ด้านโบรกเกอร์มอง TPI หลังจากนี้ไม่ธรรมดา ขยับชั้นสู่หุ้นพื้นฐานดึงดูดทั้งนักลงทุนและกองทุนต่างประเทศ และยังมีโอกาสนำเข้าคำนวณดัชนี SET 50 ในปีหน้า แนะกลยุทธ์ลงทุน ?เก็งกำไร? ให้แนวรับ 7.40-7.20 บาท และแนวต้าน 8.00-8.30 บาท ส่วนบล.เอซียพลัส ปรับประมาณการกำไรปี 2549 และ ปี 2550 ทันที หลังทำกำไรสุทธิครึ่งปีสูงถึง 6,470 ล้านบาท กินรวบถึง 78% ของประมาณการเดิมทั้งปีนี้ แนะ?ซื้อ ?ให้เป้าหมาย 9.00 บาทต่อหุ้น
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TPI วานนี้(16ส.ค.)มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งตามแรงเก็งกำไรคาดการณ์ว่าตลาดหลักทรัพย์จะปลดเครื่องหมาย NC ในเร็วนี้ โดยเปิดตลาดที่ 7.35 บาท ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 7.60 บาท และปิดตลาดที่ 7.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 4.14% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 1,436.44 ล้านบาท
นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับตัวอย่างคึกคักของราคาหุ้นบริษัท อุตสาหรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) TPI เป็นรีงเก็งกำไรคาดการณ์ว่าบริษัทจะปลดเครื่องหมาย ?NC ? และย้ายกลับเข้าเทรดในหมวดปกติได้ในเร็วๆนี้
โดยมองว่าหลังจากปลดล็อกเครื่องหมาย NC จะทำให้นักลงทุนและกองทุนต่างประเทศมีความมั่นใจและเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปี 2550 หุ้น TPI จะถูกนำเข้าไปคำนวณดัชนีใน SeT50
?ฝ่ายวิจัยมองว่า TPI ยังเป็นบริษัทที่มีอนาคต เพราะหลังปลดเครื่องหมาย C แล้วจะเป็นบริษัทที่ถูกจับตาสำหรับกองทุนและนักลงทุนต่างชาติ เพราะปัจจัยพื้นฐานบริษัทค่อนข้างแข็งแกร่งและเป็นอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ครบวงจร ? นายกมลชัยกล่าว
นอกจากนี้ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถออกหุ้นให้แก่กรรมการและพนักงาน ( อีสป ) ได้หากบริษัทยื่นขอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) เพราะปัจจุบันบริษัทมีคุณสมบัติที่ครบถ้วน รวมถึงงบการเงินไตรมาส 2/2549 ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เห็นว่าไม่มีปัญหา เพราะผู้สอบบัญชีให้คำรับรองงบการเงินไว้แล้ว ถึงบริษัทย่อยทั้ง 5 แห่งจะไม่นำส่งงบการเงินให้ตรวจสอบก็ตาม
ส่วนกลุยทธ์การลงทุนในหุ้น TPI ฝ่ายวิจัยแนะนำ ?เก็งกำไร? โดยให้แนวรับไว้ที่ 7.40-7.20 บาท แนวต้าน 8.00-8.30 บาท
ผ่าน7.60เล่นสั้นสะดวก
ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย ) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น TPI หากระดับราคาหุ้นไม่สามารถวิ่งผ่าน 7.60 บาท ยังคงไม่แนะนำให้เข้าลงทุนแต่หากราคาหุ้นสามารถผ่านแนวต้านนี้ได้แนะนำ ?ซื้อ? โดยให้แนวรับ 7.50 บาท และแนวต้าน 7.60-8.00 บาท
โบรกปรับกำไรปี2549-2550
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด(มหาชน) ปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมิกัลไทย จำกัด(มหาชน) TPI ในปี 2549 และปี 2550 หลังจากบริษัทประกาศผลกําไรสุทธิงวดครึ่งปี 2549 สูงถึง 6,470 ล้านบาท และคิดเป็น 78% ของประมาณการเดิมที่ฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มประมาณการกําไรสุทธิปี 2549-2550 เพิ่มขึ้น จึงยังคงคำแนะนำเดิม?ซื้อ? และให้ราคาเป้าหมาย 9.00 บาทต่อหุ้น
สำหรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2549 ปรับเพิ่มเป็น 11,821 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.61 บาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 8,306 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น0.43 บาท ส่วนในปี 2550 ปรับเพิ่มกำไรสุทธิเป็น 8,952 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.46 บาท จากเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 5,813 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.30 บาท
อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มผลการดําเนินงานไตรมาส 3/2549 จะปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา
โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2549 คิดเป็นสัดส่วน 45% ของประมาณการกําไรสุทธิทั้งปี 2549 ที่ฝ่ายวิจัยคาด) เนื่องจากค่าการกลั่นโดยเฉลี่ยที่คาดว่า จะปรับตัวลดลงจากงวดไตรมาส 2/2549 ที่ระดับเฉลี่ย 8.93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลงสู่ระดับเฉลี่ย 6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปัจจุบัน ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีน่าจะมีฐานกำไรสุทธิที่ทรงตัวในระดับใกล้เคียงกับงวดไตรมาส 2/2549
ทำกำไรQ2เกินคาด
ทั้งนี้ TPI ประกาศกําไรสุทธิไตรมาส 2/2549 ถึง 3,990 ล้านบาท ซึ่งงบการเงินรวมที่จัดทํารวม
กับบริษัทย่อยเพียง 3 แห่งเท่านั้น และยังไม่รวมอีก 20 บริษัทย่อยที่ TPI ถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม
ซึ่งไม่ได้จัดส่งงบการเงินระหว่างกาลให้แก่ TPI
อย่างไรก็ตาม TPI ได้เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงินเกี่ยวกับผลการดําเนินงานของบริษัทย่อยทั้ง 20 แห่งในไตรมาส 1/2549 และปี 2549 ซึ่งเท่ากับ 245 ล้านบาท และ 137 ล้านบาท โดยไม่รวมกําไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ตามลําดับ ซึ่งไม่มีนัยสําคัญเมื่อเทียบกับผลการดําเนินงานของ TPI ในงวดเดียวกัน เพิ่มขึ้นถึง 61% จากไตรมาสก่อน และสูงเกินกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ระดับเพียง 2,520 ล้านบาท โดยกําไรจากการดําเนินงานในไตรมาส 2/2549 เท่ากับ 3,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 160% จากไตรมาสก่อน โดยไม่รวมกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 387 ล้านบาท
ส่วนกำไรขั้นต้น(Gross margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 1/2549 เล็กน้อยคือ 13.50% ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาด โดยโครงสร้างรายได้และกําไรของ TPI ในไตรมาส 2/2549 พบว่าธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และกําไรจํานวนมากให้แก่ TPI ในงวดนี้ เนื่องจากค่าการกลั่นเฉลี่ยในไตรมาส 2/2549 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 95% จากไตรมาสก่อน
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีกลับสร้างกําไรในสัดส่วนที่ลดลง จากที่เคยมีสัดส่วนที่สูงกว่าธุรกิจน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาวัตถุดิบแนฟทาในอัตราที่รวดเร็วกว่า และการปรับตัวขึ้นของราคาเม็ดพลาสติก

ฟฟฟฟ3

.0008 ขอบคุณค่ะ