|
|
|
?????? สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | วันที่: 09/08/2006 @ 10:08:56 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต กระแสลมการเมืองพัดโชยผ่านตลาดหุ้นไทยครั้งใหม่แล้ว ทำให้ความคึกคักกลับมาเยือนตลาดรอบใหม่อีก
* ดูจากทิศทางการเคลื่อนไหวของเส้นสัญญาณทางเทคนิค และวอลุ่มที่เข้ามาเกิน 1หมื่นล้านต่อวันในสัปดาห์นี้
เห็นได้ชัดถึงความพยายามจะขับเคลื่อนให้ดัชนียืนสู่แนวต้านและพลิกแนวต้านเป็นแนวรับที่เหนือ 700 จุด ให้ได้
เป็นสัญญาณที่ดีว่า ถึงเวลาซื้อรอบใหม่กันอีกแล้ว
* รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร เกิดแรงบันดาลใจ
จัดทัวร์นกขมิ้นครั้งใหม่ทดสอบฐานเสียงเก่าในภาคอีสานและเหนือไปแล้ว
กะกวาดคะแนนนิยมกันเต็มที่อาศัยความได้เปรียบจากการคุมกลไกรัฐในมือ โดยข้ออ้าง ตรวจราชการ*
สูตรอย่างนี้ เป็นเรื่องธรรมดา ของนักการเมืองประเภท demagogues
ซึ่งใช้ความได้เปรียบทางกลไกรัฐเล่นเกมสองหน้าก่อนการเลือกตั้ง
จะเริ่ม ประเด็นอยู่ที่ว่าประชาชนที่ออกเสียงเลือกตั้งจะรู้ทันมากน้อยแค่ไหน...
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ คนอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่บอกว่าจะไม่เล่นการเมืองแบบเก่าๆ
กลับใช้รูปแบบนี้มาหาเสียง...กลืนน้ำลายตัวเองอีกครั้ง
* น่าสนใจก็คือไม้เด็ดของพรรคประชาธิปัตย์ กลับไม่ใช่เรื่องตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง
หรือยกเลิก 30 บาท(แต่เปลี่ยนเป็นรักษาฟรีสำหรับคนจน และเก็บคนมีรายได้)
แต่เป็นมาตรการลดราคาขายปลีกน้ำมัน โดยเงื่อนไขให้ ปตท.เอากำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรออกมาปันผลผู้ถือหุ้น
กลายเป็นสูตรเด็ดของวิศวกรรมทางการเงินที่ไม่มีใครคาดคิด...เล่นเอาฝ่ายตรงกันข้ามป่วนไปทีเดียว..*
|
| กลับขึ้นบน |
จันทรา สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | #1 วันที่: 09/08/2006 @ 10:13:04 : re: สังคมหุ้น : 09/08 * ตามสูตรนี้ เมื่อคิดจากกำไรสะสม 2.02 แสนล้านบาท(เฉพาะสิ้นไตรมาสที่สองของปี)
และหากคิดรวมสิ้นปีแล้ว น่าจะเพิ่มเป็น 2.6 แสนล้านบาท
ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เนื่องจากกำไรของ ปตท.นั้น อย่างที่รู้กัน มีแต่จะยิ่งเพิ่มพูน
เพราะลงทุนที่ไหนกำไรเพิ่มทีนั้น เนื่องจากบริษัทลูกล้วนคุณภาพคับแก้วทุกราย
* นโยบายลดราคาน้ำมันพิสดารนี้ ไม่มีใครเสียหาย เพราะ เงินปันผลนั้นรัฐเป็นคนได้รับมากกว่าใคร
สามารถตีกลับมาเป็นเงินชดเชยราคาน้ำมันโดยไม่ต้องรบกวนเงินกองทุนน้ำมันอะไรให้ยุ่งยาก
คิดลึกได้อย่างนี้ แม้จะช้าไปนิด ก็ไม่เป็นไร ...
และก็จะไม่ประหลาดใจ หากพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลในยุคเตรียมปฏิรูปการเมือง..
จะมีชื่อของ ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ บิ๊กใหญ่แห่ง บลจ. กสิกรไทย จัด ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีพลังงาน...อิ..อิ...
