May 3, 2024   9:24:47 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลุ่มรับเหมาฯ Q2/49กำไรทรุดฮวบ371%
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 16/08/2006 @ 23:53:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ผลประกอบการกลุ่มรับเหมาก่อสร้างQ2/49 ดิ่งเหว กำไรวูบ 371.37% STEC ตัวฉุดหลังขาดทุนยับเยิน 1.8 พันลบ. ส่งผลกำไรทรุดกว่า 1,600% ขณะที่ ITD ไม่น้อยหน้ากำไรหด 29.25% เหตุต้นทุนพุ่งกระฉูดตามราคาน้ำมัน แต่รับเหมาฯขนาดกลางร่าเริง SEAFCO มาวินกำไรเพิ่มสูงสุด 240.76% ตามด้วย NWR โต123.12% หลังพลิกกลับมามีกำไร ด้านวงการ ระบุ ครึ่งปีหลังจะอยู่หรือไปฝากความหวังไว้กับความชัดเจนทางการเมือง เชื่อหากได้รัฐบาลชุดใหม่จะช่วยดันผลการดำเนินงานปี 50 แจ่ม เหตุโครงการขนาดใหญ่มีแววเปิดประมูลงาน แนะลงทุนหุ้นรับเหมากลาง-เล็ก ดีที่สุด ชี้ โดดเด่นเรื่องบริหารต้นทุนได้ดี-งานส่วนใหญ่เป็นงานภาคเอกชน
ในภาวะที่สถานการณ์ทางการเมืองยังไม่มีความชัดเจนหลังจากที่มีการยุบสภาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้นโยบายของภาครัฐ รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆต้องชะลอออกไปเพื่อรอรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาสานต่อ จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยในช่วงไตรมาส 1/49 ผลกระทบดังกล่าวอาจยังไม่สะท้อนในผลการดำเนินงานมากนัก แต่ในไตรมาส 2/49 ดูเหมือนผลกระทบดังกล่าวจะสะท้อนออกมาชัดเจน ทั้งผลจากการชะลอเปิดประมูลโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ เช่น โครงการเมกะโปรเจ็คส์ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาวัสดุเพิ่มขึ้นตามด้วย ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่อย่าง STEC-ITD ก็ไม่สามารถต้านทานผลกระทบดังกล่าวได้ แม้ว่ามูลค่างานจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ติดปัญหาการรับรู้รายได้บางโครงการล่าช้า และโครงการภาครัฐหลายโครงการฃะลอการจ่ายค่า K หรือวงเงินชดเชยค่าวัสดุก่อสร้าง
แต่จะเห็นได้ว่าบริษัทผู้รับเหมาขนาดกลาง-เล็ก จะได้รับผลกระทบจากประเด็นข้างต้นน้อยมาก เพราะมูลค่างานแต่ละโครงการไม่สูงมาก ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ดี ประกอบกับงานโครงการส่วนใหญ่เป็นงานภาคเอกชน ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนและเรียกเก็บค่าก่อสร้างได้ตามจริง แต่เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานไตรมาส 2/49 ของกลุ่มรับเหมาโดยรวมกำไรลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่เป็นตัวฉุด

***STEC อ่วม Q2/49 ขาดทุน 1.8 พันลบ.


ผู้สื่อข่าว eFinanceThai.com รวบรวมผลประกอบการไตรมาส 2/49 ของหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง 10 บริษัทพบว่า มีผลประกอบการขาดทุนสุทธิรวม 1,312.01 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิรวม 483.47 ล้านบาท คิดเป็นผลประกอบการทั้งกลุ่มลดลง 1,795.48 ล้านบาท หรือลดลง -371.37%
โดยบริษัทที่ขาดทุนสูงสุดได้แก่ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ไตรมาส 2/49 ขาดทุนสุทธิ 1,856.66 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 122.35 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 1,979.01 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง -1,617.50% ขณะที่บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) กำไรเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 28.42 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8.34 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 20.08 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 240.76%
ขณะที่บมจ. แอสคอน คอนสตรัคชั่น ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 28.10 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 15.85 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 12.25 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 77.28% บมจ.ช.การช่าง ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 199.65 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 143.42 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 56.23 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 39.20%
บมจ.อีเอ็มซี (EMC) ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 9.14 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 25.28 ล้านบาท กำไรลดลง 16.14 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 63.84% บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 178.32 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 252.06 ล้านบาท กำไรลดลง 73.74 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 29.25%
ส่วนบมจ.เค-เทค คอนสตรัคชั่น (KTECH) ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 5.68 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.04 ล้านบาท กำไรลดลง 1.36 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 19.31% บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 31.76 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 137.34 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 169.1 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 123.12%
บมจ.เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง (PLE) ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 40.21 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 98.98 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 58.77 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 59.37% และบมจ.ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYTEC) ไตรมาส 2/49 มีกำไรสุทธิ 23.37 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 52.51 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 75.88 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 144.50%

