[b:f4aac78814">แผนระเบิดเครื่องบินกลางหาว 9 ลำ 4 สายการบิน...[/b:f4aac78814">
แผน 1 ถูกสกัด แต่อาจจะมีแผน 2

ชีวิตคนเดินทางด้วยสายการบินต่อแต่นี้เป็นต้นไปคงต้องวุ่นวายพิลึก เหตุเพราะฝ่ายข่าวกรองอังกฤษพบว่าผู้ก่อการร้ายเตรียมซุกซ่อนสารเคมีไวแสงและไฟฟ้าบางอย่างขึ้นไปบนเครื่องบิน เพื่อให้ระเบิดกลางหาว...ให้ผู้โดยสารตายพร้อมๆ กันเป็นร้อยเป็นพันเพื่อล้างแค้นมะกัน และอังกฤษ กับพันธมิตรของสองชาตินี้
แตกตื่นกันเป็นการใหญ่เมื่อพบแผนร้ายนี้ ประกาศให้รู้กันเมื่อสายๆ วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา จากนี้ไปการเดินทางด้วยเครื่องบินจะเป็นเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้ามากขึ้นอีกหลายเท่า เพราะอย่างน้อยที่สนามบินอังกฤษก็สั่งห้ามผู้โดยสารเอากระเป๋ามือถือ ที่เรียกว่า carry-on luggage และยังห้ามนำ ของเหลว เกือบทุกประเภทขึ้นไปบนเครื่องบิน นอกจากนี้ ยังห้ามคอมพิวเตอร์แล็ปทอป โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลง Ipod และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทตลอดจนอุปกรณ์ใดๆ ที่ต้องใช้แบตเตอรี่ขึ้นไปบนเครื่องบินอีกด้วย ห้ามแม้กระทั่งยาสีฟัน เจลใส่ผม โลชั่น และน้ำดื่มทุกประเภท แม้แต่คุณแม่ที่อุ้มลูกจูงหลานขึ้นเครื่องก็ถูกเจ้าหน้าที่ขอให้ดูดขวดน้ำนมเด็กก่อนที่จะเอาขึ้นไปบนเครื่องด้วย

ที่อนุญาตให้เอาขึ้นเครื่องบินได้คือนม และอาหารเด็กที่ทดลองดื่ม และกินต่อหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก่อน เอกสารเดินทาง กระเป๋าสตางค์ขนาดเล็ก กุญแจที่ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า คอนแทคเลนส์ แว่นตา (ที่ไม่มีกล่องใส่มาด้วย) และยาเท่าที่จำเป็นสำหรับผู้โดยสารนั้นๆ เพราะอะไรที่เป็นของเหลวล้วนเข้าข่ายต้องสงสัยว่าผสมด้วยสาร peroxide ทั้งสิ้น เพราะเขาพบวิธีการก่อการร้ายบนเครื่องบินล่าสุด คือการใช้สารเคมีเหลวที่สามารถระเบิดได้ด้วยการทำปฏิกิริยากับแสงแฟลชของกล้องถ่ายรูปเฉยๆ...หรือด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์อย่างใดอย่างหนึ่ง

วงการเคมีเรียกมันว่า peroxide-based solution หรือ peroxide-based explosives นั่นคือมีสารเพโรไซด์เป็นตัวหลักในการผสมสูตรที่สามารถระเบิดตูมตามได้เมื่อมีการจุดกระตุ้นด้วยไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้ หลังจากหน่วยข่าวกรองรัฐบาลอังกฤษประกาศว่า ได้พบแผนที่จะระเบิดเครื่องบินจากอังกฤษ 20 ลำกลางอากาศขณะอยู่เหนือมหาสมุทรแอตแลนติก มุ่งสู่อเมริกา จึงห้ามผู้โดยสารทุกคนถือกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน เขาย้ำว่าห้ามของเหลวทุกชนิดขึ้นเครื่องบิน เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผู้โดยสารถือกระเป๋าสตางค์และเอกสารเดินทาง เช่น พาสปอร์ตขึ้นไปบนเครื่องเท่านั้น และแม้เอาเอกสารแค่นี้ขึ้นไปพร้อมกับตัวเองได้ ก็ต้องใส่ในถุงพลาสติกใสๆ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นสามารถมองทะลุไปได้เรียกว่าเป็นการแตกตื่นกันสุดๆ...เป็นการเตือนภัยระดับสีแดง ซึ่งสูงสุดสำหรับอังกฤษอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

