[b:adcf9e1290">คุยเรื่อง หุ้นปันผล [/b:adcf9e1290">
--------------------------------------------------------------------------------

ในช่วงเดือนสิงหาคม ? กันยายน ของทุกปี ก็ถือเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศจ่ายเงินปันผล หลังจากที่ได้ผ่านการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเรียกว่าเทศกาลการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรกก็คงจะได้ ถ้าบริษัทมีผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกออกมาดี ก็จะจ่ายเงินปันผลที่ค่อนข้างดี แต่ถ้าบริษัทไหนที่มีผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกออกมาไม่ดี ก็จะได้เงินปันผลไม่มาก แต่ถ้าบริษัทที่มีผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกออกมาไม่น่าประทับใจ ราคาหุ้นหลังจากที่ประกาศผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งออกมาแล้ว ก็จะลงแรง ๆ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนที่มีหุ้นตัวนี้อยู่ พอเห็นผลการดำเนินงานออกมาไม่ดี ก็จะขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมา โดยไม่รอเงินปันเลย ส่วนคนที่ติดตามข้อมูลหุ้นตัวนี้อยู่ พอได้เห็นผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกออกมาไม่ดีก็จะเลิกสนใจหุ้นตัวนั้นไปเลย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ จึงทำให้ผลการดำเนินงาน และเงินปันผล ในช่วงครึ่งปีแรกจึงมีความสำคัญที่ค่อนข้างมาก ผมก็เลยเลือกเอาหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลดี ๆ มาคุยให้ฟังกัน วันนี้ก็จะเลือก RATCH กับ EGCOMP
RATCH ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 ปี 49 ออกมามีกำไรสุทธิ 1,459 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 1.01 บาท ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1855 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.28 บาท ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ของ BTSec ได้คาดการณ์ว่า RATCH จะจ่ายเงินปันผลครึ่งระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 1 บาท ส่วนสาเหตุที่ทำให้กำไรของ RATCH ก็เนื่องมาจาก อัตราค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มีค่าความพร้อมจ่ายจำนวน 2,802.00 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2548 ที่มีค่าความพร้อมจ่าย 3,380.44 ล้านบาท เป็นจำนวน 578.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 17.11 ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement : PPA) และในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 มีการหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 1 เพื่อทำการซ่อมบำรุงใหญ่ Major Overhaul จำนวน148.85 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2548 (40.70 ล้านบาท) เป็นจำนวน 108.15 ล้านบาท
ส่วนความหน้าสนใจของ RATCH ก็คือ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรในกิจการร่วมค้า จำนวน 219.74 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2548 ที่มีส่วนแบ่งขาดทุน (110.93 ล้านบาท) คิดเป็นกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้น 330.67 ล้านบาท โดยส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าเกิดจากการลงทุนในบริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด (TECO) ที่มีส่วนแบ่งกำไร ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 จำนวน 232.42 ล้านบาท, บริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด (ราชบุรีเพาเวอร์) มีส่วนแบ่งขาดทุนในราชบุรีเพาเวอร์ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 จำนวน 9.89 ล้านบาท และบริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (เซาท์อีสท์ เอเชีย) ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 2 ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์
EGCOMP ยังไม่ได้ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 แต่ถ้าดูจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 2,070 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 3.93 บาท ซึ่งมีสาเหตุมาจากเงินลงทุนในกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าอิสระเอกชน (IPP) มีกำไรเพิ่มขึ้น ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
- กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระเอกชน (ไอพีพี) คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าระยอง จำกัด (บฟร.) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (บฟข.) มีกำไรสุทธิของกลุ่มเท่ากับ 1,475 ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (เอสพีพี) ประกอบด้วย 5 บริษัท คือ บริษัท กัลฟ์อิเล็คตริก จำกัด (มหาชน) (จีอีซี) บริษัท อมตะ-เอ็กโก เพาเวอร์ จำกัด (เออีพี) บริษัท อมตะ เพาเวอร์ (บางปะกง) จำกัด (เอพีบีพี) บริษัท ทีแอลพี โคเจเนอเรชั่น จำกัด (ทีแอลพี โคเจน) และ บริษัท ร้อยเอ็ด กรีน จำกัด (ร้อยเอ็ด กรีน) มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้นเท่ากับ 12 ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าต่างประเทศ ประกอบด้วย บริษัท โคแนล โฮลดิ้ง คอร์ปอเรชั่น (โคแนล) และ โครงการน้ำเทิน 2 (เอ็นทีพีซี) มีกำไรสุทธิเท่ากับ 43 ล้านบาท
- กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ประกอบด้วย บริษัท เอ็กโก เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (เอสโก) และ บริษัท เอ็กคอมธารา จำกัด (เอ็กคอมธารา) มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 93 ล้านบาท
ถ้าดูจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2549 ที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.93 บาท ถ้าบริษัทยังสามารถรักษาระดับของกำไรเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องเท่า ๆ กับในไตรมาส 1 ที่ผ่านมาก็คาดว่า EGCOMP น่าจะจ่ายเงินปันผลประมาณ 3.00-3.50 บาท /หุ้น ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยเลย ส่วนข่าวที่หน้าสนใจก็มี ความคืบหน้าในการซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า BLCP จำนวน 50% จาก CLP ซึ่งบริษัทก็คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้...