***โบรกฯ ชี้ครึ่งปีหลังหุ้นรับเหมาฯ ฝากชีวิตไว้กับการเมือง


นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอสวิคเคอร์ส เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/49 ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาวัสดุที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของ STEC ที่ขาดทุนสูงกว่าที่คาดการณ์เป็นเพราะบริษัทปรับเปลี่ยนวิธีการบันทึกบัญชีโดยตั้งสำรองผลขากทุนจากโครงการในมือทุกโครงการเพื่อให้สะท้อนผลกระทบจากราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริงในไตรมาสนี้เพียงไตรมาสเดียว ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังของ STEC มีโอกาสที่จะฟื้นตัวในแง่บัญชี ส่วนบริษัทรับเหมาอื่นๆที่ยังไม่ตั้งสำรองผลการดำเนินงานไตรมาสต่างๆก็จะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของกลุ่มรับเหมาขึ้นอยู่กับความชัดเจนทางการเมือง หากมีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลชุดใหม่จะส่งผลดีกับกลุ่มดังกล่าว เพราะโครงการภาครัฐขนาดใหญ่หลายๆโครงการนอกเหนือจากโครงการเมกะโปรเจ็คส์ชะลอออกไป เพราะติดปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณจะเริ่มเปิดประมูลโครงการได้ โดยผลจากการได้รัฐบาลชุดใหม่จะเห็นชัดเจนในผลการดำเนินงานของกลุ่มรับเหมาในปี 2550
ครึ่งปีหลังกลุ่มรับเหมาที่จะมีผลการดำเนินงานดีจะต้องเป็นบริษัทที่สามารถจัดการบริหารต้นทุนแต่ละโครงการได้ดี ซึ่งการจัดหาวัสดุก่อสร้างของแต่ละบริษัทมีความแตกต่างกัน หากบริษัทไหนมีอำนาจการต่อรองสูงก็จะได้รับผลกระทบจากราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้นน้อยนายปริญทร์กล่าว

***แนะเล่นหุ้นรับเหมาฯกลาง-เล็ก เหตุมูลค่างานต่ำ-บริหารต้นทุนเยี่ยม


อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิเคราะห์อยู่ระหว่างปรับประมาณการณกำไรสุทธิกลุ่มรับเหมา โดยเฉพาะ STEC หลังจากประกาศงบการเงินไตรมาส 2/49 ออกมาทั้งหมด ซึ่งในช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุน ซื้อ หุ้นรับเหมาขนาดกลาง-เล็ก เนื่องจากบริษัทรับเหมาขนาดกลาง-เล็กมีความสามารถในการบริหารโครงการ เพราะโครงการส่วนใหญ่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ขณะที่กลุ่มรับเหมาขนาดใหญ่มีรายได้จากโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจึงได้รับผลกระทบสูง
ทั้งนี้แนะนำ ASCON ราคาเป้าหมาย 14.70 บาท PLE ราคาเป้าหมาย 12 บาท CK ราคาเป้าหมาย 15 บาท

***บล.ซิกโก้ คาดครึ่งปีหลังผลงานยังไม่กระเตื้อง เหตุปัจจัยลบรุมเร้าทั้งการเมือง-ราคาวัสดุฯพุ่ง


นายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลังคงจะไม่แตกต่างจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาชะลอลง เพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ ขณะเดียวกันปัจจัยการเมืองก็ส่งผลลบต่อจิตวิทยาการลงทุน ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่กล้าตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ถ้าการเมืองดีมีการเลือกตั้งเร็วก็ไม่มีอะไรแต่ถ้าหากไม่มีการเลือกตั้งแต่คงได้รับผลกระทบไม่ต่างจากครึ่งปีแรก ผู้ประกอบการที่มีงานเก่าก็คงจะอยูได้แต่ถ้าไม่มีก็แย่ นายเกียรติก้อง กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้เร็วขึ้นคาดว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากจะทำให้โครงการเมกะโปรเจ็กมีความชัดเจนและการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ คงจะได้รับประโยชน์จากกรณีนี้ โดยเฉพาะบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ส่วนผู้ประกอบการรายอื่นๆ หากไม่มีงานเดิมอยู่ในมือคาดว่าในอนาคตอาจจะได้รับผลกระทบและทำให้ผลประกอบการออกมาไม่ดีหรือต่ำกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมได้

