เห็นดัชนีค่อยๆ ปรับตัวขึ้นวันละนิด พร้อมกับนักลงทุนต่างชาติเดินหน้าซื้อหุ้นกว่าพันล้านบาท
เท่ากับเป็นการตอกย้ำว่าแนวรับบริเวณ 700 จุดแข็งแกร่งเกินจะหลุดลงไปง่ายๆ
หลังสถานการณ์หลายอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
แถมหุ้นบลูชิพเริ่มตั้งลำสร้างแนวรับที่สูงขึ้นกว่าเดิมอย่างนี้...
ไม่เชียร์ให้ซื้อหุ้นตอนนี้ แล้วจะให้ซื้อตอนไหนหล่ะโยม

*สำหรับหุ้นดาวเด่นที่เดี๊ยนเชียร์ให้ซื้อมาตลอดศก ยังเป็นหุ้นหน้าเดิมๆ
อาทิ แบงก์สื่อสาร พลังงาน ปิโตรเคมี และอสังหาฯ
เพราะหุ้นเหล่านี้มักฟื้นตัวเร็วกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆหลังจากซึมซับรับข่าวร้ายเข้าไปจนหมดไส้หมดพุง...
ตอนนี้จึงเหลืออยู่แค่ว่า หุ้นเหล่านี้จะปรับตัวขึ้นไปได้ไกลแค่ไหน

*พูดถึงภาพกว้างๆ มามากแล้ว เดี๊ยนขอเข้าสู่รายละเอียดปลีกย่อยกันเลยดีกว่า
และหุ้นตัวแรกที่จะพูดถึงในวันนี้ไม่ใช่ใครอื่น SCC นั่นเอง
เพราะเป็นหุ้นบลูชิพเพียงตัวเดียวที่ราคารูดลงไปถึง 6 บาท
ก่อนจะมาปิดที่ 214 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่มากถึง 598ล้านบาท...

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นรูดลงแรงก็เป็นเพราะขึ้นเครื่อง XD เป็นวันแรกราคาหุ้นเลยต้องอ่อนตัวลงตามประเพณี
เดี๊ยนถึงอยากให้คุณๆ หาจังหวะช้อนซื้อหุ้นในช่วงที่อ่นตัวลงมาให้ดีเป็นพิเศษเจ้าค่ะ

*แม้กระทรวงการคลังจะได้ข้อสรุปเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน TMB มูลค่า 3.10 พันล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย
แต่ โมนิก้า มองว่า การเพิ่มทุนไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา
เพราะปัญหาจริงๆ อยู่ที่ระบบบริหารจัดการที่หย่อนประสิทธิภาพ
รวมทั้งแผนงานที่วางไว้ก็ไม่เป็นไปตามนั้น เลยทำให้ธนาคารแห่งนี้ล้าหลังชาวบ้านชาวช่องหลายเท่าตัวนะซี

*ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ราคาหุ้นในกระดานขยับขึ้นไปได้เพียง 0.02 บาท
ก่อนจะมาปิดที่ 3.48 บาทอย่างกระท่อนกระแท่นแบบนี้
หัวเด็ดตีนขาด โมนิก้า ก็ไม่มีทางเชื่อว่าหุ้นตัวนี้จะขยับขึ้นไปได้ไกล
เพราะประวัติปูมหลังมันส่งกลิ่นตุๆ มาแต่ไกล แล้วจะให้เดี๊ยนแนะนำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อได้อย่างไร

*หุ้นน้องใหม่อย่าง AKR ที่เพิ่งเข้าเทรดเป็นวันแรกก็สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนรายย่อยไปเสียแล้ว
หลังจากราคาหุ้นยืนเหนือจองไปแบบสบายๆ
ซึ่งงานนี้เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหลายแหล่นั้น คงไม่พ้นบรรดาผู้มีอุปการคุณที่ได้สิทธิในการจองหุ้นครั้งนี้