หน่วยข่าวกรองมะกันที่ทำงานกับ MI-5 ของอังกฤษบอกว่าตามแผนเดิมนั้นกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ (ยังไม่กล้าระบุว่าเป็นอัล-ไกดาของ ออสมา บิน ลาเดน) ได้เตรียมจะ ซ้อมใหญ่ หรือที่เรียกว่า dry run ในวันสองวันข้างหน้าเพื่อลองดูว่าทีมงานที่ได้รับมอบหมายจะสามารถหาวิธีซุกซ่อน และหลบเลี่ยงเอาสารเคมีที่ว่านี้ขึ้นไปบนเครื่องบินได้หรือเปล่า หากซ้อมแล้ว ผลเป็นที่น่าพอใจ ก็จะลงมือปฏิบัติการอย่างจริงจังในอีกไม่กี่วันต่อมา

ข่าวกรองลึกๆ บอกว่าตามแผนนี้ ผู้ก่อการร้ายจะซุกซ่อนเอาสารเคมีเหลว ที่มี peroxide เป็นส่วนประกอบหลักกับฉนวนระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบิน 9 ลำของสายการบินสี่สายหลักคือ British Airways Continental United Airlines และ American Airlines ที่บินตรงระหว่างอังกฤษ กับสหรัฐ

หากเป็นไปตามแผนก่อการร้ายนี้ เครื่องบินที่เป็นเป้าของการปฏิบัติการจะระเบิดกลางอากาศเหนือมหาสมุทรแอตแลนติก และจะมีคนตายไม่น้อยกว่า 2,700 คน (พอๆ กับจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 11 กันยายนเมื่อห้าปีก่อน)

ถึงตอนที่เขียนคอลัมน์อยู่นั้น ข่าวบอกว่าทางการอังกฤษจับผู้ต้องสงสัยได้ 24 คน และยังมีอีก 5คน ที่ยังถูกไล่ล่าอยู่ ผู้ต้องสงสัยส่วนใหญ่เป็นคนเกิดที่อังกฤษ เชื้อชาติปากีสถานรุ่นที่ 2 หรือ 3 โดยที่ส่วนใหญ่ปู่ทวดมาจาก แคว้นแคชเมียร์ ที่เป็นดินแดนขัดแย้งระหว่างอินเดียกับปากีสถาน เพราะเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอย่าง MI-5 และ Scotland Yard ของอังกฤษ และ FBI กับ DHS (Department of Homeland Security) ของสหรัฐ เชื่อว่ายังมีผู้ก่อการอีก 5 คนยังลอยนวลอยู่ คำถามก็คือว่า ถ้าแผนระเบิดกลางหาวที่ 1 ถูกสลายแล้ว มี แผน 2 หรือเปล่า?

เพราะต้องไม่ลืมว่ามือขวาของบินลาเดน คุณหมอไอมาน อัล ซาวาฮีรี เพิ่งจะประกาศขู่ในเทปที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อัลจาซีรา เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมนี้เองว่าอัล-ไกดา ยังมีแผนที่จะ ก่อเหตุโจมตีอันตื่นตาตื่นใจ ในอเมริกา

ในคำประกาศทางวิดีโดนั้น หมายเลขสองของอัล-ไกดา ใช้ภาพตึก World Trade Center ที่กำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงในเหตุการณ์ 11 กันยายน และรูปของผู้นำก่อเหตุ 11 กันยายน ที่ชื่อ มูหะหมัด อัตต้า เป็นภาพประกอบอยู่ข้างหลังด้วย

ความเป็นไปได้ของ แผน 2 จึงมิอาจจะมองข้ามเป็นอันขาด