*** SEAFCO เล็งเพิ่มเป้ารายได้ หลัง Q2/49 กำไรกระฉูด


นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยกับ efInanceThai.com ว่าประมาณการรายได้ในปี 2549 อาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มขึ้นจาก 1,500 ล้านบาท เป็น 1,600 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2549 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการบริษัทฯ
ครึ่งปีหลังแนวโน้มรายได้ก็คงจะดีเหมือนกับครึ่งปีแรก เพราะเรามีงานเข้ามาค่อนข้างมาก ซึ่งตอนนี้ก็มีงานที่จะรับรู้รายได้เข้ามาอีกประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งถ้ารวมกับครึ่งปีแรกก็มากกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ ดังนั้นอาจจะปรับประมาณการเพิ่มขึ้น นายณรงค์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มรายได้ในไตรมาสที่ 3/2549 คาดว่าคงจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากในปัจจุบันมีงานที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีงานที่กำลังอยู่ระหว่างการประมูลอีกหลายโครงการ โดยคาดว่ารายได้ในไตรมาสที่ 3/2549 จะขยายตัว 5 % จากไตรมาสที่ 2/2549
ขณะที่ในปัจจุบันบริษัทฯ มี backlog ในมือทั้งสิ้น 2,170 ล้านบาท ซึ่งงานดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีงานที่อยู่ระหว่างการประมูลอีกหลายโครงการ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด แต่อย่างไรก็ตามหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
นายณรงค์ กล่าวต่อไปว่าในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ในอันดับที่ 1ได้ เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้รับเหมางานเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ ซึ่งมีศักยภาพ รวมทั้งมียังมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในกลุ่มดังกล่าว โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 45 %
นอกจากนี้ในปีนี้จะพยายามรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ให้เกิน 1 เท่า จากปัจจุบันที่มี D/E อยู่ที่ 1.3 เท่า โดยบริษัทฯ จะไม่กู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงินเพิ่ม รวมทั้งจะไม่ซื้อเครื่องจักรใหม่ในกรณีที่ไม่จำเป็น
ก็จะไม่กู้หนี้เพิ่ม เครื่องจักรเราไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อเพิ่ม และจะทำงานให้เสร็จตามเวลา ซึ่งไม่เป็นการก่อหนี้ นอกจากนี้บริษัทฯ เรายังไม่มีนโยบายเพิ่มทุนเพราะมันจะทำให้ราคาหุ้นไดลูท ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น นายณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตามไม่รู้สึกกังวลสำหรับการรับงานในปี 2550 ซึ่งหากเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอ ก็มั่นใจว่าคงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ เนื่องจากในปัจจุบันมีงานในมือที่จะไปรับรู้ในปีหน้าอีกมาก อย่างไรก็ตามหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง คงจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ รวมทั้งต่องานก่อสร้างและทำให้มูลค่างานในตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันน้อยลง
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตของ SEAFCO เนื่องจากมีการปรับราคาขายตามต้นทุนวัตถุดิบ เพื่อไม่ให้แบกรับปัญหาดังกล่าวแล้ว สำหรับโครงการเมกะโปรเจ็กของภาครัฐ SEAFCO ไม่ได้คาดหวังมากนัก เนื่องจากในปัจจุบันและในปีหน้ายังมีงานที่จะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการขยายการรับงานออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดและความเป็นไปได้ของโครงการ

ตารางแสดงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/49 ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง


(กำไร+/ขาดทุน -)
บริษัท Q2/49 Q2/48 เปลี่ยนแปลง %
ASCON 28.10 15.85 12.25 77.28
CK 199.65 143.42 56.23 39.20
EMC 9.14 25.28 -16.14 -63.84
ITD 178.32 252.06 -73.74 -29.25
KTECH 5.68 7.04 -1.36 -19.31
NWR 31.76 -137.34 169.1 123.12
PLE 40.21 98.98 -58.77 -59.37
SEAFCO 28.42 8.34 20.08 240.76
STEC -1,856.66 122.35 -1,979.01 -1,617.50
SYNTEC 23.37 -52.51 75.88 144.50

รวม -1,312.01 483.47 -1,795.48 -371.37

ที่มา : eFinanceThai.com รวบรวม[/color:7be6875e05">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com