* แม้จะไม่เคยมีผลการวิจัยเป็นระบบ และไม่มีสูตรตายตัว แต่?เกียรติก้อง?รู้โดยประสบการณ์ว่า
ก่อนการเลือกตั้งทุกครั้ง ดัชนีหุ้นต้องวิ่งขึ้นเสมอ และยิ่งหากได้รัฐบาลถูกใจ จะวิ่งแรงยิ่งขึ้นหลังเลือกตั้ง
อาศัยจิตวิทยาฝูงชนง่ายๆ ว่า เมื่อใดที่ความมั่นใจในอนาคตที่มีต่อรัฐบาลแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นย่อมมีแต่ข่าวดี*
* หุ้นบลูชิพทั้งหลายอย่าง ถูกต่างชาติทยอยกลับมาซื้อเข้าพอร์ตกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่ม SET50
และที่สำคัญ แรงซื้อ long position ในเดือนกันยายนของตลาดตราสารอนุพันธ์ ที่เข้ามาต่อเนื่อง
ก็ตอกย้ำว่า ยังไงเสียดัชนีจะต้องวิ่งไปเหนือ730-750 จุดแน่นอน
* คำถามคือ หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเมืองตัวไหนบ้างที่เป็นเป้าหมายสำคัญ...คำถามนี้เกียรติก้องไม่ขอตอบ
รู้แต่เพียงว่าในอดีตนั้น หุ้นก่อสร้าง สื่อสาร และพลังงาน ล้วนมีความหมายในช่วงก่อนเลือกตั้งเสมอ...
แต่คราวนี้ หุ้นวัสดุก่อสร้างและหุ้นปิโตรเคมี..อ้อ อสังหาริมทรัพย์ น่าจะมีเอี่ยวด้วย...
ส่วนจะเกี่ยวกับคนชื่อ ประชัย...หรือไม่ ไม่ขอยืนยัน และไม่รับรู้...* |
| กลับขึ้นบน |
จันทรา สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 1,898 | #2 วันที่: 09/08/2006 @ 10:16:18 : re: สังคมหุ้น : 09/08 .* ที่แน่นอนก็คือ อาการลุกลี้ลุกลนของนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์
ที่ต้องการจะเร่งเปิดสนามบินสุวรรณภูมิเร็วขึ้นในวันที่ 15 กันยายน
เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่างวดและการจ่ายค่าต๋งให้พรรคพรรคการเมืองบางพรรคอย่างไม่ต้องสงสัย
หาเงินไปจ่ายหัวคะแนนด้วยวิธีง่ายๆอย่างนี้ นักการเมืองไทยภาครัฐถนัดนัก
* สิ่งที่เกียรติก้องเป็นห่วงก็มีเรื่องเดียวคือ ต.ล.ท. และ ก.ล.ต. จะเชื่องช้าอืดอาดมากเกินไป
กับเกมสร้างราคาหุ้นของบรรดาคนที่อยู่เบื้องหลังหุ้นซอมบี้ทั้งหลายแหล่
ที่ในปัจจุบันกำลังกลับมาอาละวาดกันอย่างเย้ยกติกา ลอยนวลกันเป็นล่ำเป็นสัน
โดยอาศัยmoney game สร้างสตอรี่ที่นักลงทุนตามไม่ทันขึ้นมาเป็นระยะๆ
* หนึ่งในที่น่าห่วง ก็มีตัวอย่างให้เห็น ล่าสุด SGF
ที่หลายเดือนก่อน กู้เงินจาก EWC(ที่เพิ่มทุนแล้วไม่ได้เอาไปทำอะไร)
ไปเสริมสภาพคล่อง แก้ปัญหาลูกหนี้ไม่ชำระ ล่าสุดเตรียมกู้เงินอีกรอบ
เพราะลูกหนี้รายเดิมมีอาการกลายเป็น NPL ขึ้นมาจริงๆ...
อย่างนี้ มันสะท้อนธรรมาภิบาลที่ล้มเหลวชัดๆ...
น่าเสียดายสำหรับ วิชัย ทองแตง ที่จะเอาชื่อมาทิ้งเหมือนกรณี DAIDO หรืออย่างไร??
* อีกมุมหนึ่ง EWC ที่ปล่อยเงินกู้ให้บริษัทอื่น โดยไม่ผ่านมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น
โดยอ้างว่าเพิ่มทุนมาแล้วธุรกิจก่อสร้างไม่สวยก็เลยหาทางลัด
หารายได้จากดอกเบี้ยชดเชยเท่ากับว่า มีโอกาสที่จะไม่ได้เงินต้นคืนจาก SGF ง่ายๆ...จะว่ายังไงกันดีล่ะ?
* แรงกดดันเดียวของตลาดหุ้นยามนี้ เหลือเพียงแค่ประเด็นราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อที่เป็นของคู่กัน
ซึ่งจะไม่เป็นห่วงก็ดูประมาทเกินไป แต่หากมองอีกมุม ก็คือ ปัญหาของทุกคนที่ต้องเผชิญ ไม่ใช่ความได้เปรียบเสียเปรียบ.
3..ตลาดกลับกำลังกลับมาเป็นขาขึ้นชั่วคราวอีกแล้ว |
| กลับขึ้นบน |
| |