[b:c8cb4e16f2">ใส่เกียร์ถอยหลัง ??? [/b:c8cb4e16f2">
--------------------------------------------------------------------------------

แนวโน้มดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ระยะสั้นเริ่มอยู่บริเวณ จุดตัดสินใจ ระหว่างการขึ้นต่อกับปรับฐานราคา และมีแนวโน้มว่า ทางลง เริ่มเด่นชัดขึ้นหากดัชนียืนเหนือ 715 จุดไม่ได้ภายในสัปดาห์นี้คาดว่าตลาดระยะสั้นจะเริ่มก่อตัวไปสู่ การปรับฐานราคา อีกครั้งเนื่องจากราคาหุ้นส่วนใหญ่เริ่มอิ่มตัวและนักลงทุนเริ่มกังวลเกี่ยวกับการด้อยค่าของหุ้นในระยะสั้น ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักลงทุนอาจจะใช้กลยุทธ์ในการปรับพอร์ตการลงทุนให้มูลค่าของหุ้นที่ถือมีมูลค่าสูงสุด
ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นได้ขานรับข่าวดีเกี่ยวกับทิศทางด้านการเมืองหลังจากที่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง และมีการลงโทษอดีต ก.ก.ต. จำนวน 3 ท่านและนำมาสู่การเลือก ก.ก.ต.ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะเกิดขึ้นมีความโปร่งใส และการเมืองไทยเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องจากก่อนหน้านี้ แต่ยังมีคำตอบที่นักลงทุนส่วนใหญ่รอคอยคือ ข่าวเกี่ยวกับการยุบ 5 พรรคการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในเร็ววัน
สำหรับตัวแปรที่กระทบต่อทิศทางการลงทุนในระยะสั้นยังคงเป็นความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจเนื่องจากปัญหาน้ำมันแพง
และเงินเฟ้อ ทำให้ความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจลดลง และส่งผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนระยะสั้น แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนส่วนใหญ่ก็พอจะยอมรับสภาพที่เกิดขึ้นได้ระดับหนึ่ง ส่วนผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดครึ่งปีส่วนใหญ่ประกาศออกมาแล้ว ซึ่งโดยรวมยังเป็นผลประกอบการทีชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งทำให้ในแง่งบการเงินอย่างเดียวนั้นอาจจะไม่ส่งผลเชิงบวกต่อราคาหุ้นมากนัก
เว้นแต่จะมีปัจจัยด้านอื่น ๆ มาสนับสนุน
ดังนั้นทิศทางการลงทุนระยะสั้นจึงขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวตามสภาวะตลาดหุ้นโลก ที่เป็นเหมือนปัจจัยชี้นำทิศทางการลงทุนระยะสั้น โดยดัชนีมีการเคลื่อนไหวล้อทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค และตลาดหุ้นสหรัฐเป็นหลัก และล้อการเคลื่อนไหวของเงินทุนจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ กระแสการเลือกตั้งได้ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับทุนนักการเมืองมีการเคลื่อนไหวในลักษณะค่อนข้างหวือหวาเนื่องจากแรงเก็งกำไร หรือการระดมเงินทุนของกลุ่มทุนการเมืองผ่านตลาดหุ้น ซึ่งส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ฉากหลังมีทุนการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