*ส่วนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย
คงจะไม่พ้นก๊วนหน้าเดิม ที่จะต้องมีชื่อของวิชัย รักศรีอักษร
และทนาย มานัส กำเหนิดงาม เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน
เพราะงานนี้ผู้บริหารประกาศเอง ว่าสัดส่วนหุ้นจองจำนวน 68 % ได้ให้สิทธิกับบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิท

*ส่วนบุคคลเหล่านั้นจะใช้ชื่อของตัวเองจองหุ้นหรือเปล่านั้น
อันนี้เดี๊ยนไม่ทราบจริงๆ(รู้แต่ไม่อยากเอ่ยถึง) เลยอยากให้นักลงทุนไปถามไถ่กันเอาเอง..
ล่าสุดวานนี้ราคาหุ้นปิดที่ 2.82 บาท บวกไป 0.12 บาท จากราคาจองไอพีโอ 2.70 บาท

*ด้านหุ้น IEC ที่ถูกทุบลงให้ร่วงลงมา แบบหมดสภาพแบบนี้ ใครที่ถือหุ้นคงต้องใจหายอย่างแน่นอน
ส่วนสาเหตุที่ราคาหุ้นดิ่งแรงขนาดนี้ คงไม่ต้องไปหาต้นตอให้เสียเวลา
เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า หลังจากที่สรุปดิว การซื้อหุ้น BLISS เรียบร้อยแล้ว

*อย่างนี้เขาเรียกว่า sale on fact อย่างเห็นได้ชัด แต่ใครที่ต้นทุนต่ำก็ขอให้ใจเย็นๆ ไว้นะคะ
เพราะเท่าที่สืบทราบมา ดีลซื้อหุ้น BLISS เป็นเพื่อแค่น้ำจิ้ม เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
หนังเรื่องนี้ยังมีให้ดูยาว ถึง 3 ภาค
ในจังหวะที่ราคาหุ้นร่วงมาขนาดนี้ คงต้องพักฐานก่อนสักพัก ก่อนที่ภาค 2 จะออกฉาย
เอ้า!!!ใครที่เป็นแฟน IEC ให้จับตาดูให้ดีนะคะ
เพราะล่าสุดราคาหุ้นร่วงมาปิดที่ 2.76 บาท ลบไป 0.44 บาท หรือลงไปเกือบ 14%เลยพะยะค่ะ

*สำหรับหุ้น SINGHA ที่ตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงปรับฐาน และย่ำอยู่ที่ระดับนี้
และคาดว่าคงไม่หลุด 4 บาทอย่างแน่นอน
ส่วนจะขึ้นเมื่อไรนั้น โมนิก้าไม่ทราบ รู้แต่ว่าจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวัน 10 สิงหาคม นี้...
ส่วนการประชุมดังกล่าวจะมีผลต่อราคาหุ้นหรือไม่นั้น
คุณๆ ลองปะติดปะต่อเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอดีตกันเองก็แล้วกัน แล้วจะทราบว่ามันเกี่ยวกันหรือไม่

*ส่วนหุ้น AIT ที่บวกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมมีวอลุ่มมานั้น
โมนิก้าไปทราบมาว่า เป็นการเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2 ล้วนๆ เจ้าคะ
เพราะมีข่าวหลุดออกมาแล้วคะว่า งบที่กำลังจะออก เพียงไตรมาสเดียวนี้ มีผลกำไรที่ดีกว่าทั้งปี 2548 เลยนะคะ

*ถ้าถามว่าเข้าไปลุยได้ไหม เดี๊ยนขอเตือนไว้ก่อนว่า
ราคาหุ้นวิ่งมาประมาณ8-9 วันแล้ว ตั้งแต่ราคาหุ้นวิ่งอยู่ที่ระดับ 13 บาทเท่านั้น
ส่วนจะไปต่อได้ไกลแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับผลประกอบการจะประกาศเมื่อไร
ซึ่งถ้างบการเงินออกมาแน่นอนเลยว่า หุ้นจะต้องลงชัวร์
เพราะล่าสุดหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดถึงที่ 16.30 บาท บวกไป 1.10 บาทเชียวน่ะ...