ยังไม่พร้อมจะแหกด่าน ?
--------------------------------------------------------------------------------

แนวโน้มดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านบริเวณดัชนี 715 จุดขึ้นไปได้
ซึ่งหากวันนี้ทดสอบอีกครั้งไม่ผ่านคาดว่าจะเป็นจุดลดการลงทุนระยะสั้นและเลือกลงทุนเป็นรายตัวตามบรรยากาศการลงทุน เพราะความเสี่ยงระยะสั้นของตลาดเริ่มสูงขึ้น ขณะที่ความมั่นใจในการลงทุนระยะสั้นยังไม่สะท้อนออกมาในแง่มูลค่าการซื้อขาย ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดที่ร 712.07 เพิ่มขึ้น 4.39
จุดโดยมีมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 15,675 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่ราคาปิดเพิ่มขึ้นมี 188 หลักทรัพย์ ลดลงมี 167
หลักทรัพย์และอีก 87 หลักทรัพย์ราคาปิดไม่เปลี่ยนแปลงดัชนีสูงสุดระหว่างการซื้อขาย 715.30 เพิ่มขึ้น 7.62 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 710.07 เพิ่มขึ้น 2.39 จุด ภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีระหว่างวันทำให้นัยทางเทคนิคว่า
การทดสอบแนวต้านบริเวณดัชนี 715 ยังขาดความเฉียบคมที่จะผ่านได้ แต่ทั้งนี้หากดัชนียังไม่ต่ำกว่าระดับ 705
จุดยังไม่มีนัยสำหรับการอ่อนตัวที่รุนแรง

ข้อสังเกตทางเทคนิคของดัชนีภาพการเคลื่อนไหวของดัชนียังให้มุมมองในทางลบต่อการลงทุนระยะสั้น
แม้ว่าในทางปฏิบัติดัชนีจะมีจุดสูงบริเวณ 715 จุดก็ตาม แต่การปิดที่ต่ำกว่าระดับ 713 จุดนั้นยังเป็นสัญญาณเตือนการปรับตัวที่ถี่ขึ้น แม้ว่ารูปแบบการปรับตัวจะเป็นลักษณะการย้ายหลักทรัพย์ในการลงทุน โดยหุ้นกลุ่มเก็งกำไรมีการปรับตัวที่ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการประกาศผลการดำเนินงานออกมา และปรากฏว่าผลการดำเนินงานของหลายบริษัทมีการเชื่อมโยงผลกำไรขาดทุนกับบริษัทจดทะเบียนอื่น ๆ ทำให้เกิดความสงสัยว่า
บริษัทเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องทางด้านการเงินในเชิงธุรกิจหรือมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้น

หุ้นกลุ่มปราบเซียนประเภท Money Game ยังคงพ่นพิษสงและมีแรงเหวี่ยงของราคาค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่ม EWC SGF IEC MME EVER D1 APURE โดยเฉพาะการประกาศผลขาดทุนกว่า 500 ล้านบาทของหุ้น EWC ที่มีการให้ SGF กู้ยืมเงินและเกิด Default ทำให้ต้องมีการตั้งขาดทุนจำนวนมาก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ราคาหุ้น EWC กลับลดลงไม่มากนักทั้ง ๆที่เป็นผู้เสียหาย ส่วนราคาหุ้น SGF ที่เป็นลูกหนี้ราคาหุ้นกลับเพิ่มขึ้น
เอาเป็นว่างานนี้ตลาดหลักทรัพย์และกลต.ควรจะมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมกันหน่อยเพราะภาพที่เกิดขึ้นนั้นดูไม่ค่อยดีในมุมสำหรับผู้ลงทุน

เป็นที่น่าสังเกตว่า หุ้นประเภท Market Cap ส่วนใหญ่มีบทบาทของ เจ๊ดัน เต็มที่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ผลัดกันออกหน้าออกตาดันดัชนีให้ดูดี บริเวณที่สูง ๆ รองลงมาก็เป็นหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มพัฒนาที่ดินและกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่ยังมีภาพของการฟื้นตัว ที่ดำเนินต่อไป แต่เป็นการฟื้นตัวในลักษณะแคบ ๆ
ซึ่งหากมองในแง่นักลงทุนตลาดหุ้นระยะสั้นก็ไม่ถึงกับเลวร้าย ยังมีตัวเลือกให้เล่น เพียงแต่นักลงทุนอาจจะต้องวิ่งเร็วขึ้นเพราะ ส่วนต่าง ของราคาหุ้นที่เปิดโอกาสให้หาผลตอบแทนเริ่มแคบลง ๆ

กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น นั้นคาดว่ายังคงเป็นการปรับพอร์ตการลงทุนโดยการขายหุ้นออกและย้ายตัวลงทุนหรือถือเงินสดเพื่อหาจังหวะในการลงทุนใหม่ เพราะตลาดระยะสั้นเริ่มส่งสัญญาณ Overheat และราคาหุ้นเริ่มอิ่มตัว
สลับกับการปรับฐานราคาดังนั้นหากบรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นหลักที่ชี้นำการลงทุนระยะสั้นเริ่มลดบทบาทในเชิงบวกคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวรุนแรงขึ้น

สำหรับหลักทรัพย์ที่คาดว่าน่าจะยังสามารถลงทุนในระยะสั้น ๆ ในลักษณะเล่นรอบเร็ว ประเภทจังหวะ ฝีมือ และพร้อมที่จะหยุดการขาดทุนหากคิดว่า ความคิดนั้นไม่ถูกต้องสำหรับกลุ่ม Money Game ที่น่าติดตามเช่น IEC(202-1.74) TPIPL(10.40) APURE(2.68) DE MIDA ส่วน[b:efcdd07144">หุ้นในเกรดที่นักลงทุนอาจจะพักเงินในเชิงการลงทุนโดยไม่กังวลนักเช่น AMATA LH HANA เป็นต้น[/b:efcdd07144">

ฟฟฟฟ3

...