สำหรับมุมมองในเชิงจิตวิทยาละเทคนิคการลงทุนนั้น ระยะสั้นดัชนีได้เคลื่อนไหวในกรอบ 690 -725 แต่ทิศทางระยะสั้นเริ่มส่งสัญญาณ เตือน ว่าทิศทางการลงทุนระยะสั้นอาจจะมีการพลิกผันในเชิงลบมากขึ้น โดยการปรับต่ำกว่าระดับ 700 จุดยังเป็นสัญญาณที่ ไม่ดี
สำหรับแนวโน้มระยะสั้น เพราะหมายความว่า ตลาดต้องการเวลาในการปรับฐานราคาอย่างน้อย 1 -2 สัปดาห์เพื่อปรับตัวและสร้างฐานราคาและเรียกแรงซื้อใหม่ให้กลับเข้าตลาด ทั้งนี้เพราะระยะสั้นหากพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายพบว่ามีแนวโน้มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แสดงให้เห็นว่านักลงทุนโดยรวมยังขาดความมั่นใจต่อทิศทางการลงทุน
จุดหยุดการขาดทุนสำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นมีอยู่ 2 ตำแหน่ง ตำแหน่งเตือนการปรับตัวลงคือ หากดัชนีในวันนี้ไม่ทำจุดสูงเหนือ 713 -721 จุดแล้วปิดต่ำจะเป็นสัญญาณเตือน และการปิดต่ำกว่าระดับ 700 จุดจะเป็นสัญญาณการอ่อนตัวที่รุนแรงขึ้น แต่ทั้งนี้คาดว่าพฤติกรรมการลงทุนระยะสั้นอาจจะเป็นลักษณะของการเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวในลักษณะขุดขึ้นมาเล่นโดยมีเจ้าภาพประเภทเงินหนาเป็นโต้โผ
แต่พฤติกรรมเข้าลักษณะ เล่นเร็ว ใครเข้ารอบถูกก็ได้กำไรแบบรวดเร็ว ใครเข้าผิดติดหุ้น และติดนานเพราะส่วนใหญ่เจ้าภาพจะเป็นรายใหญ่มากกว่าสถาบัน หรือมหาชน
ประเด็นหนึ่งที่ไก่ทองพบบ่อยคือ เมื่อนักลงทุนขายหุ้นออกถูกจังหวะแล้วและราคาหุ้นปรับลดลงมาระดับหนึ่งก็รีบกลับเข้าไปซื้อแต่ปรากฎว่าราคาหุ้นยังเป็นระยะเริ่มต้นของการปรับตัวทำให้เกิดผลขาดทุนเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรที่เคยทำในช่วงก่อนหน้านี้ถูกหักล้างไป ดีไม่ดีกลับขาดทุนเพิ่ม ซึ่งหากมองโลกในแง่ดีคือเราได้หุ้นกลับคืนมาเท่าเดิม แต่เหลือเงินกลับบ้านเป็นส่วนต่าง หากยังคงเกาะกับหุ้นตัวเดิมและคิดว่าเป็นหุ้นที่ถือแล้วมีความมั่นใจเนื่องจากปัจจัยพื้นฐานรองรับ แต่หากหุ้นตัวที่เข้าไปนั้นเป็นหุ้นเกรดเก็งกำไรราคาหุ้นจะมีความผันผวนมากดังนั้น
หากพักเงินสดไว้ในมืออาจจะสร้างอำนาจในการต่อรองสูงกว่า และเมื่อดัชนีเริ่มทรงตัวได้ก็ค่อยกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้งซึ่งอาจจะทำให้ได้ต้นทุนหุ้นที่แข่งขันกับตลาดได้ดีขึ้น
สำหรับหุ้นที่อาจจะพอเก็งกำไรได้ในภาวะที่ตลาดรวมอยู่ระหว่างการปรับฐานราคาส่วนมากมักจะเป็นหุ้นขนาดเล็กที่มักจะเริ่ม
เฮฮา เมื่อหุ้นใหญ่ปรับฐานราคา แต่เป็นหุ้นประเภทที่ช่วงเวลาฮันนีมูนค่อนข้างสั้น ประเภท ลากแล้วเชือด เชือดแล้วลาก อะไรทำนองนั้น
และบทบาทของหุ้นกลุ่มนี้มักจะสิ้นสุดลงเมื่อหุ้นเกรดลงทุนกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นนักลงทุนไม่ควรแปลกใจที่เห็นหุ้นประเภท 50 -120 ตัวร้อยออกมาเริงร่า เพราะนี่คือสัญญาณอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นก่อนเพลงเล่นเก้าอี้ดนตรีจะจบ โดยหุ้นที่น่าติดตาม แต่ต้องเป็นนักลงทุนประเภทวิ่งเร็วและรักความท้าทายเช่น LOXLEY TT&T SEAFCO NWR MIDA TGCI UV PTL เป็นต้น ส่วนรุ่นใหญ่รอให้ปรับฐานให้เต็มอิ่มแล้วค่อยว่ากันครับ เพราะจับตอนนี้วางไม่ทัน ของมันร้อน